โป๊ปฟรังซิส: "เยสุอิตเคยสูญเสียทุกอย่าง แต่เราไม่เคยขัดพระประสงค์ของพระเจ้า"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงชี้ เยสุอิตต้องเผชิญกับการสูญเสียทุกอย่าง เคยถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม แต่เยสุอิตไม่เคยขัดพระประสงค์ของพระเจ้า นี่คือเหตุผลที่ทำให้เยสุอิตอยู่รอดและกลับมาทำงานได้อีกครั้ง ทรงย้ำ ถ้าหากเยสุอิตเป็นคนเจ้าเล่ห์และคิดหาทางขัดขืนต่อพระประสงค์ของพระเจ้า เยสุอิตก็จะไม่มีวันได้รับอนุญาตให้ฟื้นฟูคณะอย่างแน่นอน ทรงประกาศชัด เยสุอิตต้องการที่จะเป็นเพื่อนร่วมทางของพระเยซู เราต้องมีความรู้สึกเดียวกับพระองค์






ช่วงเย็นวันเสาร์ที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการสวดทำวัตรเย็น ณ วัดพระเยซู (วัดของคณะเยสุอิต) โอกาสครบ 200 ปีที่คณะเยสุอิตได้กลับมาดำเนินพันธกิจคณะนักบวชอีกครั้ง หลังจากถูกยุบคณะไปเพราะแรงกดดันทางการเมืองในค.ศ.1773 เยสุอิตจึงสูญหายไปนานถึง 41 ปี กระทั่งวันที่ 7 สิงหาคม ค.ศ.1814 สมเด็จพระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 7 ได้ประกาศฟื้นฟูคณะอีกครั้ง และดำเนินงานอย่างยิ่งใหญ่มาถึงทุกวันนี้

ในส่วนของบทเทศน์ประจำการสวดทำวัตรเย็น พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า "หมู่คณะที่อยู่ภายใต้พระนามของพระเยซู(เยสุอิต) ได้ดำเนินชีวิตในช่วงเวลายากลำบากของการถูกเบียดเบียนข่มเหง ภายใต้การนำของคุณพ่อลอเร็นโซ่ ริคชี่ ศัตรูของพระศาสนจักรประสบความสำเร็จในการหยุดยั้งคณะเยสุอิต (พระดำรัสของสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2) ในวันนี้เอง เรามารื้อฟื้นความทรงจำของการฟื้นฟูคณะ พวกเราถูกเรียกมาเพื่อแสวงหาความทรงจำนี้อีกครั้ง วันนี้ พ่อจึงมาอยู่ร่วมกับพวกท่าน ณ ที่นี่

"เยสุอิตต้องประสบกับการสูญเสียทุกอย่าง สูญเสียแม้กระทั่งอัตลักษณ์ของตนเอง แต่เยสุอิตไม่ต่อต้านพระประสงค์ของพระเจ้า เยสุอิตไม่แข็งข้อต่อความขัดแย้ง เยสุอิตพยายามที่จะรักษา(อัตลักษณ์)ของตนเอง และนี่คือสิ่งที่งดงาม นั่นคือ การดำเนินชีวิตอยู่ในความขัดแย้งจนวาระสุดท้าย เยสุอิตดำเนินชีวิตด้วยการถูกดูหมิ่นไปพร้อมกับพระเยซูผู้ถูกเหยียดหยาม เยสุอิตนบนอบเชื่อฟัง พวกท่านจะไม่สามารถเอาตัวรอดจากความขัดแย้งด้วยความเจ้าเล่ห์และยุทธศาสตร์แห่งการขัดขืน แต่เยสุอิตชอบที่จะดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระเจ้า

"มันจะไม่มีความสงบใดที่จะทำให้จิตใจของเราพึงพอใจ แต่สันติแท้จริงมาจากของขวัญจากพระเจ้า มีเพียงความสามารถในการแยกแยะผิดชอบชั่วดีที่จะช่วยเราจากก้นบึ้งของจิตใจและช่วยเราจากการถูกคุกคามฝ่ายจิต ซึ่งก็คือความเห็นแก่ตัวและการฝักใฝ่ทางโลก ความหวังของเรามีแต่พระเยซูเท่านั้น แม้ในความมืดมิด ความหวังก็ยังยิ่งใหญ่กว่าความคาดหวัง

"ความสามารถในการแยกแยะผิดชอบชั่วดีต้องกระทำด้วยความตั้งใจดีและทำด้วยสายตาที่เรียบง่าย ด้วยเหตุนี้ คุณพ่อริคชี่ (อธิการเจ้าคณะในช่วงที่เยสุอิตถูกคุกคาม) จึงพูดเกี่ยวกับบาปของคณะเยสุอิต ท่านไม่ได้ปกป้องตัวเองว่าเป็นเหมือนเหยื่อของประวัติศาสตร์ แต่ท่านตระหนักว่าท่านเป็นคนบาป จงมองไปที่ตัวเองและยอมรับว่าเราเป็นคนบาป สิ่งนี้มีความหมายถึงการให้ตัวเองอยู่ในทัศนคติที่ถูกต้องเพื่อจะได้รับการปลอบโยน

"พี่น้องเยสุอิตในยุคที่ถูกเบียดเบียนข่มเหงต่างมีความร้อนรนฝ่ายจิตอย่างมากที่จะรับใช้พระเจ้า ชื่นชมยินดีในความหวัง ยืนหยัดในความยากลำบาก และยังคงเดินหน้าภาวนาอย่างร้อนรน สิ่งนี้ทำให้เกิดความภาคภูมิใจแก่เยสุอิตเป็นอย่างมาก แต่ไม่ใช่แค่เพื่อสดุดีคุณความดีเท่านั้น แต่ขอให้เราจดจำประวัติศาสตร์เราด้วยว่า เยสุอิตไม่ได้รับพระหรรษทานแค่มีความเชื่อในพระเจ้าเท่านั้น แต่ยังได้รับพระหรรษทานในช่วงที่ทนทุกข์ทรมานเพื่อแผนการของพระเจ้า

"เยสุอิตได้รับการฟื้นฟูอีกครั้งจากสมเด็จพระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 7 พระองค์ทรงระบุว่าต้องการที่จะฟื้นฟูเยสุอิต ... และตั้งแต่นั้นมา เยสุอิตพร้อมเสมอสำหรับพันธกิจเพื่อพระสันตะปาปา เยสุอิตได้เริ่มการเทศนา สั่งสอน อภิบาลฝ่ายจิต การค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ และงานสังคมสงเคราะห์ อภิบาบผู้ยากไร้ ผู้ตกทุกข์ได้ยาก และผู้ที่กลายเป็นส่วนเกินของสังคม

"ในค.ศ. 1814 ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการฟื้นฟู เยสุอิตมีฝูงแกะกลุ่มเล็กๆ แต่เรารู้วิธีการที่จะหว่านเมล็ดพันธุ์หลังจากได้พบกับบททดสอบแห่งไม้กางเขน เรารู้วิธีการที่จะทุ่มเทในพันธกิจอันยิ่งใหญ่ในการนำความสว่างของพระวรสารไปมอบจนถึงวันสิ้นพิภพ อัตลักษณ์ของเยสุอิตคือคนที่รักพระเจ้าและรักที่จะรับใช้เพื่อนมนุษย์ ผ่านทางการแสดงออกถึงการเป็นแบบอย่างไม่เพียงแค่ในสิ่งที่เขาเชื่อ แต่ยังรวมถึงสิ่งที่เขามีความหวังและวางใจ ซึ่งก็คือพระคริสตเจ้า เยสุอิตต้องการที่จะเป็นเพื่อนร่วมทางของพระเยซู เราต้องมีความรู้สึกเดียวกับพระองค์" พระสันตะปาปา ตรัสปิดท้าย

ประมวลภาพ: 200 ปีแห่งการฟื้นฟูคณะเยสุอิต

Read More: Vatican Radio

Comments