โป๊ปฟรังซิส: "จงให้พระเจ้ามีส่วนร่วมและนำทางชีวิตเรา"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงเตือนคริสตชน อย่าหยิ่งยโสคิดว่าตัวเองสามารถเขียนชีวิตนี้ได้ด้วยตนเอง แต่จงถ่อมตนให้พระเจ้าเข้ามาเขียนและนำทางชีวิตเรา ทรงชี้ พระสงฆ์ก็อาจหันหลังให้พระเจ้าได้ถ้าหากปิดใจไม่ฟังเสียงพระองค์ แต่คนบาปอาจกลับไปหาพระเจ้าได้ ถ้าหากเปิดใจให้พระองค์เหมือนชาวสะมาเรียผู้ใจดี 



ช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา โดยมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า:

- พระวรสารวันนี้ พระเยซูทรงเล่าเรื่องชาวสะมาเรียผู้ใจดีที่ช่วยชายคนหนึ่งที่ถูกโจรปล้น โดยที่ "สมณะ" และ "ชาวเลวี" เมินที่จะช่วยเหลือเขา มีแต่ชาวสะมาเรียที่ช่วยเหลือเขา (ลูกา 10: 25-37)

- พระวรสารวันนี้ เตือนใจเราว่า เราต้องเปิดใจและรับฟังสิ่งที่พระเจ้ากำลังตรัสกับเรา เราต้องให้ชีวิตของเรา "ถูกเขียนขึ้น" ด้วยพระเจ้า เราต้องฟังเสียงของพระเจ้า และปล่อยวางงานของเรา เพื่อหันมาทำตามพระประสงค์ของพระองค์

- การที่เราไม่ฟังเสียงของพระเจ้าและไม่ใส่ใจต่อคำเชิญของพระองค์ ถือเป็นการประจญล่อลวงจากปีศาจในการดำเนินชีวิตประจำวัน

- มันมีหลายวิถีทางมากๆที่จะทำให้เราหันหลังให้กับพระเจ้า ตัวอย่างที่ชัดๆก็คือพระวรสารในวันนี้นี่เอง อุปมาเรื่องชาวสะมาเรียผู้ใจดีที่เข้ามาช่วยชายคนหนึ่งที่กำลังจะตายบนถนน

- เราเห็นแล้วใช่ไหมว่าสมณะหรือพระสงฆ์คนนั้น เดินผ่านชายที่กำลังจะตายคนนี้ พระสงฆ์สวมชุดเต็มยศและกำลังจะไปถวายมิสซา พระสงฆ์คนนี้มองมาที่ชายคนนี้และพูดกับตัวเองว่า "เรากำลังจะไปถวายมิสซาสายนะ" จากนั้น เขาก็รีบเดินจากไป เห็นได้ชัดว่า พระสงฆ์คนนี้ไม่ได้ยินเสียงของพระเจ้า!

- จากนั้น ชาวเลวีเดินผ่านมาอีก บางที เลวีอาจคิดว่า "ถ้าเราเข้าไปช่วยไอ้คนที่กำลังจะตาย เป็นไปได้ว่า วันพรุ่งนี้ เราคงต้องไปศาลเพื่อให้ปากคำก็เป็นได้ ดังนั้น เดินผ่านไปเลยดีกว่า" ตัวอย่างนี้ก็เหมือนกัน นี่คือการถอยห่างจากเสียงของพระเจ้า

- มีเพียงชาวสะมาเรียเท่านั้น ชาวสะมาเรียที่บางคนกล่าวหาว่าเป็น "คนบาป" มีเพียงชาวสะมาเรียที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกไม่เคยเข้าศาลาธรรมนมัสการพระเจ้า เป็นพวกที่ถูกกล่าวหาว่าไร้ศีลธรรม ชาวสะมาเรียเป็นแบบนี้เพียงเพราะพวกเขาเชื่อว่าเราสามารถนมัสการพระเจ้าได้ทุกที่ ไม่เฉพาะศาลาธรรมเท่านั้น แต่น่าแปลกไหมว่า ชาวสะมาเรียนี่แหละที่มีความสามารถฟังเสียงของพระเจ้าและเข้าใจสิ่งที่พระเจ้าทรงร้องขอ

- ชาวสะมาเรียเข้าใจสิ่งที่พระเจ้ากำลังตรัสกับเขาและชาวสะมาเรียก็ไม่ได้หันหลังให้พระองค์ ชาวสะมาเรียเดินเข้าไปหาชายที่ถูกทุบตีและมีบาดแผลไปทั้งตัวและกำลังจะตาย ชาวสะมาเรียนำชายที่กำลังจะตายขึ้นหลังสัตว์ของเขา พาเขาไปยังโรงแรมและปฐมพยาบาลเขา ชาวสะมาเรียมอบทุกอย่างที่เขามีเพื่อดูแลชายที่กำลังจะตายคนนี้

- ขณะที่ พระสงฆ์คนนั้นไปถวายมิสซาตรงเวลาและทำให้สัตบุรุษพึงพอใจ ส่วนเลวีก็สามารถทำตามตารางเวลาของตัวเอง ทำไมพระสงฆ์ต้องหันหลังให้พระเจ้า ทำไมเลวีจึงหนีห่างจากพระเจ้า ทำไมกัน? ก็เพราะพระสงฆ์และเลวีปิดใจนั่นเอง เมื่อหัวใจของเขาปิดตาย เขาก็ไม่สามารถได้ยินเสียงของพระเจ้า ไม่เหมือนชาวสะมาเรียที่เห็นและเข้าไปช่วยชายที่กำลังจะตายด้วยความรู้สึกเป็นทุกข์ไปกับเขา ชาวสะมาเรียเป็นแบบนี้เพราะหัวใจของเขาเปิดออก เขาคือมนุษย์และเปี่ยมด้วยความสุภาพถ่อมตน รวมถึงมีหัวใจที่ใกล้ชิดกับพระเจ้า

- ดังนั้น ใครต้องการที่จะวาดภาพชีวิตให้ตนเองและไม่ยอมให้พระเจ้าเข้าไปเขียนชีวิตของตน พ่ออยากแบ่งปันว่า พ่อมักจะพูดกับตนเองและจะพูดกับพวกท่านด้วยว่า "เราให้พระเจ้าเขียนชีวิตของเราหรือเปล่า หรือเราต้องการที่จะเขียนชีวิตนี้ด้วยตัวเอง" พ่ออยากเตือนสติว่า เราต้องฟังเสียงของพระเจ้าด้วยความนบนอบ เราต้องมีกำลังพอที่จะรับฟังเสียงของพระองค์ และให้พระองค์นำทางชีวิตเรา!

Read More: Vatican Radio


Comments