โป๊ปฟรังซิส: "แม้แต่สังฆราชกลุ่มแรก ยังตกเป็นเหยื่อความมักใหญ่ใฝ่สูงในหน้าที่การงาน"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงชี้ แม้แต่อัครสาวกซึ่งเป็นพระสังฆราชกลุ่มแรก ยังตกเป็นเหยื่อความมักใหญ่ใฝ่สูงในหน้าที่การงาน พวกเขาเถียงกันเพื่อแย่งกันเป็นใหญ่ แต่คนที่จะเข้าสวรรค์ได้จริงๆ ต้องทำตัวเหมือนเด็กที่นบนอบเชื่อฟัง ทรงสอน เรื่องทูตสวรรค์ผู้อารักขาไม่ใช่เรื่องจินตนาการ เพราะพระเยซูทรงกล่าวว่า "เราส่งทูตสวรรค์ไปนำหน้าท่าน เพื่อปกป้องท่าน"



ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา ความพิเศษของมิสซานี้คือเป็นวันระลึกถึงทูตสวรรค์ผู้อารักขา พระวรสารประจำมิสซานี้ตามคำบอกเล่าของนักบุญแม็ทธิว (18: 1-5, 10) พระเยซูทรงสอนบรรดาศิษย์ว่า ถ้าพวกเขาไม่ทำตัวให้เหมือนเด็กเล็กๆ พวกเขาจะเข้าสวรรค์ไม่ได้เลย จงระวังให้ดี อย่าดูหมิ่นคนธรรมดาเหล่านี้ เพราะตลอดเวลาในสวรรค์ ทูตสวรรค์ของเขาเฝ้าชมพระพักตร์พระบิดาผู้สถิตในสวรรค์

พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันว่า "พระวรสารวันนี้ นำเสนอเราในภาพลักษณ์ 2 แบบ คือ ทูตสวรรค์และเด็กน้อย พระเจ้าทรงจัดเตรียมทูตสวรรค์อยู่ข้างๆเราเพื่อเฝ้าดูแลเราเสมอ ดังนั้น ถ้าใครที่คิดว่าตัวเองสามารถเดินได้ตามทางของตัวเอง พวกเขาก็ผิดมหันต์ พวกเขาจะล้มลงและติดกับดักแห่งความหยิ่งผยอง พวกเขาจะเชื่อมั่นว่า ข้านี่เจ๋ง ข้านี่แน่ แต่พระเยซูทรงสอนบรรดาศิษย์ให้เป็นเหมือนเด็กๆ

"ว่าแต่ ตอนนั้น บรรดาศิษย์กำลังเถียงกันว่าใครจะเป็นใหญ่ในหมู่พวกเขา มันเป็นการเถียงกันภายในกลุ่ม แต่เอ๊ะ!? มันคือความมักใหญ่ใฝ่สูงในหน้าที่ใช่ไหม

"นี่(บรรดาศิษย์)คือบรรดาพระสังฆราชกลุ่มแรก ซึ่งถูกประจญล่อลวงด้วยความมักใหญ่ใฝ่สูงในหน้าที่การงาน เขาเถียงกัน 'ผมอยากจะเป็นใหญ่กว่าคุณ' พระสังฆราชกลุ่มแรก(บรรดาศิษย์)ไม่ได้ทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี แต่นี่คือความจริง พระเยซูทรงสอนพวกเขาด้วยทัศนคติที่แท้จริง นั่นคือ จงทำตนให้เหมือนเด็กๆ จงนบนอบ จงร้องขอคำแนะนำ ร้องขอความช่วยเหลือ เพราะเด็กคือเครื่องหมายของคนที่ต้องการความช่วยเหลือ คนที่นบนอบเชื่อฟัง นี่คือแนวทางที่พระเยซูสอน ไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่าใคร ดังนั้น ใครก็ตามที่มีทัศนคติคล้ายกับเด็กมากที่สุด ก็เป็นคนที่อยู่ใกล้ที่สุดที่พระบิดาจะพิจารณา เพราะพวกเขาฟังเสียงของทูตสวรรค์และเปิดใจนบนอบเชื่อฟัง

"ตามประเพณีของพระศาสนจักร เราทุกคนมีทูตสวรรค์ประจำตัวอยู่กับเรา คอยปกป้องเรา คอยช่วยเราให้ได้ยินสิ่งต่างๆ ว่าแต่ เราได้ยินเสียงทูตสวรรค์กันบ่อยไหม เสียงที่บอกว่า 'เราควรทำสิ่งนี้นะ, เราไม่ควรทำสิ่งนี้นะ, สิ่งนี้ไม่ถูกต้องนะ, คิดดีๆก่อนนะ' นี่คือเสียงที่ไปไหนมาไหนกับเราตลอด จงมั่นใจเถิดว่า ทูตสวรรค์จะนำทางและแนะนำเราไปจนวาระสุดท้ายของชีวิต จงฟังเสียงนี้ จงอย่าเป็นปฏิปักษ์กับทูตสวรรค์ เพราะการขัดขืนคือความต้องการที่จะเป็นอิสระ นี่คือความหยิ่งผยอง มันคือความโอหังที่ อาดัม บรรพบุรุษของเราเคยทำ ฉะนั้น อย่าตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ทูตสวรรค์ จงทำตามคำแนะนำของทูตสวรรค์

"เมื่อเราไม่ต้องการจะฟังเสียงทูตสวรรค์ มันก็เหมือนกับการบอกทูตสวรรค์ว่า 'ไปไกลๆ!' มันอันตรายนะที่เราไล่เพื่อนร่วมทางของเรา เพราะจะไม่มีใครมาแนะนำเราอีก เราจะแนะนำคนอื่นได้ แต่จะให้คำแนะนำตัวเองไม่ได้ เป็นพระจิตที่แนะนำเรา เป็นทูตสวรรค์ที่แนะนำเรา ดังนั้น เราจำเป็นต้องมีท่านอยู่กับเรา เรื่องทูตสวรรค์ผู้อารักขาไม่ใช่เรื่องจินตนาการตามหลักความเชื่อ ไม่นะ! นี่คือเรื่องจริง พระเยซูตรัสกับเราว่า 'เราส่งทูตสวรรค์นำหน้าท่าน เพื่อปกป้องท่าน เป็นเพื่อนร่วมทางท่าน เพื่อที่ท่านจะได้ไม่หลงทางไป'

"ด้วยเหตุนี้ ถามตัวเองว่า ความสัมพันธ์ของเรากับทูตสวรรค์ประจำตัวเป็นอย่างไร เราฟังเสียงท่านไหม เราเคยพูด 'อรุณสวัสดิ์' กับทูตสวรรค์หรือเปล่า เราเคยขอให้ทูตสวรรค์ปกป้องเวลาที่เรานอนไหม เราเคยขอคำแนะนำจากทูตสวรรค์หรือเปล่า เราสามารถตอบคำถามนี้ได้ในวันนี้นะ" พระสันตะปาปา ตรัสปิดท้าย

Read More: Vatican Radio

Comments