โป๊ปฟรังซิส: "อย่าเป็นคริสตชนขี้โม้ที่ชอบทำตัวเด่นให้คนอื่นมอง"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงสอน อย่าเป็นคริสตชนขี้โม้ที่ชอบทำตัวเด่นให้คนอื่นมอง เวลาทำดี จงทำเงียบๆ แค่ให้พระบิดาเห็น ก็พอแล้ว ทรงย้ำ อย่าคุยโวว่าเป็นญาติพระสังฆราช ญาติพระสงฆ์ หรือญาติซิสเตอร์ แต่หัดถามตัวเองว่า วันนี้ทำตามที่พระเยซูสอนหรือยัง ทรงชี้ คริสตชนขี้โม้เป็นเหมือนฟองสบู่ แวบแรกดูสวยงาม แต่จากนั้นไม่นาน แตกสลายทันที



ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านประจำมิสซานี้จากหนังสือปัญญจารย์ ซึ่งเป็นเรื่องที่สอนว่า "ไม่มีสิ่งใดเที่ยงแท้" ส่วนพระวรสารก็เป็นเหตุการณ์ที่กษัตริย์เฮร็อดรู้สึกสับสนเมื่อมีคนพูดถึงอัตลักษณ์ของพระเยซู

พระสันตะปาปาทรงกล่าวแบ่งปันบทอ่านเป็นอันดับแรก ใจความว่า "หนังสือปัญญาจารย์กล่าวชัดเจนว่า ทุกสิ่งไม่เที่ยงแท้ ตัวท่านเองก็เช่นกัน ถ้าท่านไม่มีสิ่งที่เป็นแก่นแท้เป็นรูปธรรม มันก็ไม่มีใครจะจดจำท่าน หนังสือปัญญจารย์วันนี้เตือนเราเกี่ยวกับการคุยโวโอ้อวด การคุยโวขี้โม้คือการประจญล่อลวงที่ไม่ได้เกิดกับคนต่างความเชื่อเท่านั้น แต่ยังเกิดกับพวกเราคริสตชนที่มีความเชื่อในพระเจ้าด้วย

"พระเยซูทรงตำหนิพวกที่ชอบคุยโวโอ้อวดบ่อยๆ พระองค์บอกพวกธรรมจารย์เหล่านั้นว่า พวกเขาไม่ควรออกไปเดินตามท้องถนนพร้อมกับแต่งตัวแบบหรูๆ เหมือนกับเจ้าชาย พระองค์ยังสอนอีกว่า เมื่อท่านภาวนา จงภาวนาแบบเงียบๆ อย่าให้ใครเห็น อย่าภาวนาเพื่อให้คนเห็นว่าท่านกำลังภาวนา พระเยซูสอนว่า เวลาสวดภาวนา จงไปสวดในห้องของตน พวกท่านก็ควรทำเช่นกัน เมื่อท่านช่วยเหลือผู้ยากไร้ จงอย่าเป่าแตรป่าวประกาศ จงทำแบบเงียบๆ พระบิดาทรงเห็นสิ่งที่ท่านทำ แค่นี้ก็พอแล้ว

"แต่สำหรับคนขี้โม้ เขาจะพูดว่า 'ดูซิ เรากำลังให้เช็คเงินสดกับงานของพระศาสนจักร เขาจะโชว์เช็คเงินสดให้ทุกคนเห็น เขาทำให้พระศาสนจักรออกจากทิศทางที่ควรจะเป็น แต่นี่แหละคือสิ่งที่พวกขี้โม้ชอบทำ คนพวกนี้ชอบดำเนินชีวิตให้คนเห็นว่าตัวเองทำอะไร พระเยซูสอนใช่ไหมว่า 'เมื่อท่านอดอาหาร อย่าทำหน้าเศร้า เพื่อให้ทุกคนเห็นว่าท่านกำลังอดอาหาร' อย่า! อย่าทำแบบนั้น จงอดอาหารด้วยความชื่นชมยินดี จงพลีกรรมด้วยความชื่นชมยินดี ทุกคนจะได้ไม่สังเกตว่าท่านอดอาหารอยู่ จงอย่าใช้ชีวิตคุยโวโอ้อวด เพื่อให้คนอื่นชำเลืองมองเด็ดขาด

"คริสตชนที่ดำเนินชีวิตแบบนี้(ขี้โม้โอ้อวด) เพื่อให้คนอื่นชำเลืองมอง ก็เป็นเหมือนพวกนกยูง พวกเขาวางท่าเหมือนนกยูง พวกเขาคือคนที่ปากพูดว่า 'ฉันเป็นคริสตชน ฉันเป็นญาติพระสงฆ์นะ ฉันเป็นญาติซิสเตอร์นะ ฉันเป็นญาติพระสังฆราชนะ ครอบครัวฉันเป็นครอบครัวคริสตชนนะ' พวกนี้อวดไปทั่ว แต่ชีวิตของท่านกับพระเจ้าเป็นไงบ้างล่ะ พวกท่านภาวนาบ้างไหม ชีวิตท่านมีความเมตตาบ้างไหม ท่านเคยไปเยี่ยมผู้ป่วยหรือเปล่า ในความเป็นจริงแล้ว นี่แหละคือสิ่งที่พระเยซูทรงสอนเรา พระองค์บอกว่า เราต้องสร้างบ้าน ซึ่งก็คือชีวิตคริสตชน เราต้องสร้างบนศิลาแห่งความจริง ในทางกลับกัน พระเยซูทรงเตือนพวกขี้โม้โอ้อวดที่สร้างบ้านบนทรายว่า บ้านเขาจะพังลง เพราะมันไม่สามารถทนต่อการประจญล่อลวงได้

"มีคริสตชนกี่คนที่ดำเนินชีวิตเพื่ออวดคนอื่น ชีวิตพวกเขาเป็นเหมือนฟองสบู่ มันดูสวยงาม มีสีสัน แต่อีกไม่กี่วินาทีต่อมา ฟองสบู่เป็นอย่างไรล่ะ? ... ถามตัวเองว่า เราขี้โม้หรือเปล่า เราทำความดีบ้างไหม เราแสวงหาพระเจ้าหรือไม่ เราสวดหรือเปล่า

"พระวรสารวันนี้ เราได้เห็นเฮร็อดกระวนกระวายและถามเกี่ยวกับอัตลักษณ์ของพระเยซู สิ่งนี้เกิดจากการโอ้อวดเหมือนกัน การขี้คุยขี้โม้คือการหว่านเมล็ดพันธุ์ให้กับความกระวนกระวายใจ มันนำสันติออกไปจากตัวเรา มันก็เหมือนกับคนที่แต่งตัวเว่อร์เกินไป แต่พอฝนตก เขากลัวที่จะออกไปเดิน การคุยโวโอ้อวดไม่ได้ให้สันติกับเรา มีเพียงความจริงเท่านั้นที่ให้สันติกับเรา

"ปีศาจล่อลวงพระเยซูในถิ่นทุรกันดาน ปีศาจเสนอสิ่งต่างๆให้พระเยซูบนหนทางแห่งการคุยโว แต่การคุยโวโอ้อวดจะทำให้จิตวิญญาณของเราย่ำแย่ลง ... ดังนั้น ขอให้เราวอนขอพระเจ้า โปรดประทานพระหรรษทานไม่ให้เราเป็นคนคุยโวโอ้อวด แต่อยู่กับความเป็นจริงตามหลักพระวรสาร" พระสันตะปาปา ตรัสปิดท้าย

Read More: Vatican Radio

Comments