โป๊ปฟรังซิส: "ธรรมทูตคือคนที่เชื่อฟังพระจิตและดำเนินชีวิตอยู่ในพระวรสาร"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงชี้ ธรรมทูตแพร่ธรรมคือคนที่นบนอบเชื่อฟังพระจิตและดำเนินชีวิตอยู่ในพระวรสาร เฉกเช่นนักบุญใหม่ในวันนี้ "นักบุญฟร็องซัวส์ เด ลาวัล" และ "นักบุญมารี เดล อินการ์นาติออง" พร้อมกันนี้ ทรงแบ่งปันพระวรสาร พระเจ้าเชิญทุกคนให้มาหาพระองค์ เชิญแบบไม่แบ่งแยกไม่กีดกันใครทั้งนั้น ทุกคนมีโอกาสเท่ากันในการตอบรับคำเชิญของพระเจ้า






ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในพิธีบูชาขอบพระคุณ โอกาสฉลองนักบุญใหม่ ได้แก่ "นักบุญฟร็องซัวส์ เด ลาวัล" พระสังฆราชคาทอลิกองค์แรกของควิเบก ประเทศแคนาดา และ "นักบุญมารี เดล อินการ์นาติออง" ซิสเตอร์ชาวฝรั่งเศสของคณะอุร์สุลินที่ไปแพร่ธรรมในแคนาดา พิธีนี้จัดในมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมจำนวนมาก

สำหรับการประกาศเป็นนักบุญโดยไม่มีการจัดพิธีบูชาขอบพระคุณแบบพิธีนี้ เรียกว่า "Equivalent Canonisation" (เทียบเท่าการสถาปนาเป็นนักบุญ) วิธีการนี้ แทบจะไม่พบเห็นในยุคปัจจุบัน วิธีนี้จะใช้การพิจารณาชีวิตของผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนักบุญ, ศึกษางานเขียน, ความศักดิ์สิทธิ์ของชีวิต และอัศจรรย์ที่เกิดจากการสวดขอพระเจ้า ผ่านทางคำเสนอวิงวอนขอท่านผู้นั้น การใช้วิธีเทียบเท่าการสถาปนาเป็นนักบุญ (แต่งตั้งเป็นนักบุญ โดยไม่มีพิธีบูชาขอบพระคุณ) สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 เคยใช้กับการประกาศแต่งตั้ง "นักบุญฮิลเดการ์ดแห่งบิงเก้น" ส่วนสมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ก็เคยใช้ตอนประกาศแต่งตั้ง "นักบุญปีเตอร์ เฟเบอร์" (เปียร์ เลอแฟ๊บวร์) สงฆ์เยสุอิตชาวฝรั่งเศส เมื่อเดือนมีนาคม 2014

ในส่วนของบทเทศน์ประจำพิธีนี้ พระสันตะปาปาตรัสว่า "พระศาสนจักรคาทอลิกในควิเบกจัดว่าอุดมสมบูรณ์มากๆ ความอุดมสมบูรณ์ในที่นี้อยู่ในเหล่าธรรมทูตที่ออกไปประกาศพระวรสารในทุกหนทุกแห่ง โลกถูกเติมเต็มด้วยธรรมทูตชาวแคเนเดี้ยนอย่างเช่นท่านนักบุญใหม่ทั้งสององค์นี้ ปีศาจมันอิจฉาและไม่ยอมให้แผ่นดินนี้เกิดความอุดมสมบูรณ์ด้วยธรรมทูตอย่างเด็ดขาด

"บรรดาธรรมทูตคือคนที่นบนอบเชื่อฟังพระจิต ธรรมทูตมีความกล้าที่จะดำเนินชีวิตอยู่ในพระวรสาร พวกเขาไปในทุกที่ในโลกเพื่อเรียกผู้คนให้ไปหาพระคริสตเจ้าและพระศาสนจักร ธรรมทูตได้มองไปยังพระคริสตเจ้าผู้ทรงถูกตรึงบนไม้กางเขน พวกเขาได้รับพระหรรษทานและพวกเขาก็ไม่ได้เก็บไว้กับตัวเอง

"พันธกิจของพระศาสนจักรในการประกาศพระวรสารคือการประกาศความรักของพระเจ้า, ความเมตตา และการให้อภัย นอกจากนี้ ยังเป็นการเผยแสดงให้เราเห็นถึงการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนม์ชีพของพระคริสตเจ้า นักบุญฟร็องซัวส์ เด ลาวัล และ นักบุญมารี เดล อินการ์นาติออง คือแบบอย่างของกระแสเรียกในการแพร่ธรรมอย่างแท้จริง

"สำหรับบรรดาสัตบุรุษที่มาจากแคนาดาเพื่อมาร่วมโมทนาคุณพระเจ้าในวันนี้ พ่ออยากนำเสนอคำพูดแนะนำ 2 คำแก่พวกท่าน 2 คำนี้พ่อนำมาจากจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวฮีบรู

"คำแรก 'จงระลึกถึงผู้นำของท่าน ซึ่งประกาศพระวาจาของพระเจ้าให้กับท่าน' ความทรงจำของมรณสักขียังคงอยู่กับเราในช่วงเวลาที่กระแสเรียกยังน้อยอยู่ แต่แบบอย่างของพวกมรณสักขีได้ดึงดูดและสร้างความประทับใจให้เรา พวกท่านเป็นแรงบันดาลใจให้เราที่จะดำเนินชีวิตเลียนแบบความเชื่อของพวกท่าน

"คำที่สอง 'จงระลึกถึงวันในอดีต วันที่ท่านสู้ทนความทุกข์ทรมานมากมายหลังจากที่ได้รับความสว่าง จงอย่าทิ้งความไว้วางใจซึ่งมีบำเหน็จยิ่งใหญ่ ท่านต้องมีความเพียรในการทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า เพื่อจะได้รับบำเหน็จตามพระสัญญา' เพื่อเป็นการให้เกียรติกับผู้ที่ทนทุกข์ในการนำพระวรสารมาให้กับเรา พวกเราต้องพร้อมเสมอที่จะสู้เพื่อสิ่งดีงามแห่งความเชื่อ สู้ด้วยความสุภาพถ่อมตน, นบนอบ และเมตตาในชีวิตประจำวัน

"ดังนั้น นี่จึงเป็นความชื่นชมยินดีและความท้าทายในการจาริกแสวงบุญของพวกท่าน กล่าวคือ จงฉลองการเป็นประจักษ์พยานและการเป็นธรรมทูตแห่งความเชื่อในประเทศของพวกท่าน ความทรงจำของท่านนักบุญทั้งสองยังคงอยู่ตลอดการเดินทางของเราเพื่อจะมุ่งไปสู่อนาคต ไปสู่จุดหมายปลายทาง เมื่อพระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของเรา" พระสันตะปาปา ตรัสในตอนท้าย

หลังพิธีบูชาขอบพระคุณจบลง พระสันตะปาปาทรงออกมานำสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว โดยวันนี้ พระสันตะปาปาทรงแบ่งปันข้อคิดจากพระวรสารวันอาทิตย์จากนักบุญแม็ทธิว ซึ่งกษัตริย์ได้เชิญแขกผู้มีเกียรติให้มาร่วมพิธีมงคลสมรส งานนี้ผู้รับเชิญกลุ่มแรกปฏิเสธ จนกษัตริย์ต้องสั่งผู้รับใช้ไปตามท้องถนน เจอใครก็ให้เชิญมาร่วมงานได้เลย

พระสันตะปาปา ตรัสแบ่งปันว่า "พระเจ้าทรงคุณความดีแบบหาที่สุดมิได้ พระองค์เชิญทุกคนแบบไม่แบ่งแยกว่าใครเป็นใคร ทุกคนได้รับโอกาสเท่ากันที่จะตอบสนองต่อคำเชิญของพระองค์

"ดังนั้น เราจำเป็นต้องเปิดตัวเองก้าวออกไปหาคนที่อยู่ชายขอบของสังคม เราต้องตระหนักถึงคนที่กลายเป็นส่วนเกินของสังคม รวมถึงคนที่ถูกสังคมปฏิเสธ พวกเขาเหล่านี้ก็เป็นคนที่พระเจ้าทรงรักและเมตตา ฉะนั้น จงเปิดใจต้อนรับทุกคนโดยไม่มีการแบ่งแยก" พระสันตะปาปา ตรัสปิดท้าย

Read More: Vatican Radio



Comments