โป๊ปฟรังซิส: "ใครที่ไม่สนใจปู่ย่าตายาย คนนั้นก็ไม่มีอนาคต"
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงชี้ สังคมใดที่ไม่สนใจ ไม่ห่วงใย และไม่เคารพปู่ย่าตายายของตน ก็เป็นพวกไม่มีอนาคต เพราะสิ่งที่เขาทำ ทำให้เขาสูญเสียความทรงจำของตนไปแล้ว ทรงย้ำ เราต้องอย่าทำนิสัยมองผู้สูงอายุเป็นส่วนเกินของสังคมเด็ดขาด

ช่วงเช้าวันอังคารที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา โดยมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า:
- บทอ่านวันนี้จากหนังสือมัคคาบี ฉบับที่ 2 (6:18-31) เอเลียซาร์ ธรรมาจารย์ผู้อาวุโสยอมสละชีวิตตนเองยืนยันความเชื่อ มากกว่าจะทรยศความเชื่อ บุรุษท่านนี้คือผู้แน่วแน่มั่นคงในความเชื่อและปฏิเสธคำแนะนำจากเพื่อนที่ขอร้องท่านให้แกล้งทำเป็นกินเนื้อหมู เพื่อจะได้รอดจากการถูกประหารชีวิต แต่แทนที่เอเลียซาร์จะเป็นห่วงชีวิตของตน ท่านกลับยอมตายถวายเกียรติแด่พระเจ้า ทำให้ท่านกลายเป็นคนที่เยาวชนคนรุ่นหลังจดจำในความกล้าหาญ
- พี่น้องที่รัก ลองวกกลับมาคิดถึงสังคมปัจจุบันกันบ้าง ยุคนี้ เราดำเนินชีวิตในยุคที่ผู้อาวุโสคนแก่คนเฒ่าไม่ได้รับการนับถือ มันไม่น่ายินดีเลยที่ต้องพูดแบบนี้ แต่เราเห็นแล้วว่า ผู้อาวุโสถูกกันออกไปด้านหนึ่ง เพราะพวกเขาถูกมองว่าคนน่ารำคาญที่เป็นส่วนเกินของสังคม
- อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้อาวุโสคือผู้ที่บอกเราถึงประวัติศาสตร์ต่างๆ พวกท่านคือผู้ที่นำความเชื่อในพระเจ้าและนำมาถ่ายทอดให้กับเรา
- เพื่อจะแสดงให้เห็นถึงการดูแลเอาใจใส่ที่เรามีต่อผู้อาวุโส พ่ออยากแบ่งปันเรื่องหนึ่งซึ่งมีคนเล่าให้พ่อฟังสมัยที่พ่อยังเป็นเด็ก
- เรื่องมีอยู่ว่า มีพ่อ แม่ ลูก และคุณปู่คุณย่าอยู่ด้วยกัน คุณปู่คุณย่าทานซุปด้วยหน้าตาที่มีแต่คราบเหงื่อ การทานข้าวของปู่ย่าทำให้พ่อแม่รำคาญ ดังนั้น พ่อแม่จึงซื้อโต๊ะกินข้าวมาเพิ่มอีกตัว เพื่อให้ปู่ย่ากินข้าวที่โต๊ะนั้น ส่วนตัวเองและลูกๆแยกไปกินบนโต๊ะที่ซื้อมาใหม่
- วันหนึ่ง พ่อแม่คู่นี้กลับมาถึงบ้าน เห็นลูกๆกำลังตอกตะปูลงบนไม้กันอยู่ พ่อแม่จึงถามลูกๆว่า "ทำอะไรกัน" ลูกๆจึงตอบว่า "กำลังต่อโต๊ะกินข้าวให้พ่อแม่ไง เพื่อตอนที่พ่อแม่แก่ตัวลง จะได้กินข้าวอีกโต๊ะหนึ่ง ไม่ต้องกินร่วมกับพวกเรา"
- เป็นไงบ้างพี่น้องที่รัก ฟังแล้วได้ข้อคิดอะไรกันบ้าง พ่ออยากแบ่งปันข้อคิดว่า "สังคมใดที่ไม่สนใจ ไม่ห่วงใย และไม่เคารพปู่ย่าตายายของตน ก็เป็นพวกไม่มีอนาคต เพราะสิ่งที่เขาทำ ทำให้เขาสูญเสียความทรงจำของตนไปแล้ว แต่พวกเราถือว่าทำได้ถูกต้อง เราแบ่งสรรเวลาให้กับผู้อาวุโสในครอบครัวของเรา"
Read More: Vatican Radio

ช่วงเช้าวันอังคารที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา โดยมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า:
- บทอ่านวันนี้จากหนังสือมัคคาบี ฉบับที่ 2 (6:18-31) เอเลียซาร์ ธรรมาจารย์ผู้อาวุโสยอมสละชีวิตตนเองยืนยันความเชื่อ มากกว่าจะทรยศความเชื่อ บุรุษท่านนี้คือผู้แน่วแน่มั่นคงในความเชื่อและปฏิเสธคำแนะนำจากเพื่อนที่ขอร้องท่านให้แกล้งทำเป็นกินเนื้อหมู เพื่อจะได้รอดจากการถูกประหารชีวิต แต่แทนที่เอเลียซาร์จะเป็นห่วงชีวิตของตน ท่านกลับยอมตายถวายเกียรติแด่พระเจ้า ทำให้ท่านกลายเป็นคนที่เยาวชนคนรุ่นหลังจดจำในความกล้าหาญ
- พี่น้องที่รัก ลองวกกลับมาคิดถึงสังคมปัจจุบันกันบ้าง ยุคนี้ เราดำเนินชีวิตในยุคที่ผู้อาวุโสคนแก่คนเฒ่าไม่ได้รับการนับถือ มันไม่น่ายินดีเลยที่ต้องพูดแบบนี้ แต่เราเห็นแล้วว่า ผู้อาวุโสถูกกันออกไปด้านหนึ่ง เพราะพวกเขาถูกมองว่าคนน่ารำคาญที่เป็นส่วนเกินของสังคม
- อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้อาวุโสคือผู้ที่บอกเราถึงประวัติศาสตร์ต่างๆ พวกท่านคือผู้ที่นำความเชื่อในพระเจ้าและนำมาถ่ายทอดให้กับเรา
- เพื่อจะแสดงให้เห็นถึงการดูแลเอาใจใส่ที่เรามีต่อผู้อาวุโส พ่ออยากแบ่งปันเรื่องหนึ่งซึ่งมีคนเล่าให้พ่อฟังสมัยที่พ่อยังเป็นเด็ก
- เรื่องมีอยู่ว่า มีพ่อ แม่ ลูก และคุณปู่คุณย่าอยู่ด้วยกัน คุณปู่คุณย่าทานซุปด้วยหน้าตาที่มีแต่คราบเหงื่อ การทานข้าวของปู่ย่าทำให้พ่อแม่รำคาญ ดังนั้น พ่อแม่จึงซื้อโต๊ะกินข้าวมาเพิ่มอีกตัว เพื่อให้ปู่ย่ากินข้าวที่โต๊ะนั้น ส่วนตัวเองและลูกๆแยกไปกินบนโต๊ะที่ซื้อมาใหม่
- วันหนึ่ง พ่อแม่คู่นี้กลับมาถึงบ้าน เห็นลูกๆกำลังตอกตะปูลงบนไม้กันอยู่ พ่อแม่จึงถามลูกๆว่า "ทำอะไรกัน" ลูกๆจึงตอบว่า "กำลังต่อโต๊ะกินข้าวให้พ่อแม่ไง เพื่อตอนที่พ่อแม่แก่ตัวลง จะได้กินข้าวอีกโต๊ะหนึ่ง ไม่ต้องกินร่วมกับพวกเรา"
- เป็นไงบ้างพี่น้องที่รัก ฟังแล้วได้ข้อคิดอะไรกันบ้าง พ่ออยากแบ่งปันข้อคิดว่า "สังคมใดที่ไม่สนใจ ไม่ห่วงใย และไม่เคารพปู่ย่าตายายของตน ก็เป็นพวกไม่มีอนาคต เพราะสิ่งที่เขาทำ ทำให้เขาสูญเสียความทรงจำของตนไปแล้ว แต่พวกเราถือว่าทำได้ถูกต้อง เราแบ่งสรรเวลาให้กับผู้อาวุโสในครอบครัวของเรา"
Read More: Vatican Radio
Comments
Post a Comment