โป๊ปฟรังซิส: "ธรรมทูตคือคนที่เชื่อฟังพระจิตและดำเนินชีวิตอยู่ในพระวรสาร"
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงชี้ ธรรมทูตแพร่ธรรมคือคนที่นบนอบเชื่อฟังพระจิตและดำเนินชีวิตอยู่ในพระวรสาร เฉกเช่นนักบุญใหม่ในวันนี้ "นักบุญฟร็องซัวส์ เด ลาวัล" และ "นักบุญมารี เดล อินการ์นาติออง" พร้อมกันนี้ ทรงแบ่งปันพระวรสาร พระเจ้าเชิญทุกคนให้มาหาพระองค์ เชิญแบบไม่แบ่งแยกไม่กีดกันใครทั้งนั้น ทุกคนมีโอกาสเท่ากันในการตอบรับคำเชิญของพระเจ้า
![](//2.bp.blogspot.com/-hEvbhiATZl4/VDqFWWOkojI/AAAAAAAAVFI/bJL9J1kdgZs/s1600/2.jpg)
![](//4.bp.blogspot.com/-q04iLhLuZjc/VDqFWpdNlAI/AAAAAAAAVFM/eOuUT51_GyA/s1600/3.jpg)
![](//4.bp.blogspot.com/-Ev29FOIDc-s/VDqFWWwRNaI/AAAAAAAAVFQ/NWFiKZxapkY/s1600/1.jpg)
ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในพิธีบูชาขอบพระคุณ โอกาสฉลองนักบุญใหม่ ได้แก่ "นักบุญฟร็องซัวส์ เด ลาวัล" พระสังฆราชคาทอลิกองค์แรกของควิเบก ประเทศแคนาดา และ "นักบุญมารี เดล อินการ์นาติออง" ซิสเตอร์ชาวฝรั่งเศสของคณะอุร์สุลินที่ไปแพร่ธรรมในแคนาดา พิธีนี้จัดในมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมจำนวนมาก
สำหรับการประกาศเป็นนักบุญโดยไม่มีการจัดพิธีบูชาขอบพระคุณแบบพิธีนี้ เรียกว่า "Equivalent Canonisation" (เทียบเท่าการสถาปนาเป็นนักบุญ) วิธีการนี้ แทบจะไม่พบเห็นในยุคปัจจุบัน วิธีนี้จะใช้การพิจารณาชีวิตของผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนักบุญ, ศึกษางานเขียน, ความศักดิ์สิทธิ์ของชีวิต และอัศจรรย์ที่เกิดจากการสวดขอพระเจ้า ผ่านทางคำเสนอวิงวอนขอท่านผู้นั้น การใช้วิธีเทียบเท่าการสถาปนาเป็นนักบุญ (แต่งตั้งเป็นนักบุญ โดยไม่มีพิธีบูชาขอบพระคุณ) สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 เคยใช้กับการประกาศแต่งตั้ง "นักบุญฮิลเดการ์ดแห่งบิงเก้น" ส่วนสมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ก็เคยใช้ตอนประกาศแต่งตั้ง "นักบุญปีเตอร์ เฟเบอร์" (เปียร์ เลอแฟ๊บวร์) สงฆ์เยสุอิตชาวฝรั่งเศส เมื่อเดือนมีนาคม 2014
ในส่วนของบทเทศน์ประจำพิธีนี้ พระสันตะปาปาตรัสว่า "พระศาสนจักรคาทอลิกในควิเบกจัดว่าอุดมสมบูรณ์มากๆ ความอุดมสมบูรณ์ในที่นี้อยู่ในเหล่าธรรมทูตที่ออกไปประกาศพระวรสารในทุกหนทุกแห่ง โลกถูกเติมเต็มด้วยธรรมทูตชาวแคเนเดี้ยนอย่างเช่นท่านนักบุญใหม่ทั้งสององค์นี้ ปีศาจมันอิจฉาและไม่ยอมให้แผ่นดินนี้เกิดความอุดมสมบูรณ์ด้วยธรรมทูตอย่างเด็ดขาด
"บรรดาธรรมทูตคือคนที่นบนอบเชื่อฟังพระจิต ธรรมทูตมีความกล้าที่จะดำเนินชีวิตอยู่ในพระวรสาร พวกเขาไปในทุกที่ในโลกเพื่อเรียกผู้คนให้ไปหาพระคริสตเจ้าและพระศาสนจักร ธรรมทูตได้มองไปยังพระคริสตเจ้าผู้ทรงถูกตรึงบนไม้กางเขน พวกเขาได้รับพระหรรษทานและพวกเขาก็ไม่ได้เก็บไว้กับตัวเอง
"พันธกิจของพระศาสนจักรในการประกาศพระวรสารคือการประกาศความรักของพระเจ้า, ความเมตตา และการให้อภัย นอกจากนี้ ยังเป็นการเผยแสดงให้เราเห็นถึงการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนม์ชีพของพระคริสตเจ้า นักบุญฟร็องซัวส์ เด ลาวัล และ นักบุญมารี เดล อินการ์นาติออง คือแบบอย่างของกระแสเรียกในการแพร่ธรรมอย่างแท้จริง
"สำหรับบรรดาสัตบุรุษที่มาจากแคนาดาเพื่อมาร่วมโมทนาคุณพระเจ้าในวันนี้ พ่ออยากนำเสนอคำพูดแนะนำ 2 คำแก่พวกท่าน 2 คำนี้พ่อนำมาจากจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวฮีบรู
"คำแรก 'จงระลึกถึงผู้นำของท่าน ซึ่งประกาศพระวาจาของพระเจ้าให้กับท่าน' ความทรงจำของมรณสักขียังคงอยู่กับเราในช่วงเวลาที่กระแสเรียกยังน้อยอยู่ แต่แบบอย่างของพวกมรณสักขีได้ดึงดูดและสร้างความประทับใจให้เรา พวกท่านเป็นแรงบันดาลใจให้เราที่จะดำเนินชีวิตเลียนแบบความเชื่อของพวกท่าน
"คำที่สอง 'จงระลึกถึงวันในอดีต วันที่ท่านสู้ทนความทุกข์ทรมานมากมายหลังจากที่ได้รับความสว่าง จงอย่าทิ้งความไว้วางใจซึ่งมีบำเหน็จยิ่งใหญ่ ท่านต้องมีความเพียรในการทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า เพื่อจะได้รับบำเหน็จตามพระสัญญา' เพื่อเป็นการให้เกียรติกับผู้ที่ทนทุกข์ในการนำพระวรสารมาให้กับเรา พวกเราต้องพร้อมเสมอที่จะสู้เพื่อสิ่งดีงามแห่งความเชื่อ สู้ด้วยความสุภาพถ่อมตน, นบนอบ และเมตตาในชีวิตประจำวัน
"ดังนั้น นี่จึงเป็นความชื่นชมยินดีและความท้าทายในการจาริกแสวงบุญของพวกท่าน กล่าวคือ จงฉลองการเป็นประจักษ์พยานและการเป็นธรรมทูตแห่งความเชื่อในประเทศของพวกท่าน ความทรงจำของท่านนักบุญทั้งสองยังคงอยู่ตลอดการเดินทางของเราเพื่อจะมุ่งไปสู่อนาคต ไปสู่จุดหมายปลายทาง เมื่อพระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของเรา" พระสันตะปาปา ตรัสในตอนท้าย
หลังพิธีบูชาขอบพระคุณจบลง พระสันตะปาปาทรงออกมานำสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว โดยวันนี้ พระสันตะปาปาทรงแบ่งปันข้อคิดจากพระวรสารวันอาทิตย์จากนักบุญแม็ทธิว ซึ่งกษัตริย์ได้เชิญแขกผู้มีเกียรติให้มาร่วมพิธีมงคลสมรส งานนี้ผู้รับเชิญกลุ่มแรกปฏิเสธ จนกษัตริย์ต้องสั่งผู้รับใช้ไปตามท้องถนน เจอใครก็ให้เชิญมาร่วมงานได้เลย
พระสันตะปาปา ตรัสแบ่งปันว่า "พระเจ้าทรงคุณความดีแบบหาที่สุดมิได้ พระองค์เชิญทุกคนแบบไม่แบ่งแยกว่าใครเป็นใคร ทุกคนได้รับโอกาสเท่ากันที่จะตอบสนองต่อคำเชิญของพระองค์
"ดังนั้น เราจำเป็นต้องเปิดตัวเองก้าวออกไปหาคนที่อยู่ชายขอบของสังคม เราต้องตระหนักถึงคนที่กลายเป็นส่วนเกินของสังคม รวมถึงคนที่ถูกสังคมปฏิเสธ พวกเขาเหล่านี้ก็เป็นคนที่พระเจ้าทรงรักและเมตตา ฉะนั้น จงเปิดใจต้อนรับทุกคนโดยไม่มีการแบ่งแยก" พระสันตะปาปา ตรัสปิดท้าย
Read More: Vatican Radio
![](http://2.bp.blogspot.com/-hEvbhiATZl4/VDqFWWOkojI/AAAAAAAAVFI/bJL9J1kdgZs/s1600/2.jpg)
![](http://4.bp.blogspot.com/-q04iLhLuZjc/VDqFWpdNlAI/AAAAAAAAVFM/eOuUT51_GyA/s1600/3.jpg)
![](http://4.bp.blogspot.com/-Ev29FOIDc-s/VDqFWWwRNaI/AAAAAAAAVFQ/NWFiKZxapkY/s1600/1.jpg)
ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในพิธีบูชาขอบพระคุณ โอกาสฉลองนักบุญใหม่ ได้แก่ "นักบุญฟร็องซัวส์ เด ลาวัล" พระสังฆราชคาทอลิกองค์แรกของควิเบก ประเทศแคนาดา และ "นักบุญมารี เดล อินการ์นาติออง" ซิสเตอร์ชาวฝรั่งเศสของคณะอุร์สุลินที่ไปแพร่ธรรมในแคนาดา พิธีนี้จัดในมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมจำนวนมาก
สำหรับการประกาศเป็นนักบุญโดยไม่มีการจัดพิธีบูชาขอบพระคุณแบบพิธีนี้ เรียกว่า "Equivalent Canonisation" (เทียบเท่าการสถาปนาเป็นนักบุญ) วิธีการนี้ แทบจะไม่พบเห็นในยุคปัจจุบัน วิธีนี้จะใช้การพิจารณาชีวิตของผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนักบุญ, ศึกษางานเขียน, ความศักดิ์สิทธิ์ของชีวิต และอัศจรรย์ที่เกิดจากการสวดขอพระเจ้า ผ่านทางคำเสนอวิงวอนขอท่านผู้นั้น การใช้วิธีเทียบเท่าการสถาปนาเป็นนักบุญ (แต่งตั้งเป็นนักบุญ โดยไม่มีพิธีบูชาขอบพระคุณ) สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 เคยใช้กับการประกาศแต่งตั้ง "นักบุญฮิลเดการ์ดแห่งบิงเก้น" ส่วนสมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ก็เคยใช้ตอนประกาศแต่งตั้ง "นักบุญปีเตอร์ เฟเบอร์" (เปียร์ เลอแฟ๊บวร์) สงฆ์เยสุอิตชาวฝรั่งเศส เมื่อเดือนมีนาคม 2014
ในส่วนของบทเทศน์ประจำพิธีนี้ พระสันตะปาปาตรัสว่า "พระศาสนจักรคาทอลิกในควิเบกจัดว่าอุดมสมบูรณ์มากๆ ความอุดมสมบูรณ์ในที่นี้อยู่ในเหล่าธรรมทูตที่ออกไปประกาศพระวรสารในทุกหนทุกแห่ง โลกถูกเติมเต็มด้วยธรรมทูตชาวแคเนเดี้ยนอย่างเช่นท่านนักบุญใหม่ทั้งสององค์นี้ ปีศาจมันอิจฉาและไม่ยอมให้แผ่นดินนี้เกิดความอุดมสมบูรณ์ด้วยธรรมทูตอย่างเด็ดขาด
"บรรดาธรรมทูตคือคนที่นบนอบเชื่อฟังพระจิต ธรรมทูตมีความกล้าที่จะดำเนินชีวิตอยู่ในพระวรสาร พวกเขาไปในทุกที่ในโลกเพื่อเรียกผู้คนให้ไปหาพระคริสตเจ้าและพระศาสนจักร ธรรมทูตได้มองไปยังพระคริสตเจ้าผู้ทรงถูกตรึงบนไม้กางเขน พวกเขาได้รับพระหรรษทานและพวกเขาก็ไม่ได้เก็บไว้กับตัวเอง
"พันธกิจของพระศาสนจักรในการประกาศพระวรสารคือการประกาศความรักของพระเจ้า, ความเมตตา และการให้อภัย นอกจากนี้ ยังเป็นการเผยแสดงให้เราเห็นถึงการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนม์ชีพของพระคริสตเจ้า นักบุญฟร็องซัวส์ เด ลาวัล และ นักบุญมารี เดล อินการ์นาติออง คือแบบอย่างของกระแสเรียกในการแพร่ธรรมอย่างแท้จริง
"สำหรับบรรดาสัตบุรุษที่มาจากแคนาดาเพื่อมาร่วมโมทนาคุณพระเจ้าในวันนี้ พ่ออยากนำเสนอคำพูดแนะนำ 2 คำแก่พวกท่าน 2 คำนี้พ่อนำมาจากจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวฮีบรู
"คำแรก 'จงระลึกถึงผู้นำของท่าน ซึ่งประกาศพระวาจาของพระเจ้าให้กับท่าน' ความทรงจำของมรณสักขียังคงอยู่กับเราในช่วงเวลาที่กระแสเรียกยังน้อยอยู่ แต่แบบอย่างของพวกมรณสักขีได้ดึงดูดและสร้างความประทับใจให้เรา พวกท่านเป็นแรงบันดาลใจให้เราที่จะดำเนินชีวิตเลียนแบบความเชื่อของพวกท่าน
"คำที่สอง 'จงระลึกถึงวันในอดีต วันที่ท่านสู้ทนความทุกข์ทรมานมากมายหลังจากที่ได้รับความสว่าง จงอย่าทิ้งความไว้วางใจซึ่งมีบำเหน็จยิ่งใหญ่ ท่านต้องมีความเพียรในการทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า เพื่อจะได้รับบำเหน็จตามพระสัญญา' เพื่อเป็นการให้เกียรติกับผู้ที่ทนทุกข์ในการนำพระวรสารมาให้กับเรา พวกเราต้องพร้อมเสมอที่จะสู้เพื่อสิ่งดีงามแห่งความเชื่อ สู้ด้วยความสุภาพถ่อมตน, นบนอบ และเมตตาในชีวิตประจำวัน
"ดังนั้น นี่จึงเป็นความชื่นชมยินดีและความท้าทายในการจาริกแสวงบุญของพวกท่าน กล่าวคือ จงฉลองการเป็นประจักษ์พยานและการเป็นธรรมทูตแห่งความเชื่อในประเทศของพวกท่าน ความทรงจำของท่านนักบุญทั้งสองยังคงอยู่ตลอดการเดินทางของเราเพื่อจะมุ่งไปสู่อนาคต ไปสู่จุดหมายปลายทาง เมื่อพระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของเรา" พระสันตะปาปา ตรัสในตอนท้าย
หลังพิธีบูชาขอบพระคุณจบลง พระสันตะปาปาทรงออกมานำสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว โดยวันนี้ พระสันตะปาปาทรงแบ่งปันข้อคิดจากพระวรสารวันอาทิตย์จากนักบุญแม็ทธิว ซึ่งกษัตริย์ได้เชิญแขกผู้มีเกียรติให้มาร่วมพิธีมงคลสมรส งานนี้ผู้รับเชิญกลุ่มแรกปฏิเสธ จนกษัตริย์ต้องสั่งผู้รับใช้ไปตามท้องถนน เจอใครก็ให้เชิญมาร่วมงานได้เลย
พระสันตะปาปา ตรัสแบ่งปันว่า "พระเจ้าทรงคุณความดีแบบหาที่สุดมิได้ พระองค์เชิญทุกคนแบบไม่แบ่งแยกว่าใครเป็นใคร ทุกคนได้รับโอกาสเท่ากันที่จะตอบสนองต่อคำเชิญของพระองค์
"ดังนั้น เราจำเป็นต้องเปิดตัวเองก้าวออกไปหาคนที่อยู่ชายขอบของสังคม เราต้องตระหนักถึงคนที่กลายเป็นส่วนเกินของสังคม รวมถึงคนที่ถูกสังคมปฏิเสธ พวกเขาเหล่านี้ก็เป็นคนที่พระเจ้าทรงรักและเมตตา ฉะนั้น จงเปิดใจต้อนรับทุกคนโดยไม่มีการแบ่งแยก" พระสันตะปาปา ตรัสปิดท้าย
Read More: Vatican Radio
Comments
Post a Comment