โป๊ปฟรังซิส: "บางครั้ง เราชอบบ่นให้มันดูเว่อร์เกินจริง"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงเตือนสติ เราใช้ชีวิตแบบง่ายเกินไป บางครั้ง เราชอบบ่นให้มันดูเว่อร์เกินจริง ทั้งที่ความเป็นจริง ยังมีคนอีกมากที่ทนทุกข์มากกว่าเราอีก ทรงชี้ เราบ่นได้ ตัดพ้อพระเจ้าได้ แต่ต้องพูดเรื่องจริง เพราะนี่คือการภาวนาที่ออกมาจากใจ ทรงย้ำ เวลาพบความมืดมนฝ่ายจิต จงเตรียมพร้อมและสวดภาวนาเสมอ 



ช่วงเช้าวันอังคารที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านประจำมิสซานี้ "โยบ" สาปแช่งวันเกิดของตนอย่างไม่หยุดหย่อน เพราะเขาไม่เข้าใจความหมายของการทนทุกข์ทรมานที่ตนเองต้องประสบ

พระสันตะปาปาทรงเทศน์แบ่งปันบทอ่านนี้ว่า "ในบทอ่านวันนี้ เราได้ยิน โยบ สาปแช่งวันที่ตัวเองเกิด คิดดูซิ โยบต้องถูกทดลอง(จากพระเจ้า) โยบต้องสูญเสียทุกอย่าง สูญเสียครอบครัวและทุกสิ่งที่เขาเคยมี สูญเสียสุขภาพแข็งแรงและติดโรคร้ายน่ารังเกียจเวทนา ช่วงเวลาดังกล่าว โยบหมดความอดทนกับทุกสิ่ง เขาจึงพูดแบบนั้นออกมาว่า ทุกอย่างจงพินาศ! แต่กระนั้น เขาก็ยังเคยชินกับการพูดความจริงทุกครั้ง และนี่ก็คือความจริงที่เขาพูดไปในช่วงเวลาดังกล่าว

"ว่าแต่ การพูดแบบนี้ถือเป็นการดูหมิ่นพระเจ้าหรือไม่ คำถามของพ่อคือชายผู้โดดเดี่ยวคนนี้กำลังลบหลู่พระเจ้าหรือเปล่า แล้วตอนที่พระเยซูทรงบ่นล่ะ ถือเป็นการดูหมิ่นพระเจ้าหรือไม่ ตอนที่พระองค์ทรงกล่าวว่า 'พระบิดา เหตุไฉนจึงทอดทิ้งข้าพเจ้า' นี่เป็นเรื่องที่อธิบายได้ยากนะ

"บ่อยครั้ง พ่อได้ฟังคนที่กำลังประสบความยากลำบากและสถานการณ์ที่น่าเจ็บปวด พวกเขาสูญเสียอย่างใหญ่หลวงหรือรู้สึกถึงความอ้างว้างและถูกทอดทิ้ง พวกเขามาบ่นและถามว่า 'ทำไม ทำไม' พวกเขาตั้งแง่กับพระเจ้า พ่อตอบพวกเขาไปว่า 'ภาวนาต่อไปเหมือนอย่างที่บ่นนี่แหละ เพราะการบ่นแบบนี้คือการภาวนา' มันคือคำภาวนาเหมือนตอนที่พระเยซูตรัสกับพระบิดาว่า 'พระบิดา เหตุไฉนจึงทอดทิ้งข้าพเจ้า'

"สิ่งที่ โยบ กำลังทำนั้นคือการภาวนา เพราะการภาวนาหมายถึงการพูดความจริงต่อหน้าพระเจ้า นี่คือทางเดียวที่โยบจะสามารถภาวนาได้ พวกเราควรจะภาวนาตามสภาพความเป็นจริง การภาวนาที่แท้จริงต้องออกมาจากจิตใจ มาจากช่วงเวลาที่เรากำลังดำเนินชีวิตอยู่ มันคือคำภาวนาในช่วงเวลาแห่งความืดมน และเป็นช่วงเวลาที่สิ้นหวังที่เราไม่สามารถมองเห็นขอบฟ้าได้เลย

"ทุกวันนี้ มีหลายคนที่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับโยบ มีคนดีมากมายที่เป็นเหมือนโยบ แต่พวกเขาไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง พี่น้องชายหญิงหลายคนมีชีวิตแบบไม่มีความหวัง ลองคิดถึงโศกนาฏกรรมดูซิ เช่น พี่น้องคริสตชนหลายคนที่ถูกบีบบังคับให้จากบ้านเกิดและหนีออกมาแบบไม่มีอะไรติดตัว พวกเขาคงคิดเหมือนโยบ 'พระเจ้า ลูกเชื่อในพระองค์ ทำไม? ทำไมการมีความเชื่อในพระเจ้าแล้วต้องเจอแบบนี้?'

"ลองคิดถึงผู้สูงอายุที่นอนอยู่ข้างเตียง ลองคิดถึงคนป่วยที่กำลังโดดเดี่ยวอยู่ในโรงพยาบาลดูซิ พ่ออยากย้ำว่า พระศาสนจักรภาวนาให้พวกเขาเหล่านี้ รวมถึงภาวนาเพื่อพวกเราทุกคนที่กำลังอยู่ในความมืดมิด พระศาสนจักรภาวนาให้! พระศาสนจักรร่วมรับความเจ็บปวดและสวดให้ ส่วนคนที่ไม่ได้เจ็บป่วย ไม่ได้หิวโหย หรือคนที่ไม่ได้ขาดแคลนอะไร เมื่อเราทนทุกข์จากความมืดมิดฝ่ายจิตวิญญาณ จงดำเนินชีวิตให้เหมือนมรณสักขีและอย่าหยุดภาวนาเด็ดขาด

"มันก็มีคนที่พูดว่า 'ฉันโกรธพระเจ้า ฉันจะไม่ไปมิสซาอีกแล้ว!' ทำไมล่ะ? มันไม่ใช้อารมณ์เกินไปหน่อยเหรอ พ่ออยากให้เราคิดถึงช่วงเวลาสุดท้ายของนักบุญเทเรซาแห่งพระกุมารเยซู ก่อนที่ท่านจะสิ้นใจ ท่านพยายามคิดถึงแต่สวรรค์ แต่ท่านก็ได้ยินเสียงภายในตัวเองบอกท่านว่า 'อย่าโง่หน่อยเลย อย่าหลงผิดไปกับจินตนาการ เธอรู้ไหมว่าสิ่งใดรอเธออยู่ ไม่มีสิ่งใดเลย!'

"พวกเราทุกคนต่างเคยเจอสถานการณ์แบบที่นักบุญเทเรซาเคยเจอ มีคนจำนวนมากที่คิดว่าทุกสิ่งจะสิ้นสุดลงแบบว่างเปล่า แต่กับนักบุญเทเรซา ท่านภาวนาและวอนขอพละกำลังจากพระเจ้าเพื่อจะได้ปกปักรักษาชีวิตฝ่ายจิตในช่วงเวลาแห่งความมืดมิด นี่แหละที่เราเรียกว่าการรู้จักอดทนอดกลั้น บางครั้ง ชีวิตเราดูง่ายเกินไป การบ่นของเราก็ดูเว่อร์เกินจริงสุดๆ (overdramatised) เวลาเผชิญหน้ากับการบ่นของผู้คนมากหน้าหลายตา ทั้งพี่น้องชายหญิงที่กำลังอยู่ในความมืดมนและเกือบจะสูญเสียความหวัง ผู้ซึ่งกำลังประสบกับภาวะถูกขับออกจากตัวเองและไม่เหลืออะไรเลย! พระเยซูทรงเคยเดินบนหนทางแบบนี้ ตอนรุ่งอรุณบนเขามะกอกไปจนถึงพระดำรัสสุดท้ายบนไม้กางเจน พระองค์ตรัสว่า 'พระบิดา เหตุไฉนจึงทอดทิ้งข้าพเจ้า'

"มันมี 2 สิ่งที่สามารถช่วยเราได้ในสถานการณ์แบบนี้ หนึ่ง จงเตรียมตัวให้พร้อมเมื่อความมืดมน(ฝ่ายจิต)เกิดขึ้น ซึ่งบางที มันอาจไม่หนักเท่ากับที่โยบต้องประสบก็ได้ แต่ที่แน่ๆคือ มันเกิดขึ้นแน่ จงเตรียมหัวใจให้พร้อมต่อช่วงเวลานั้น สอง จงสวดภาวนา จงภาวนาเหมือนที่พระศาสนจักรภาวนา ภาวนาไปกับพระศาสนจักรเพื่อพี่น้องชายหญิงจำนวนมากที่ต้องทนทุกข์จากการต้องละทิ้งทุกสิ่ง ไม่มีแม้กระทั่งความหวังในมือของตนเอง นี่คือคำภาวนาของพระศาสนจักรเพื่อพระเยซูผู้ทรงทนทุกข์ ซึ่งก็คือพวกเราทุกคนที่อยู่ในทุกหนทุกแห่ง" พระสันตะปาปา ตรัสปิดท้าย

Read More: Vatican Radio

Comments