โป๊ปฟรังซิส: "อย่าขัดขวางพระเจ้าในการมอบพระพรให้คนอื่น"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงเตือนสติ เราเป็นใครกันถึงจะไปขัดขวางพระเจ้าในการมอบพระพรให้คนอื่น เราเป็นใครกันที่จะไปขัดขวางคนอื่นไม่ให้รับศีลล้างบาป ทรงเปรียบ ถ้า "มนุษย์ต่างดาวตัวเขียวๆ" อยากรับศีลล้างบาป เราจะทำอย่างไร ทรงย้ำ พระจิตคือการประทับของพระเจ้าในพระศาสนจักร พระจิตทำให้พระศาสนจักรก้าวไปข้าวหน้า ก้าวไปเรื่อยๆ ไม่มีลิมิต


ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา บทอ่านประจำมิสซานี้มาจากหนังสือกิจการอัครสาวก เป็นเหตุการณ์ที่คนต่างศาสนาได้ยอมรับพระวาจาของพระเจ้า ส่วนพระจิตได้เสด็จลงมาเหนือเปโตรและนำทางเขาไปแพร่ธรรมตามที่ต่างๆ

พระสันตะปาปาทรงแบ่งปันข้อคิดจากบทอ่าน ใจความว่า "ชุมชนคนต่างศาสนาได้ต้อนรับพระวาจาของพระเจ้า เปโตรได้เป็นประจักษ์พยานถึงเรื่องนี้ตามที่้พระจิตทรงนำทางท่านไป ในบทอ่าน เราได้ยินได้ฟังว่า เปโตรถูกบรรดาคริสตชนที่เยรูซาเล็มตำหนิอย่างแรงจากการเข้าไปในบ้านของคนที่ไม่ได้เข้าสุหนัตพร้อมกินอาหารร่วมกับเขา บรรดาคริสตชนเหล่านี้ต่างช็อกที่ผู้นำของตน(เปโตร)กินอาหารที่มีมลทินและยังโปรดศีลล้างบาปให้คนเหล่านี้

"สิ่งที่เกิดถือเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริงๆ ลองดูตัวอย่างนะ ถ้าวันพรุ่งนี้ มีพวกมนุษย์ต่างดาวบุกโลก และมีมนุษย์ต่างดาวบางกลุ่มมาหาพวกเขา มนุษย์ต่างดาว ... พี่้น้องรู้จักใช่ไหม? ไอ้ตัวเขียวๆ จมูกยาวๆ และมีหูใหญ่ๆอะ เหมือนอย่างที่พวกเด็กๆชอบวาดรูปกันอะ ลองคิดนะ ถ้ามีมนุษย์ต่างดาวตัวหนึ่งพูดออกมาว่า 'ฉันอยากจะรับศีลล้างบาป' อะไรจะเกิดขึ้นบ้างล่ะ" พระสันตะปาปา ตรัสเชิงเปรียบเทียบ

"เปโตรเข้าใจความผิดพลาดของตนทันทีที่เห็นนิมิตที่เผยแสดงถึงความจริงขั้นพื้นฐาน นั่นคือ สิ่งที่ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์โดยพระเจ้า ไม่สามารถเรียกว่ามันมีมลทินได้อีกต่อไป เปโตรได้อธิบายสิ่งเหล่านี้ให้คนที่ตำหนิตนเองว่า 'ถ้าพระเจ้าทรงมอบของขวัญให้กับพวกเขา โดยเป็นของขวัญชิ้นเดียวกับที่ทรงให้เรา พระองค์ทรงให้เพราะพวกเราทุกคนต่างเชื่อในพระเยซูคริสต์ ข้าพเจ้าเป็นใครล่ะถึงจะไปสามารถขัดขวางพระเจ้าได้'

"เมื่อพระเจ้าทรงแสดงให้เราเห็นถึงวิถึทาง เราเป็นใครกันถึงจะไปกล่าวว่า 'อย่าเลยพระเจ้าข้า มันดูไม่รอบคอบเลย! อย่าดีกว่า อย่าทำแบบนั้นเลย' ... และเป็นเปโตรกับสังฆมณฑลแรก นั่นคือ สังฆมณฑลอันทิโอ๊กที่ทำการตัดสินใจว่า 'เราเป็นใครที่จะไปขัดขวาง?' นี่คือคำพูดที่ยอดเยี่ยมมากๆสำหรับบรรดาพระสังฆราช พระสงฆ์ และสำหรับคริสตชนทุกคน เราเป็นใครกันที่จะไปปิดประตู? ในพระศาสนจักรยุคแรกเริ่ม แม้แต่ในทุกวันนี้ มันก็ยังมีผู้ทำงานอภิบาลเป็นคนเฝ้าประตูโบสถ์ หน้าที่นี้ทำอะไรบ้าง เขาคอยเปิดประตู ต้อนรับผู้คน และให้พวกเขาเดินเข้ามา แต่อย่าลืมนะ มันไม่มีใครทำหน้าที่เป็นคนปิดประตู ไม่มีเลย!"

ตอนท้าย พระสันตะปาปาทรงย้ำว่า พระเจ้าทรงปล่อยให้การนำทางพระศาสนจักรอยู่ในมือของพระจิตเจ้า และพระจิตจะคอยสอนพวกเราในทุกๆเรื่อง และเตือนใจพวกเราถึงสิ่งที่พระเยซูทรงสอน

พระสันตะปาปา ตรัสว่า "พระจิตคือการประทับอยู่ของพระเจ้าในพระศาสนจักร พระจิตทำให้พระศาสนจักรก้าวต่อไป พระจิตทำให้พระศาสนจักรก้าวไปข้าวหน้า ก้าวไปเรื่อยๆ ไม่มีลิมิต พวกท่านไม่สามารถเข้าใจพระศาสนจักรได้เลย ถ้าหากปราศจากพระบุคคลที่สามในพระตรีเอกภาพ ผู้ที่พระเจ้าทรงส่งมาให้เราในทุกๆเหตุผล พระเจ้าทรงทำในสิ่งที่คาดไม่ถึง และคิดไม่ถึง!

"พ่อคงต้องใช้พระดำรัสของ นักบุญจอห์น ที่ 23 มากล่าวว่า เป็นพระจิตที่คอยทำให้พระศาสนจักรทันสมัย พวกเราคริสตชนต้องวอนขอพระเจ้าสำหรับพระหรรษทานแห่งการเชื่อฟังพระจิต ผู้ทรงพูดกับหัวใจของเรา ผู้ทรงพูดกับเราในทุกสถานการณ์ ผู้ทรงพูดกับเราในชีวิตของพระศาสนจักร พูดกับเราในกลุ่มคริสตชน และทรงพูดกับเราทุกคนอยู่เป็นประจำ" พระสันตะปาปาชาวอาร์เจนไตน์ ทรงสรุปปิดท้าย

Read More: Vatican Radio

Comments