ฟาติมาสาร: คุยกับพระสันตะปาปา (16 มี.ค. 2014)

วันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา (พุธรับเถ้า) “คอร์ริเอเร่ เดลลา เซร่า” หนังสือพิมพ์อิตาลีตีพิมพ์บทสัมภาษณ์สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ในหลายประเด็นน่าสนใจ อาทิ การสละตำแหน่งพระสันตะปาปา, การปฏิเสธว่าพระองค์ไม่ใช่ “ซูเปอร์โป๊ป” รวมถึงการทำงานในฐานะพระสันตะปาปา เรื่องทั้งหมดนี้ ติดตามกันได้นับจากบรรทัดนี้เลย ... 



พ่ออาจสละตำแหน่งเหมือน “โป๊ป เบเนดิกต์” ก็ได้

คำถามแรกๆที่นักข่าวถามพระสันตะปาปา ได้แก่ ในอนาคต ตำแหน่งพระสันตะปาปากิตติคุณ (พระสันตะปาปาที่สละตำแหน่ง) จะมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆหรือไม่

พระสันตะปาปา ฟรังซิส ตอบว่า “พระศาสนจักรคาทอลิกควรมีการพูดคุยแบบจริงจังเกี่ยวกับตำแหน่งพระสันตะปาปากิตติคุณ มันก็เป็นไปได้ที่พ่ออาจเลือกเดินแบบพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ผู้เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ที่ตัดสินใจสละตำแหน่ง และก็อาจมีพระสันตะปาปาในอนาคตอีกหลายองค์ที่ทำแบบนี้

“พ่อคิดว่า สถานะของพระสันตะปาปากิตติคุณไม่ควรเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์วัตถุโบราณ (หมายถึงผู้อาวุโสเกษียณอายุ) แต่เราควรยกระดับเป็นที่ปรึกษาและหาจุดลงตัวให้กับตำแหน่งนี้จะดีกว่า นอกจากนี้ พ่อขอย้ำว่า พระสันตะปาปา เบเนดิกต์ เป็นคนที่สุขุมรอบคอบมาก ท่านเป็นคนสุภาพ และไม่เคยมาก้าวก่ายการทำงานของพ่อเลย”

อยากกลับไปเยี่ยมน้องสาวแท้ๆที่ป่วย

พระสันตะปาปา ฟรังซิส มีพี่น้อง 5 คน พระองค์ทรงเป็นพี่คนโต ส่วนน้องคนที่ 2-3-4 เสียชีวิตหมดแล้ว เหลือน้องสาวคนสุดท้องชื่อ “มารีอา แบร์โกโญ่” ที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่มารีอามีสุขภาพไม่แข็งแรง เธอเข้าออกโรงพยาบาลเป็นประจำ นักข่าวจึงถามพระสันตะปาปาว่า มีแผนจะกลับไปอาร์เจนตินาบ้างไหม

พระสันตะปาปาตอบว่า “พ่ออยากกลับไปหาน้องสาวที่กำลังป่วย เธอเป็นน้องคนเล็กในพวกเรา 5 คน แต่ดูเหมือนพ่อจะยังไม่ได้กลับไปเยี่ยมบ้านในตอนนี้ พ่อทำได้ดีที่สุดคือโทรศัพท์ไปหาเธอเป็นประจำ กระนั้น พ่อยืนยันว่า ทริปเยือนอาร์เจนตินาคงไม่เกิดก่อนปี 2016 เพราะพ่อเพิ่งไปอเมริกาใต้มาช่วงงานเยาวชนโลกที่บราซิล ตอนนี้ พ่อขอโฟกัสไปที่การเยือนอิสราเอลวันที่ 24-26 พฤษภาคม จากนั้น พ่อจะไปเยือนทวีปเอเชียและแอฟริกา”

ความสัมพันธ์กับ “สี จิ้นผิง” ปธน.จีน

วันที่ 13 มีนาคม 2013 (หรือ 1 ปีที่แล้ว) นอกจากจะเป็นวันที่ พระคาร์ดินัล ฮอร์เก้ แบร์โกโญ่ ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาโดยใช้พระนามว่า “ฟรังซิส” วันดังกล่าว จีนก็ได้ผู้นำประเทศคนใหม่เช่นกัน นั่นคือ “สี จิ้นผิง” นักข่าวจึงถามพระสันตะปาปาว่า ความสัมพันธ์ของพระศาสนจักรคาทอลิกกับจีนดีขึ้นหรือไม่

คำตอบจากพระสันตะปาปาคือ “เราพัฒนาความสัมพันธ์กับจีนได้ดีขึ้นเรื่อยๆ พ่อส่งจดหมายไปหา ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง 3 วันให้หลังจากที่เขาได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดี เราได้รับเลือกในวันเดียวกัน ซึ่ง สี จิ้นผิง ก็ส่งจดหมายตอบกลับมาขอบคุณพ่อด้วย จีนเป็นประเทศที่ดีมากๆ และพ่อก็รักพวกเขา”



พ่อไม่ใช่ “ซูเปอร์โป๊ป” และไม่ใช่ “ซูเปอร์แมน”

หากใครตามข่าวพระสันตะปาปาบ่อยๆ น่าจะเห็นภาพข่าวรูปการ์ตูน “ซูเปอร์โป๊ป” (เหมือนซูเปอร์แมน แต่เป็นรูปพระสันตะปาปา) ถูกติดไว้ตามกำแพงที่กรุงโรมและเมืองอื่นๆทั่วอิตาลี ภาพนี้ดังมากเพราะกระแสความนิยมในตัวพระสันตะปาปา ฟรังซิส พุ่งสูงสุดขีด ทุกคนมองว่าพระองค์คือฮีโร่ที่จะมาช่วยเหลือผู้คนให้คลายความทุกข์โศก นักข่าวจึงถามพระสันตะปาปาว่ารู้สึกอย่างไรกับการเปรียบเทียบนี้

พระสันตะปาปาตอบว่า “พระสันตะปาปาก็เป็นคนธรรมดาทั่วไปที่หัวเราะ ร้องไห้ และต้องการนอนพักเงียบๆ พ่อไม่ชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว แต่ชอบออกไปอยู่กับคนที่กำลังทุกข์โศกและช่วยพวกเขาเท่าที่จะทำได้ ก่อนหน้านี้ พ่ออ่านข่าวเจอว่า มีบางคนคิดว่าพ่อปลอมตัวเพื่อเดินออกจาวาติกันในยามค่ำคืน เพื่อไปช่วยเหลือผู้คน ข่าวนี้ไม่เป็นความจริง ส่วนเรื่องซูเปอร์โป๊ป พ่อคิดว่ามันเกินเลยไปนิดที่บอกว่าพ่อเป็นซูเปอร์โป๊ป พ่อเป็นคนธรรมดาทั่วไป ดังนั้น การบอกว่าพระสันตะปาปา ฟรังซิส คือซูเปอร์โป๊ป อาจเป็นคำพูดที่เกินเลยกับพ่อไปหน่อย” 

ตัดสินใจทุกอย่างและพร้อมรับผิดชอบเอง

จากนั้น นักข่าวถามเรื่องแนวทางการบริหารพระศาสนจักร เพราะสไตล์การทำงานของพระสันตะปาปา ฟรังซิส ต่างจากพระสันตะปาปาหลายองค์ อาทิ เลือกดำเนินชีวิตแบบต่ำต้อยที่สุด (ไม่อยู่ในวัง แต่เลือกหอพักเล็กๆ และไม่ใช้รถเบนซ์ของพระสันตะปาปา แต่เลือกรถฟอร์ดคันเล็กๆ) นักข่าวจึงอยากรู้ว่าการทำงานและตัดสินใจต่างๆ พระองค์ทำอย่างไร

“พระสันตะปาปาไม่ได้ทำงานแบบฉายเดี่ยวนะ พ่อมีที่ปรึกษาหลายคน พ่อจะฟังข้อมูลทุกอย่างก่อนลงมือตัดสินใจ แต่ตอนตัดสินใจ พ่อตัดสินใจเองและจะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ตัดสินใจลงไป สไตล์การทำงานของพ่อคือพยายามทำให้เห็นเป็นแบบอย่าง พูดง่ายๆคือพูดแล้วทำ”

สงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศ

นักข่าวเริ่มเจาะประเด็นหนักๆบ้าง อาทิ พระองค์มีแนวทางแก้ไขอย่างไรกับปัญหาสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศ พระสันตะปาปาจึงตอบว่า “ก่อนอื่น พ่อขอยกย่องสมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 เพราะพระองค์เป็นคนแรกที่ลุกขึ้นมาจัดการปัญหานี้อย่างจริงจังและเปี่ยมด้วยความกล้าหาญ สำหรับพ่อ สถิติมันฟ้องอยู่แล้วว่า สงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศทำร้ายพระศาสนจักรมากแค่ไหน พ่อจะสานต่อแนวทางนี้ด้วยการแก้ไขปัญหาด้วยความโปร่งใสและเปี่ยมด้วยความรับผิดชอบ”

เรื่องคาทอลิกหย่าร้าง

อีกปัญหาที่ตอนนี้หนักขึ้นเรื่อยๆก็คือปัญหาคู่สมรสคาทอลิกหย่าร้าง ในการประชุมคณะพระคาร์ดินัลเมื่อเดือนที่แล้ว พระคาร์ดินัล วอลเตอร์ แคสเปอร์ อดีตประธานสมณสภาส่งเสริมเอกภาพคริสตชน ได้กล่าวกับพระสันตะปาปาและบรรดาพระคาร์ดินัลว่า “ถึงเวลาแล้วที่พระศาสนจักรจะต้องทบทวนจุดยืนเรื่องการไม่ให้คาทอลิกที่หย่าร้างรับศีลมหาสนิท” 

พระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงตอบเรื่องนี้ว่า “พ่อคิดว่า พระคาร์ดินัล แคสเปอร์ พูดได้ดีมากๆ แม้มันจะทำให้บรรดาพระคาร์ดินัลมีความคิดแตกออกเป็น 2 ฝ่ายก็ตาม เรื่องนี้ พ่อจะหารือกับบรรดาพระสังฆราชทั่วโลกที่จะมาประชุมในเดือนตุลาคม 2014 และจะต้องหาทางช่วยคู่สมรสคาทอลิกที่หย่าร้างให้ได้เร็วที่สุด” 

บทบาทของผู้หญิงในพระศาสนจักร

คำถามท้ายๆที่นักข่าวถามพระสันตะปาปาเป็นเรื่องบทบาทของสตรีในพระศาสนจักร พระคาร์ดินัล แคสเปอร์ อีกเช่นกันที่พูดต่อหน้าพระสันตะปาปาและพระคาร์ดินัลว่า “ถึงเวลาหรือยังที่พระศาสนจักรควรให้สตรีขึ้นมามีบทบาทอย่างจริงจัง โดยเริ่มจากการเป็นประธานในหน่วยงานของโรมันคูเรีย เพราะตอนนี้ มองไปทุกหน่วยงานในวาติกัน พวกเจ้ากระทรวงมีแต่พระคาร์ดินัลและพระสังฆราช บางครั้ง มันเยอะเกินไปและแนวคิดของพวกเรานำมาใช้ปฏิบัติได้ไม่มีประสิทธิภาพเท่ากับแนวคิดของฆราวาส”

พระสันตะปาปาตรัสตอบว่า “เรื่องนี้พ่อเห็นด้วยกับพระคาร์ดินัลแคสเปอร์ พ่อเคยพูดไปแล้วว่า พ่อเชื่อในบทบาทของแม่พระ เพราะแม่พระมีบทบาทมากกว่าบรรดาอัครสาวก มากกว่าพระคาร์ดินัล พระสังฆราช และพระสงฆ์ ดังนั้น พ่อคิดว่า สตรีหลายคนน่าจะมีบทบาทสำคัญมากกว่าพระสังฆราชด้วยซ้ำไป เรื่องนี้ พ่อจดเป็นเรื่องด่วนที่ต้องหารือแล้ว อีกไม่นาน เราคงได้เห็นความชัดเจนกันมากขึ้นแน่นอน”


AVE   MARIA

Comments