โป๊ปฟรังซิส: "จงให้ความจริงและความถูกต้องนำทางชีวิต"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงเตือนสติ ชีวิตคริสตชนต้องถูกนำทางด้วยแสงสว่างแห่งความจริงและความถูกต้อง เหมือนอย่างที่ปัญญาจารย์ทั้งสามแสดงให้เห็น ที่สำคัญ อย่าทำตัวแบบเฮรอดที่ชีวิตเต็มไปด้วยความมืดและความอิจฉาริษยา ทรงชี้ชัด พระเจ้าเฝ้ารอทุกคนด้วยความรักและอดทน ต่อให้คนๆนั้น ไม่เชื่อและสงสัยในตัวพระองค์ก็ตาม


ช่วงสายวันจันทร์ที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในมิสซาสมโภชพระคริสตเจ้าแสดงองค์ ซึ่งจัดในมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน โดยมิสซานี้ พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนว่า:

- วันสมโภชพระคริสตเจ้าแสดงองค์คือวันที่บอกเราถึงประสบการณ์ของบรรดาปัญญาจารย์ทั้งสาม นั่นคือ การเดินตามแสงสว่างของดวงดาว เพื่อแสวงหาองค์ความสว่างที่แท้จริง บรรดาปัญญาจารย์ได้เดินตามแสงสว่างด้วยความศรัทธา ซึ่งเติมเต็มหัวใจของพวกเขา จนนำไปสู่การได้พบกับพระเจ้า

- พี่น้องที่รัก ชีวิตเราคือการเดินทางเหมือนปัญญาจารย์ทั้งสามที่มาหาพระเยซู ชีวิตเราคือการเดินทางด้วยการให้แสงสว่างนำทางของเรา เพื่อไปแสวงหาความจริง ความรัก และความสว่างซึ่งเราคริสตชนตระหนักดีว่านั่นคือพระเยซูคริสต์ ผู้เป็นแสงสว่างส่องโลก

- พระวรสารวันนี้ บอกเราถึงตอนที่บรรดาปัญญาจารย์เดินทางมาถึงกรุงเยรูซาเล็ม แต่เมื่อมาถึง พวกเขาไม่เห็นแสงสว่างของดาวที่นำทางนั้น แสงนั้นหายไปตอนที่มาถึงวังของกษัตริย์เฮรอด ผู้ซึ่งจิตใจเต็มไปด้วยความมืด ความกลัว ความสงสัย และความอิจฉาริษยา

- ในความเป็นจริงแล้ว เฮรอดได้ทำให้เราเห็นว่า เขาเป็นคนที่ไว้ใจไม่ได้และถูกครอบงำด้วยความหวาดกลัวอันเนื่องมาจากการบังเกิดของพระกุมารเยซู

- เฮรอดมองพระกุมารเป็นศัตรู เขาคิดว่าเด็กน้อยที่เกิดมาคือศัตรูตัวฉกาจ แต่ในความเป็นจริง พระเยซูไม่ได้มาทำลายกษัตริย์อย่างเขา แต่พระเยซูมาเพื่อทำลายปีศาจ

- อย่างไรก็ตาม กษัตริย์เฮรอดและเหล่าที่ปรึกษาสัมผัสได้ว่า อำนาจของตนเองกำลังถูกทำลาย พวกเขากลัวว่าการปกครองจะเปลี่ยนขั้ว สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า โลกของเฮรอดถูกสร้างบนอำนาจ ความสำเร็จ การครอบครอง และโยนความผิดให้พระกุมารที่เกิดมา

- กระนั้น บรรดาปัญญาจารย์สามารถเอาชนะความหวาดกลัวแห่งความมืดต่อหน้ากษัตริย์เฮรอด เพราะพวกเขามีความเชื่อในพระคัมภีร์ เชื่อในถ้อยคำของประกาศกซึ่งบอกไว้ว่า พระผู้ไถ่จะประสูติมาที่เมืองเบ็ธเลเฮม พวกเขาจึงออกจากความมืดและออกเดินทางอีกครั้งไปยังเมืองเบ็ธเลเฮม และที่นั่นเอง พวกเขาได้เห็นดวงดาวส่องสว่างนำทางอีกครั้ง บรรดาปัญญาจารย์ต่างมีความชื่นชมยินดีเป็นอย่างมาก ดวงดาวแห่งความสว่างไม่สามารถมองเห็นได้ในความมืด ซึ่งก็คือจิตตารมย์ทางโลก

- แสงสว่างของดวงดาวที่นำทางปัญญาจารย์ทั้งสาม สอนเราว่า การเดินทางของความเชื่อคือความฉลาดหลักแหลมอันศักดิ์สิทธิ์ สิ่งนี้คือคุณงามความดีนี่เอง ความฉลาดหลักแหลมประกอบไปด้วยความฉลาดที่ทำให้เราตระหนักถึงอันตรายว่าคืออะไร และจะหลีกเลี่ยงได้อย่างไร

- บรรดาปัญญาจารย์ใช้แสงสว่างของความฉลาดหลักแหลมในขากลับจากการไปนมัสการพระกุมาร กล่าวคือ พวกเขาตัดสินใจไม่เดินผ่านไปยังวังของเฮรอด แต่เลือกเดินไปอีกทางแทน สิ่งนี้สอนเราว่า อย่าตกลงไปในหลุมพรางของความมืดและจงเรียนรู้ที่จะปกป้องตัวเองจากเงามืด จงปกป้องความเชื่อของตัวเอง

- ความเชื่อคือพระหรรษทาน นี่คือพระพรที่พระเจ้าประทานให้ เราปกปักรักษาความเชื่อได้ด้วยการสวดภาวนา ความรัก และความเมตตา เราต้องตระหนักถึงสิ่งที่พระเยซูสอนเกี่ยวกับความฉลาดให้มากๆ นั่นคือ "จงฉลาดประดุจงู และจงซื่อเหมือนนกพิราบ" (มธ 10:16)

- พี่น้องที่รัก แบบอย่างของปัญญาจารย์ทั้งสาม สอนเราว่า จงอย่าพึงพอใจกับชีวิตครึ่งๆกลางๆ ชีวิตที่เลือกจะอยู่แบบให้ตัวเองรอดตัวไว้ก่อน แต่จงให้ตัวเองถูกนำทางด้วยสิ่งที่เรียกว่าความดี ความจริง และความงดงามจากพระเจ้า

หลังจากพิธีมิสซาจบลง พระสันตะปาปาทรงออกมานำสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน โดยพระสันตะปาปาทรงแบ่งปันกับสัตบุรุษ ใจความว่า:

- วันสมโภชพระคริสตเจ้าแสดงองค์ สอนให้เรารักพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ พระเจ้าเสด็จมาบังเกิดและเผยแสดงพระองค์ให้เราด้วยความรัก ดังนั้น เราก็ต้องเดินไปหาพระองค์ด้วยความรักด้วยเช่นกัน

- พี่น้องที่รัก พระเจ้าทรงเรียกพวกท่านทุกคนอยู่นะ พระองค์มองดูพวกท่าน และเฝ้ารอพวกท่าน ไม่ว่าท่านจะมีความเชื่อในพระองค์หรือไม่ก็ตาม หรือว่าท่านจะสงสัยว่าพระเจ้ามีจริงหรือไม่ ไม่ว่าอะไรก็ตาม พระเจ้ายังคงเฝ้ารอพวกท่านก้าวไปหาพระองค์ พระเจ้ารอเราด้วยความรักเสมอ

ประมวลภาพ: มิสซาสมโภชพระคริสตเจ้าแสดงองค์

Read More: Vatican Radio




Comments