โป๊ปฟรังซิส: "เยาวชนอย่าตกเป็นทาสของเงินและวัตถุนิยม"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงสอนเยาวชน อย่าตกเป็นทาสของเงินและวัตถุนิยมเป็นอันขาด เพราะมันจะขโมยความหวังของการเป็นเยาวชนไปจากเรา ทรงยกย่องคาทอลิกกัมพูชาที่ถูกฆ่าตายเพราะความเชื่อว่า "มีนักบุญมากมายในกัมพูชาที่ยังไม่ถูกสถาปนา" ทรงย้ำ สำหรับพระองค์ เกาหลีไม่มีเหนือและใต้ เพราะทุกคนพูดภาษาเดียวกัน เราเป็นพี่น้องกัน ดังนั้น เราต้องสวดขอพระเจ้าประทานความเป็นหนึ่งเดียวกันให้เราอีกครั้ง



ช่วงเย็นวันศุกร์ที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส เสด็จไปพบเยาวชนคาทอลิกเอเชีย ณ เมืองโซลเม โดยงานนี้ เป็นพันธกิจสุดท้ายในการเยือนเกาหลีวันที่สองของพระสันตะปาปา ทั้งนี้ ก่อนจะเสด็จมาพบเยาวชน พระสันตะปาปาได้เสด็จไปภาวนายังบ้านเกิดของนักบุญแอนดรูว์ คิม สงฆ์คาทอลิกชาวเกาหลีคนแรกและเป็นมรณสักขีด้วย

สำหรับการพบปะและเทศน์สอนเยาวชน พิธีการเริ่มด้วยการแสดงและการแบ่งปันจากเยาวชนจากกัมพูชา, ฮ่องกง และเกาหลี โดยเยาวชนกัมพูชาได้เล่าถึงการสับสนในชีวิต แต่ความเชื่อในพระเจ้าก็ช่วยเธอได้พบกับหนทางชีวิตที่เลือกเดิน เยาวชนฮ่องกงแบ่งปันเรื่องการเจริญเติบโตของพระศาสนจักรคาทอลิกในจีนว่า ยิ่งโตมากเท่าไหร่ ก็ถูกเบียดเบียนมากเท่านั้น ตอนท้าย เยาวชนชายคนนี้ได้พูดออกไมโครโฟนขอพระสันตะปาปาว่า "ขอผมเป็นเด็กช่วยมิสซาในมิสซาปิดงานเยาวชนเอเชียด้วยนะครับ" ส่วนเยาวชนเกาหลี ได้แบ่งปันเรื่องความท้าทายในชีวิต เมื่อเงินและวัตถุนิยมเข้ามามีอำนาจในสังคมเกาหลี นอกจากนี้ ยังได้ปรึกษาพระสันตะปาปาว่า จะทำอย่างไรดีเมื่อเกาหลีต้องแตกแยกออกเป็นเหนือและใต้

หลังจากเยาวชนแบ่งปันเสร็จ พระสันตะปาปาทรงกล่าวเทศน์สอน โดยพระองค์เริ่มด้วยการกล่าวว่า "ขอบคุณการต้อนรับที่อบอุ่นมากๆของพวกลูกเยาวชน ขอบคุณการแบ่งปันจากผู้แทนเยาวชนชาติต่างๆ มันซาบซึ้งมาก พ่อขอบคุณจากใจจริงๆ มันเป็นความรู้สึกที่อบอุ่นมากๆที่ได้มาอยู่กับเยาวชนเอเชีย บรรยากาศวันนี้อบอุ่นมาก

"วันนี้ พระคริสตเจ้ามาเคาะประตูที่หัวใจของลูกและของพ่อ จงเปิดประตูหัวใจให้กว้างเพื่อพระองค์ พระเยซูทรงเรียกเราให้ลุกขึ้น ตื่นตัวเพื่อจะมองโลกให้กว้างและตามความจริง พระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้าส่องสว่างผ่านทางประจักษ์พยานของบุญราศีชาวเกาหลี พระเยซูต้องการให้เราทำให้พระสิริรุ่งโรจน์นี้ส่องแสงด้วย เพราะพระเจ้าต้องการให้โลกที่เราอาศัยมีสันติและเป็นมิตรกัน เพื่อเอาชนะการแบ่งแยก ความเกลียดชัง อคติ และสงคราม พระศาสนจักรคือเมล็ดพันธุ์แห่งความเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อครอบครัวมนุษยชาติ

"พวกเราอยู่ท่ามกลางปัญหาของช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน นี่คือสัญญาณของการให้เงิน อำนาจ และความพอใจส่วนตนเป็นที่ตั้ง เพื่อนของเราหลายคน กำลังทนทุกข์จากการตกเป็นทาสวัตถุนิยม ซึ่งเป็นความยากไร้ทางจิตใจและความโดดเดี่ยว เราอยู่ในกลางทะเลทรายของจิตวิญญาณที่สังคมขโมยความหวังของเยาวชนไป

"พระวรสารสอนเราว่า จิตตารมณ์ของพระเยซูสามารถนำชีวิตใหม่มาให้จิตใจของมนุษย์และเปลี่ยนสถานการณ์ร้ายๆได้ พระเยซูทำได้! พระเยซูเปลี่ยนแปลงเรื่องร้ายๆของเราได้ พวกลูกพร้อมไหมที่จะตอบ YES กับพระเยซู พร้อมไหม .. แน่ใจนะว่าจะตอบแบบนี้กับพระองค์" พระสันตะปาปา ตรัสถาม

จากนั้น พระสันตะปาปาทรงกล่าวว่า อยากพูดสอนจากใจแบบไม่มีสคริปท์ แต่ปัญหาคือภาษาอังกฤษของพระองค์ไม่แข็งแรง พระสันตะปาปาจึงถามเยาวชนว่า ขอพูดเป็นภาษาอิตาเลี่ยนได้ไหม

พระสันตะปาปาตรัสว่า "พ่ออยากจะพูดโดยไม่มีสคริปท์ แต่ภาษาอังกฤษของพ่อแย่มาก ดังนั้น พ่อต้องหาคนช่วยแปลนะ ถ้าพวกลูกยังไม่เหนื่อยจะฟัง พ่อจะพูดต่อนะ แต่ขอพูดเป็นภาษาอิตาเลี่ยน (เยาวชนปรบมือชอบใจกันใหญ่) พ่อรู้สึกประทับใจมากกับการแบ่งปันประสบการณ์ความเชื่อของเยาวชน มันสัมผัสใจพ่อมากๆ เมื่อพระเจ้าทรงเรียกเรา พระองค์จะทำสิ่งดีๆเสมอ ไม่ว่าเราจะเป็นฆราวาส นักบวช หรือเป็นพ่อแม่ก็ตาม"

พระสันตะปาปาทรงจดการแบ่งปันความเชื่อของเยาวชนทุกคนอย่างละเอียด พระองค์ไม่ลืมจะกล่าวถึงเรื่องที่พวกเขาและเธอแบ่งปัน โดยพระองค์กล่าวถึงการแบ่งปันของเยาวชนกัมพูชาเป็นคนแรก

พระสันตะปาปา ตรัสว่า "เยาวชนกัมพูชา เธอไม่ได้เลือกทางเดินของชีวิตนะ แต่พระเจ้าทรงเลือกเธอ เธอต้องฟังพระองค์และตอบว่า 'พระเจ้าโปรดแนะนำลูกด้วย' ส่วนพวกลูกเยาวชนที่อยู่ที่นี่ ขอให้เราพูดแบบนี้พร้อมกันว่า 'พระเจ้าโปรดนำทางชีวิตพวกเราด้วย'"

พระสันตะปาปาไม่ลืมจะกล่าวถึงการเบียดเบียนศาสนาคริสต์ในกัมพูชา พระองค์ตรัสยกย่องคาทอลิกกัมพูชาที่สละชีวิตเพื่อความเชื่อว่า "พูดถึงกัมพูชา มีนักบุญมากมายในกัมพูชาที่ยังไม่ถูกสถาปนา เชื่อพ่อซิ พ่อสัญญาว่า พ่อจะพูดถึงเรื่องนี้อีกแน่นอน"

จากนั้น พระสันตะปาปากล่าวเตือนสติเรื่องการบูชาเงินและวัตถุ โดยย้ำว่า "เมื่อใดที่เราหาซื้อความสุข ความสุขก็จะหายไป ความสุขแท้จริงมีหนึ่งเดียวคือความรัก"

พระสันตะปาปายังไม่ลืมสอนเรื่องความสุภาพถ่อมตนกับบรรดาเยาวชน พระองค์กล่าวว่า "หนทางแห่งความรักคือความสุภาพถ่อมตน รักพระเจ้าและรักเพื่อนมนุษย์ รักพระเจ้าผู้ใกล้ชิดเรา รักเพื่อนมนุษย์ที่ต้องการความรักจากเรา ถ้าเรารักผู้อื่น เราก็จะรู้ว่า รักของพระเจ้านั้นคือความจริง"

สำหรับคำถามเรื่องความขัดแย้งของชาวเกาหลีที่ถูกแบ่งออกเป็นเหนือและใต้ พระสันตะปาปาทรงแนะนำว่า ไม่ว่าอย่างไร เราพูดภาษาเดียวกัน เราก็เป็นพี่้น้องกัน ดังนั้น เราต้องภาวนาให้มากๆ เพื่อขอการให้อภัยกัน

พระสันตะปาปา ตรัสว่า "ในส่วนของเกาหลีที่แบ่งออกเป็นเหนือและใต้ สำหรับพ่อ เกาหลีมีหนึ่งเดียว ไม่มีแบ่งแยก เพียงแต่ครอบครัวของเราถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง ให้เราร่วมกันภาวนาเพื่อพี่น้องในเกาหลีเหนือ พระเจ้าโปรดช่วยเราให้พบความเป็นหนึ่งเดียวกันด้วย ขอให้เราเงียบเพื่อภาวนาต่อความเป็นหนึ่งเดียวกันของเกาหลี และภาวนาขอการคืนดีระหว่างกัน เกาหลีคือพี่น้องกัน เราพูดภาษาเดียวกัน สำหรับพ่อเกาหลีมีเพียงเกาหลีเดียว ไม่มีเหนือหรือใต้

"พ่ออยากยกตัวอย่างจากพระคัมภีร์ เมื่อพี่น้องของโยเซฟไปที่อียิปต์เพื่อหนีความอดอยาก เขาตระหนักว่า เขากับโยเซฟเป็นพี่น้องกัน เพราะพูดภาษาเดียวกัน ดังนั้น พวกลูกพูดภาษาเดียวกัน พวกลูกคือครอบครัวเดียวกันนะ"

พระสันตะปาปายังทรงกระตุ้นทุกคนให้กล้าขอการอภัยโทษจากพระเจ้า อย่ากลัวที่จะขอโทษพระองค์ เพราะพระเจ้าไม่เคยเหนื่อยที่จะให้อภัยพวกเรา

พระสันตะปาปาทรงสอนว่า "ลองคิดถึงเรื่องลูกล้างผลาญ เรื่องนี้สอนเราถึงการให้อภัย พระบิดาให้อภัยเราเสมอแม้เราจะทิ้งพระองค์ไป เมื่อเราทำผิด อย่ากลัวที่จะขอการอภัยจากพระเจ้า อย่ากลัวที่จะกลับไปหาพระองค์ พระเจ้ายินดีและต้อนรับเราเสมอ อย่าสิ้นหวังกับพระเจ้า พระบิดาทรงรอคอยเรา เราทำผิดก็จริง แต่พระเจ้าพร้อมรอการกลับมาของเรา พระองค์พร้อมสวมกอดเราเสมอ พระสงฆ์ทุกคน ต้องโอบกอดคนบาปที่กลับมายังพระศาสนจักร เราต้องรักเขาเหมือนที่พระบิดารักเรา จำไว้ว่า พระเจ้าไม่เคยเหนื่อยในการให้อภัยเรา ดังนั้น เราต้องอย่าเหนื่อยที่จะไปขอโทษพระองค์

"พ่ออยากให้ลูก สวดภาวนา, ร่วมมิสซา และทำงานเพื่อผู้ยากไร้ ... พ่อต้องไปแล้วนะ พ่อหวังว่าจะเจอลูกอีกครั้งในวันอาทิตย์นี้ ขอให้เรามาภาวนาพร้อมกัน เพื่อเราจะเป็นประจักษ์พยาน มีความชื่นชมยินดีในพระเจ้า และฉลองให้กับเอเชียและทั้งโลก ขอนักบุญจอห์น ปอล ที่ 2 ผู้ที่รักเยาวชนมากๆคุ้มครองและอวยพรลูกเสมอ

"อย่าลืม! พ่อขอร้องนะ สวดให้พ่อด้วย อย่าลืมสวดให้พ่อนะ" พระสันตะปาปาตรัสปิดท้าย


Comments