โป๊ปฟรังซิส: "อย่ามองความตายด้วยมุมมองประสามนุษย์"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงแบ่งปัน ถ้าเรามองความตายตามประสามนุษย์ เราจะมองว่ามนุษย์ทุกคนกำลังเดินไปสู่ความตาย แต่ถ้ามองด้วยสายพระเนตรของพระเจ้า เราจะมองว่ามนุษย์จะเดินออกจากความตายฝ่ายโลกเพื่อไปรับชีวิตนิรันดรในสวรรค์ ซึ่งเป็นการเติมเต็มชีวิตที่สมบูรณ์อย่างแท้จริง ตอนท้าย ทรงเชิญทุกคนภาวนาให้ชาวฟิลิปปินส์ที่ประสบภัย "พายุไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน" ด้วย



ช่วงเที่ยงวันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในการสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมภาวนากว่า 85,000 คน โดยวันนี้ พระสันตะปาปาตรัสแบ่งปันว่า:

- พี่น้องที่รัก พระวรสารวันอาทิตย์นี้ พวกซัดดูซีมาถามพระเยซูเรื่องการกลับคืนชีพของผู้ตาย พวกเขาพยายามที่จะเย้นหยันความเชื่อเรื่องการกลับคืนชีพ

- พระเยซูทรงอธิบายเรื่องชีวิตหลังความตายว่ามีความแตกต่างจากชีวิตบนโลก นั่นคือ ชีวิตนิรันดรมีความแตกต่างจากชีิวิตที่เรากำลังมีอยู่นี้ การกลับคืนชีพจะเป็นเหมือนทูตสวรรค์และจะดำเนินชีวิตในสถานะความเป็นอยู่ที่แตกต่างไปอีกแบบ ซึ่งสิ่งนี้เราจะยังไม่ได้เห็นในตอนนี้อย่างแน่นอน

- พระเยซูทรงตอบโต้กลับไปยังพวกซัดดูซีด้วยกาตรัสเอ่ยถึงโมเสส, อับราฮัม, อิสอัค และยาโคบ ชื่อเหล่านี้คือคนที่พระเจ้าทรงเผยแสดงให้เห็นว่าพระองค์ยิ่งใหญ่กว่าความตาย พระเยซูจึงอธิบายว่า นี่แหละทำไมพระองค์ถึงไม่ใช่พระเจ้าของผู้ตาย แต่เป็นพระเจ้าของผู้เป็น และทุกคนมีชีวิตอยู่เพื่อพระองค์

- พระเจ้าทรงมอบชีวิตนิรันดรให้กับเรา พระองค์ให้เราทุกคน และขอให้เราขอบคุณพระองค์สำหรับสิ่งนี้ พระเจ้ามักจะทำสิ่งไม่คาดฝันให้เกิดกับชีวิตของเราด้วยพระเมตตาของพระองค์อยู่เสมอ

- พี่น้องที่รัก ถ้าเรามองเรื่องนี้ด้วยสายตามนุษย์ เราก็จะพูดว่า หนทางของมนุษย์ก็คือการเดินไปสู่ความตาย แต่ถ้ามองด้วยสายพระเนตรของพระเยซู นี่จะเป็นการยืนยันว่าชีวิตหลังความตายคือการเดินออกจากความตายบนโลกเพื่อไปรับชีวิตที่ดีกว่่า

- ฉะนั้น ความตายจะอยู่หลังเรา ไม่ได้อยู่หน้าเรา เพราะข้างหน้าเราคือพระเจ้าผู้ทรงชีวิต ผู้ทรงเอาชนะบาปและความตาย นี่คือจุดเริ่มต้นของเวลาแห่งความยินดีและความสว่างที่ไม่รู้จบ

หลังจากการสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าวจบลง พระสันตะปาปาทรงเชิญทุกคนภาวนาให้ชาวฟิลิปปินส์ที่ประสบภัย "พายุไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน" ด้วย


Read More: Vatican Radio



Comments