โป๊ปฟรังซิส: “พระเยซูเลือกเราที่หัวใจ ไม่ใช่เลือกจากคนที่ทำบาปน้อยสุด”
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ พระเยซูเลือกเราทุกคนที่ “หัวใจ” ไม่ใช่ดูว่า ใครทำบาปหนักสุดแล้วจะไม่เลือกคนนั้น ทรงสอน อย่าเป็นคริสตชนที่พูดว่า “ฉันเป็นคาทอลิก” แต่สักพักก็บอกว่าไม่เป็นคาทอลิกแล้ว เพราะคนแบบนี้คือคริสตชนที่ไม่ได้เข้ามาอยู่ในพระศาสนจักร แต่เป็นพวกที่มาถึงพระศาสนจักรแล้วหยุดอยู่ตรง “ห้องรับแขก” แต่ไม่ได้เข้ามาอาศัยอยู่ข้างในอย่างแท้จริง
ช่วงเช้าวันอังคารที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายพิธีบูชาขอบพระคุณในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา โอกาสวันฉลองนักบุญซีมอนและนักบุญยูดาห์ อัครสาวก
พระวรสารวันนี้จากนักบุญลูกา เป็นเหตุการณ์ที่พระเยซูทรงเลือกอัครสาวก 12 คน จากนั้น พระเยซูทรงรักษาทุกคนที่ป่วยและถูกปีศาจรบกวน (ลูกา 6:12-19)
พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันพระวรสารตอนนี้ว่า “พระเยซูทรงภาวนา พระองค์ทรงเรียก พระองค์ทรงเลือก พระองค์ทรงส่งบรรดาสาวกออกไป และพระองค์ทรงรักษาผู้คน ในพระวิหารนี้ พระเยซูทรงเป็นศิลาเอกที่ทำพันธกิจทุกอย่าง กล่าวคือ เป็นพระองค์เองที่ทรงบริหารจัดการพระศาสนจักรเหมือนที่นักบุญเปาโลกล่าวไว้ว่า พระศาสนจักรถูกตั้งอยู่บนอัครสาวกที่พระเยซูทรงเลือกมา พวกสาวกทุกคนเป็นคนบาป ยูดาสไม่ใช่คนที่เคยทำบาปหนักสุด เพราะพ่อไม่รู้ว่า(ในหมู่พวกเขา)ใครเคยทำบาปหนักที่สุด ยูดาส ผู้น่าสงสาร เป็นคนที่ปิดตัวเองให้กับความรักและนี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาจึงกลายเป็นผู้ทรยศ แต่พวกสาวกทุกคนก็วิ่งหนีจากพระเยซูระหว่างช่วงเวลายากลำบากของเหตุการณ์พระมหาทรมาน และปล่อยให้พระเยซูทรงอยู่อย่างโดดเดี่ยว พวกเขาทุกคนเป็นคนบาปเหมือนกันหมด แต่พระองค์ก็ยังเลือกพวกเขา
“พระเยซูทรงต้องการให้เราเข้าไปข้างในพระศาสนจักร ไม่มีใครที่เป็นแค่แขกผู้มาเยือนหรือคนแปลกหน้า แต่พวกเราจะเป็นประชากรที่ถูกต้อง พวกเราไม่ใช่แค่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่นี่คือรากเหง้าของเรา นี่คือสิ่งที่บอกว่าชีวิตเราอยู่ตรงไหร
“พวกเราทุกคนคือประชากร เป็นประชากรกลุ่มเดียวกันในพระศาสนจักร ถ้าเราไม่เข้าสู่พระวิหารนี้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของพระวิหาร และเพื่อให้พระจิตเข้ามาอาศัยในตัวเรา พวกเราก็ไม่ใช่พระศาสนจักร พวกเราอยู่บนธรณีประตูและมองเข้าไปข้างใน และกล่าวว่า ‘มันงดงามจริง ดูดีมากๆ’ คริสตชนที่พูดแบบนี้คือคริสตชนที่ไม่ได้เดินเข้าไปให้ลึกกว่าห้องรับแขกของพระศาสนจักร พวกเขาอยู่แค่ที่ประตู พวกเขาจะพูดว่า ‘ใช่ ฉันเป็นคาทอลิก แต่บางครั้งก็ไม่เป็นคาทอลิกเหมือนกัน’
“นี่คือทัศนคติที่ไม่ให้ความเคารพต่อความรักและความเมตตาที่พระเยซูทรงมีต่อเราทุกคน ข้อพิสูจน์เรื่องนี้คือทัศนคติที่เปโตรมีต่อพระเยซู เปโตรคนที่ได้หันหัวเข้ามาในพระศาสนจักร แม้แต่เสาหลักของพระศาสนจักร(อย่างนักบุญเปโตร) ก็ยังทรยศต่อพระเยซู แต่พระองค์ทรงตอบสนองเขาด้วยการให้อภัย
“สำหรับพระเยซู บาปของนักบุญเปโตรไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะพระเยซูทรงมองไปที่หัวใจของเขา การที่จะค้นพบหัวใจและรักษาหัวใจได้นั้น พระเยซูทรงสวดภาวนา พระเยซูทรงภาวนาและทรงรักษา นี่คือสิ่งที่พระองค์ทำเพื่อเราทุกคน พวกเราไม่สามารถเข้าใจพระศาสนจักรถ้าปราศจากพระเยซูผู้ทรงภาวนาและรักษาเรา
“ดังนั้น ขอให้พระจิตช่วยเราให้เข้าใจว่า พระศาสนจักรมีพละกำลังก็ด้วยคำภาวนาของพระเยซู เพื่อว่า พระองค์จะได้รักษาเราทุกคน” พระสันตะปาปา ตรัสในตอนท้าย
Read More: Vatican Radio
ช่วงเช้าวันอังคารที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายพิธีบูชาขอบพระคุณในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา โอกาสวันฉลองนักบุญซีมอนและนักบุญยูดาห์ อัครสาวก
พระวรสารวันนี้จากนักบุญลูกา เป็นเหตุการณ์ที่พระเยซูทรงเลือกอัครสาวก 12 คน จากนั้น พระเยซูทรงรักษาทุกคนที่ป่วยและถูกปีศาจรบกวน (ลูกา 6:12-19)
พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันพระวรสารตอนนี้ว่า “พระเยซูทรงภาวนา พระองค์ทรงเรียก พระองค์ทรงเลือก พระองค์ทรงส่งบรรดาสาวกออกไป และพระองค์ทรงรักษาผู้คน ในพระวิหารนี้ พระเยซูทรงเป็นศิลาเอกที่ทำพันธกิจทุกอย่าง กล่าวคือ เป็นพระองค์เองที่ทรงบริหารจัดการพระศาสนจักรเหมือนที่นักบุญเปาโลกล่าวไว้ว่า พระศาสนจักรถูกตั้งอยู่บนอัครสาวกที่พระเยซูทรงเลือกมา พวกสาวกทุกคนเป็นคนบาป ยูดาสไม่ใช่คนที่เคยทำบาปหนักสุด เพราะพ่อไม่รู้ว่า(ในหมู่พวกเขา)ใครเคยทำบาปหนักที่สุด ยูดาส ผู้น่าสงสาร เป็นคนที่ปิดตัวเองให้กับความรักและนี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาจึงกลายเป็นผู้ทรยศ แต่พวกสาวกทุกคนก็วิ่งหนีจากพระเยซูระหว่างช่วงเวลายากลำบากของเหตุการณ์พระมหาทรมาน และปล่อยให้พระเยซูทรงอยู่อย่างโดดเดี่ยว พวกเขาทุกคนเป็นคนบาปเหมือนกันหมด แต่พระองค์ก็ยังเลือกพวกเขา
“พระเยซูทรงต้องการให้เราเข้าไปข้างในพระศาสนจักร ไม่มีใครที่เป็นแค่แขกผู้มาเยือนหรือคนแปลกหน้า แต่พวกเราจะเป็นประชากรที่ถูกต้อง พวกเราไม่ใช่แค่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่นี่คือรากเหง้าของเรา นี่คือสิ่งที่บอกว่าชีวิตเราอยู่ตรงไหร
“พวกเราทุกคนคือประชากร เป็นประชากรกลุ่มเดียวกันในพระศาสนจักร ถ้าเราไม่เข้าสู่พระวิหารนี้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของพระวิหาร และเพื่อให้พระจิตเข้ามาอาศัยในตัวเรา พวกเราก็ไม่ใช่พระศาสนจักร พวกเราอยู่บนธรณีประตูและมองเข้าไปข้างใน และกล่าวว่า ‘มันงดงามจริง ดูดีมากๆ’ คริสตชนที่พูดแบบนี้คือคริสตชนที่ไม่ได้เดินเข้าไปให้ลึกกว่าห้องรับแขกของพระศาสนจักร พวกเขาอยู่แค่ที่ประตู พวกเขาจะพูดว่า ‘ใช่ ฉันเป็นคาทอลิก แต่บางครั้งก็ไม่เป็นคาทอลิกเหมือนกัน’
“นี่คือทัศนคติที่ไม่ให้ความเคารพต่อความรักและความเมตตาที่พระเยซูทรงมีต่อเราทุกคน ข้อพิสูจน์เรื่องนี้คือทัศนคติที่เปโตรมีต่อพระเยซู เปโตรคนที่ได้หันหัวเข้ามาในพระศาสนจักร แม้แต่เสาหลักของพระศาสนจักร(อย่างนักบุญเปโตร) ก็ยังทรยศต่อพระเยซู แต่พระองค์ทรงตอบสนองเขาด้วยการให้อภัย
“สำหรับพระเยซู บาปของนักบุญเปโตรไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะพระเยซูทรงมองไปที่หัวใจของเขา การที่จะค้นพบหัวใจและรักษาหัวใจได้นั้น พระเยซูทรงสวดภาวนา พระเยซูทรงภาวนาและทรงรักษา นี่คือสิ่งที่พระองค์ทำเพื่อเราทุกคน พวกเราไม่สามารถเข้าใจพระศาสนจักรถ้าปราศจากพระเยซูผู้ทรงภาวนาและรักษาเรา
“ดังนั้น ขอให้พระจิตช่วยเราให้เข้าใจว่า พระศาสนจักรมีพละกำลังก็ด้วยคำภาวนาของพระเยซู เพื่อว่า พระองค์จะได้รักษาเราทุกคน” พระสันตะปาปา ตรัสในตอนท้าย
Read More: Vatican Radio
Comments
Post a Comment