โป๊ปฟรังซิส: "ถ้าให้พระเจ้าเป็นศูนย์กลางชีวิต แม้ในเวลามืดมิด ความสว่างก็ส่องแสงได้"
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงถวายมิสซาปิดปีแห่งความเชื่อและจัดแสดงพระธาตุส่วน "กระดูกของนักบุญเปโตร" พร้อมเทศน์ให้ข้อคิด ถ้าเราให้พระเยซูเป็นศูนย์กลางของชีวิต แม้ชีวิตจะพบช่วงเวลามืดมิดที่สุด ความสว่างจากพระเจ้าก็จะส่องแสงนำทางเรา ทรงย้ำ เมื่อเราทำผิดและขอให้พระเจ้าอภัยโทษเราด้วยความถ่อมตน พระเจ้าจะอภัยแน่นอน

ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในมิสซาสมโภชพระเยซู กษัตริย์แห่งสากลจักรวาลและปิดปีแห่งความเชื่อ พร้อมทั้งมีการนำ "พระธาตุที่เป็นกระดูกของนักบุญเปโตร" มาจัดแสดงให้ชมกันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ มิสซานี้ จัดที่ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมกว่า 140,000 คน
ในส่วนของบทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า:
- วันนี้ เรามาร่วมกันสมโภชพระเยซู กษัตริย์แห่งสากลจักรวาล ซึ่งเป็นการปิดปีพิธีกรรม และเรายังมาร่วมกันปิดปีแห่งความเชื่อที่ถูกจัดขึ้นตามพระดำริของสมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ขอให้เราทุกคนคิดถึงพระองค์ท่านด้วยความรักและสำนึกในสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำ
- พ่อขอทักทายบรรดาพระอัยกาจากพระศาสนจักรคาทอลิกจารีตตะวันออก ของส่งความปรารถนาดีและแลกเปลี่ยนสันติสุขไปยังพวกท่านและบรรดาคริสตชนในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์, ซีเรีย และทั่วดินแดนตะวันออกกลาง
- ในบทอ่านวันนี้จากจดหมายนักบุญเปาโลถึงชาวโคโลสี (คส 1:12-20) นักบุญเปาโลได้ให้มุมมองที่ลึกซึ้งถึงการให้พระเยซูเป็นศูนย์กลาง พระเยซูทรงเป็นศีรษะของร่างกายคือพระศาสนจักร ทรงเป็นปฐมเหตุ เพื่อให้ทุกสิ่งได้คืนดีกับพระเจ้า สิ่งที่นักบุญเปาโลแบ่งปันนี้ ทำให้เราเห็นถึงพระเยซูผู้เป็นศูนย์กลางของสิ่งสร้าง และทำให้เราตระหนักและยอมรับว่าชีวิตของเราต้องให้พระเยซูเป็นศูนย์กลาง ทั้งความคิด วาจา และการกระทำ
- นอกเหนือจากการให้พระเยซูเป็นศูนย์กลางของสิ่งสร้าง พระคริสตเจ้ายังเป็นศูนย์กลางของประชากรของพระเจ้าด้วย เราได้เห็นเรื่องนี้ในบทอ่านแรกจากหนังสือซามูเอล ฉบับที่สอง (2 ซมอ 5:1-3) ตอนที่ชาวอิสราเอลทำพิธีเจิม ดาวิด เป็นกษัตริย์ต่อหน้าพระพักตร์ของพระเจ้า ในพระเจ้า พวกเราร่วมเป็นหนึ่งเดียวกัน เราแบ่งปันการเดินทางและจุดหมายเดียวกัน
- สุดท้าย พระคริสตเจ้าทรงเป็นศูนย์กลางของประวัติศาสตร์เผ่าพันธุ์มนุษยชาติ เมื่อใดที่เราให้พระเยซูเป็นศูนย์กลาง แสงสว่างก็สามารถส่องแสงได้แม้จะเป็นช่วงเวลาที่มืดมิดสุดในชีวิตก็ตาม พระเจ้าทรงให้ความหวังกับเรา เหมือนกับที่พระองค์ทรงทำกับโจรกลับใจที่เราได้ฟังในพระวรสารในวันนี้
- พระเยซูตรัสพระวาจาแห่งการให้อภัยกับโจรกลับใจ พระองค์ไม่ประณามเขา เมื่อใดที่คนๆหนึ่งกล้าที่จะขอให้อภัยให้เขา พระเจ้าก็ไม่ลังเลที่จะให้อภัย พระองค์ไม่มีทางทำเป็นไม่ได้ยินเสียงนั้นเด็ดขาด
หลังพิธีมิสซาจบลง พระสันตะปาปาทรงประกาศว่าพระองค์จะออกสารเตือนใจ (Apostolic Exhortation) ชื่อว่า "Evangelii gaudium" หรือชื่อภาษาไทยคือ "ความชื่นชมยินดีแห่งพระวรสาร" โดยสารเตือนใจนี้ เป็นบทสรุปของการประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิกเมื่อปีที่แล้ว ที่จัดภายใต้หัวข้อ "การประกาศพระวรสารใหม่เพื่อการถ่ายทอดความเชื่อคริสตชน" (The New Evangelization for the Transmission of the Christian Faith) โดยพระสันตะปาปาแจ้งว่า สารนี้จะถูกเผยแพร่อย่างเป็นทางการวันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน 2013 เวลา 12.00 น. (18.00 เวลาไทย)
จากนั้น พระสันตะปาปาทรงนำสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว โดยพระองค์ตรัสแบ่งปันด้วยการเชิญชวนทุกคนสวดภาวนาต่อแม่พระ เพื่อคริสตชนที่กำลังถูกเบียดเบียนเพราะความเชื่อต่อพระเยซูด้วย
ประมวลภาพ: มิสซาปิดปีแห่งความเชื่อ
Read More: Vatican Radio

ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในมิสซาสมโภชพระเยซู กษัตริย์แห่งสากลจักรวาลและปิดปีแห่งความเชื่อ พร้อมทั้งมีการนำ "พระธาตุที่เป็นกระดูกของนักบุญเปโตร" มาจัดแสดงให้ชมกันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ มิสซานี้ จัดที่ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมกว่า 140,000 คน
ในส่วนของบทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า:
- วันนี้ เรามาร่วมกันสมโภชพระเยซู กษัตริย์แห่งสากลจักรวาล ซึ่งเป็นการปิดปีพิธีกรรม และเรายังมาร่วมกันปิดปีแห่งความเชื่อที่ถูกจัดขึ้นตามพระดำริของสมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ขอให้เราทุกคนคิดถึงพระองค์ท่านด้วยความรักและสำนึกในสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำ
- พ่อขอทักทายบรรดาพระอัยกาจากพระศาสนจักรคาทอลิกจารีตตะวันออก ของส่งความปรารถนาดีและแลกเปลี่ยนสันติสุขไปยังพวกท่านและบรรดาคริสตชนในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์, ซีเรีย และทั่วดินแดนตะวันออกกลาง
- ในบทอ่านวันนี้จากจดหมายนักบุญเปาโลถึงชาวโคโลสี (คส 1:12-20) นักบุญเปาโลได้ให้มุมมองที่ลึกซึ้งถึงการให้พระเยซูเป็นศูนย์กลาง พระเยซูทรงเป็นศีรษะของร่างกายคือพระศาสนจักร ทรงเป็นปฐมเหตุ เพื่อให้ทุกสิ่งได้คืนดีกับพระเจ้า สิ่งที่นักบุญเปาโลแบ่งปันนี้ ทำให้เราเห็นถึงพระเยซูผู้เป็นศูนย์กลางของสิ่งสร้าง และทำให้เราตระหนักและยอมรับว่าชีวิตของเราต้องให้พระเยซูเป็นศูนย์กลาง ทั้งความคิด วาจา และการกระทำ
- นอกเหนือจากการให้พระเยซูเป็นศูนย์กลางของสิ่งสร้าง พระคริสตเจ้ายังเป็นศูนย์กลางของประชากรของพระเจ้าด้วย เราได้เห็นเรื่องนี้ในบทอ่านแรกจากหนังสือซามูเอล ฉบับที่สอง (2 ซมอ 5:1-3) ตอนที่ชาวอิสราเอลทำพิธีเจิม ดาวิด เป็นกษัตริย์ต่อหน้าพระพักตร์ของพระเจ้า ในพระเจ้า พวกเราร่วมเป็นหนึ่งเดียวกัน เราแบ่งปันการเดินทางและจุดหมายเดียวกัน
- สุดท้าย พระคริสตเจ้าทรงเป็นศูนย์กลางของประวัติศาสตร์เผ่าพันธุ์มนุษยชาติ เมื่อใดที่เราให้พระเยซูเป็นศูนย์กลาง แสงสว่างก็สามารถส่องแสงได้แม้จะเป็นช่วงเวลาที่มืดมิดสุดในชีวิตก็ตาม พระเจ้าทรงให้ความหวังกับเรา เหมือนกับที่พระองค์ทรงทำกับโจรกลับใจที่เราได้ฟังในพระวรสารในวันนี้
- พระเยซูตรัสพระวาจาแห่งการให้อภัยกับโจรกลับใจ พระองค์ไม่ประณามเขา เมื่อใดที่คนๆหนึ่งกล้าที่จะขอให้อภัยให้เขา พระเจ้าก็ไม่ลังเลที่จะให้อภัย พระองค์ไม่มีทางทำเป็นไม่ได้ยินเสียงนั้นเด็ดขาด
หลังพิธีมิสซาจบลง พระสันตะปาปาทรงประกาศว่าพระองค์จะออกสารเตือนใจ (Apostolic Exhortation) ชื่อว่า "Evangelii gaudium" หรือชื่อภาษาไทยคือ "ความชื่นชมยินดีแห่งพระวรสาร" โดยสารเตือนใจนี้ เป็นบทสรุปของการประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิกเมื่อปีที่แล้ว ที่จัดภายใต้หัวข้อ "การประกาศพระวรสารใหม่เพื่อการถ่ายทอดความเชื่อคริสตชน" (The New Evangelization for the Transmission of the Christian Faith) โดยพระสันตะปาปาแจ้งว่า สารนี้จะถูกเผยแพร่อย่างเป็นทางการวันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน 2013 เวลา 12.00 น. (18.00 เวลาไทย)
จากนั้น พระสันตะปาปาทรงนำสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว โดยพระองค์ตรัสแบ่งปันด้วยการเชิญชวนทุกคนสวดภาวนาต่อแม่พระ เพื่อคริสตชนที่กำลังถูกเบียดเบียนเพราะความเชื่อต่อพระเยซูด้วย
ประมวลภาพ: มิสซาปิดปีแห่งความเชื่อ
Read More: Vatican Radio
Comments
Post a Comment