โป๊ปฟรังซิส: "คริสตชนต้องพูด ขอโทษ เสียใจ และขอบคุณ"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงแนะคริสตชน คำว่า "ขอโทษ, ฉันเสียใจ และขอบคุณ" เป็น 3 คำที่สำคัญในครอบครัว เช่นเดียวกัน เราต้องหัดพูดคำเหล่านี้กับพระเจ้าด้วย เฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่เราสวดขอพระเจ้าแล้วพระองค์ประทานให้ ทรงชี้ พระเจ้าทรงทำเรื่องประหลาดใจในชีวิตเราเสมอ ขึ้นกับเราว่าพร้อมให้เรื่องพวกนี้เกิดกับชีวิตหรือไม่ ทรงเน้น คริสตชนต้องตอบ YES กับพระเจ้า แม้การตอบนี้จะทำให้ชีวิตวุ่นวายและต้องเจอความทุกข์ก็ตาม


ช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นประธานในมิสซาถวายโลกแด่แม่พระฟาติมา พิธีนี้ จัดที่ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมกว่า 150,000 คน ทั้งนี้ วันที่ 13 ตุลาคม ค.ศ.1917 หรือเมื่อ 96 ปีที่แล้ว เป็นครั้งสุดท้ายที่แม่พระประจักษ์มาหาเด็กน้อย 3 คนที่เมืองฟาติมา ประเทศโปรตุเกสด้วย นอกจากนี้ สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงมีความศรัทธาต่อแม่พระฟาติมาเป็นพิเศษ ย้อนกลับไปวันที่ 13 พฤษภาคม 2013 พระองค์ได้ถวายสมณสมัยการปกครองของพระองค์ไว้กับแม่พระฟาติมา และมาวันนี้ ก็ได้ถวายโลกแด่แม่พระฟาติมาด้วย

สำหรับบทเทศน์ประจำมิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสว่า:

- วันนี้ เรามารำพึงพิจารณาถึงหนึ่งในสิ่งสร้างที่มหัศจรรย์ยิ่งที่พระเจ้าทรงสร้าง นั่นคือ แม่พระ! สิ่งสร้างที่ต่ำต้อยและอ่อนแอเหมือนเรา แต่แม่พระได้รับเลือกให้เป็นพระมารดาของพระเจ้า เป็นพระมารดาของสิ่งสร้างทั้งมวล พ่อจึงอยากแบ่งปันกับพวกท่านทุกคนเกี่ยวกับแม่พระ ขอแบ่งปัน 3 เรื่องได้แก่ 1) พระเจ้าทรงทำให้เราประหลาดใจ 2) พระเจ้าทรงเรียกเราให้เป็นผู้มีความเชื่อ 3) พระเจ้าคือพละกำลังของเรา

- เรื่องแรก พระเจ้าทรงทำให้เราประหลาดใจ ... เรื่องราวของนาอามาน (ในบทอ่านที่ 1) ที่ลงไปจุ่มตัวในแม่น้ำจอร์แดนแล้วผิวหนังของเขาก็หายจากโรคเรื้อน โดยมีความเชื่อเต็มเปี่ยมในพระเจ้าของอิสราเอล เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนมากๆ ... พระเจ้าทำให้เราประหลาดใจเสมอ เพราะพระองค์จะปรากฏพระองค์ในความยากไร้ ความอ่อนแอ และในความสุภาพถ่อมตน ในสิ่งเหล่านี้พระเจ้าจะเผยแสดงพระองค์เองแก่เราด้วยความรักและช่วยเหลือเรา ทั้งยังประทานความเข้มแข็งให้กับเรา พระเจ้าไม่ได้เรียกให้เราเชื่อฟังพระองค์เท่านั้น แต่ยังเรียกให้เราเชื่อวางใจในพระองค์ด้วย

- การที่พระเจ้าทำให้เราประหลาดใจนั้น เราพบได้ในเรื่องของแม่พระเช่นกัน ตอนที่ทูตสวรรค์มาแจ้งข่าวแก่แม่พระ แม่พระก็ไม่ได้ปิดบังความประหลาดใจเลย แม่พระไม่เข้าใจสิ่งที่ทูตสวรรค์บอกเกี่ยวกับการประสูติของพระเยซู เพราะจะเป็นไปได้อย่างไรที่พระเจ้าจะมาบังเกิดเป็นมนุษย์ แถมพระเจ้าเลือกแม่พระเป็นมารดาของพระเจ้า เป็นไปได้อย่างไรที่พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่จะมาเกิดที่เมืองเล็กๆอย่างนาซาเร็ธ ไม่ได้เกิดในพระราชวังและร่ำรวยเงินทอง กระนั้น แม่พระก็ตอบรับ (YES) ว่า "ข้าพเจ้าคือผู้รับใช้พระเจ้า ขอให้เป็นไปตามวาจาของท่านเถิด" (ลูกา 1:38) นี่แหละคือเรื่องที่พระเจ้าทรงทำให้เราประหลาดใจ พระองค์บอกเราเสมอว่า "จงวางใจเราเถิด จงอย่ากลัว จงปล่อยตัวเองไว้ตรงนั้นและตามเรามา"

- ดังนั้น วันนี้ เราควรถามตัวเองว่า เรากลัวไหมถ้าพระเจ้าจะถามเราว่า "พร้อมหรือยังที่จะให้พระองค์ทำเรื่องประหลาดใจกับเรา" เหมือนที่พระเจ้าทรงทำกับแม่พระ หรือว่า เรายังอยากอยู่ในที่สบายๆเหมือนตอนนี้ อยู่กับวัตถุสิ่งของ อยู่กับความมั่นคงในทรัพย์สินและแนวคิดบางอย่าง" เราพร้อมไหมที่จะตอบพระเจ้าว่า ต้องการให้พระองค์ทำเรื่องประหลาดใจในชีวิตของเรา

- เรื่องที่สอง พระเจ้าทรงเรียกเราให้เป็นผู้มีความเชื่อ ... พระเจ้าทรงทำให้เราประหลาดใจด้วยความรักของพระองค์ก็จริง แต่พระเจ้ายังต้องการให้เราเป็นผู้มีความเชื่อความศรัทธาที่จะติดตามพระองค์ด้วย ตัวเราเองน่ะเป็นคนที่ไม่ศรัทธาไม่มีความเชื่อก็ได้ แต่พระเจ้าเป็นแบบนั้นไม่ได้

- ลองคิดเกี่ยวกับเวลาที่เรากำลังตื่นเต้นกับเรื่องหรือสิ่งของใหม่ๆ แรกๆเราก็ดีกับสิ่งนั้นอยู่หรอก แต่หลังจากนั้นเราก็ทิ้งขว้าง น่าเศร้าที่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับการตัดสินใจที่สำคัญๆของเรา อาทิ การแต่งงาน มันเป็นความยากมากที่จะรักษาความสม่ำเสมอและความเชื่อต่อการตัดสินใจที่ทำลงไป บ่อยครั้ง มันง่ายนะที่จะตอบว่ารับ (YES) การตัดสินใจนั้น แต่หลังจากเราเริ่มล้มเหลวที่จะตอบแบบนั้นในทุกๆวัน และมันทำให้เรากลายเป็นคนไม่มีความเชื่อใจ

- แม่พระก็ตอบรับ (YES) กับพระเจ้า การตอบ YES ของแม่พระคือการวางชีวิตที่เรียบง่ายที่เมืองนาซาเร็ธไว้ตรงนั้นและเดินหน้าเข้าสู่ความวุ่นวายต่างๆนาๆ หลายครั้งที่การตอบ YES ของแม่พระได้นำมาสู่ช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดทุกข์ระทม เฉพาะอย่างยิ่ง การตอบ YES แทบเชิงกางเขนของพระเยซู 

- ดังนั้น ขอให้เราถามตัวเองว่า "เราเป็นคริสตชนแบบฟูลไทม์​ (Full-time เต็มเวลา) หรือเปล่า" เราเป็นคริสตชนที่ดำเนินชีวิตบนความเชื่อไหม พระเจ้าทรงเรียกเราให้เป็นผู้มีความเชื่อในทุกๆวันของชีวิต ในพระเมตตาของพระองค์ พระเจ้าไม่เคยเหนื่อยที่จะยื่นพระหัตถ์ออกมาช่วยพยุงเราไว้ และให้กำลังใจเราก้าวเดินบนหนทางนี้ พระเจ้าต้องการให้เราเดินไปบอกพระองค์ถึงความอ่อนแอของเรา เพื่อพระองค์จะได้มอบความเข้มแข็งให้ นี่แหละคือการเดินทางที่แท้จริง กล่าวคือ เดินไปกับพระเจ้าตลอดเวลา แม้ในเวลาอ่อนแอและเต็มไปด้วยบาป

- เรื่องสุดท้าย พระเจ้าทรงเป็นพละกำลังของเรา ...​ พระวรสารวันนี้ เป็นเรื่องชายโรคเรื้อน 10 คนที่ได้รับการรักษาจากพระเยซู แต่มีคนเดียวเท่านั้น (ชาวสะมาเรีย) ที่กลับมาหาและสรรเสริญพระองค์ ส่วนอีก 9 คนไม่กลับมาขอบคุณพระเจ้า พระวรสารตอนนี้สอนเราว่า "จงขอบคุณพระเจ้าในทุกกรณีที่พระองค์ทรงช่วยเรา"

- ดูอย่างแม่พระ หลังจากทูตสวรรค์แจ้งข่าวเสร็จแล้ว แม่พระไปหานักบุญเอลิซาเบ็ธและกล่าวว่า "วิญญาณข้าพเจ้าถวายสดุดีแด่พระเจ้า" แม่พระสรรเสริญพระเจ้าทันที เพราะพระเจ้าไม่ได้ทำให้นักบุญเอลิซาเบ็ธตั้งครรภ์เท่านั้น แต่พระเจ้ายังทำสิ่งต่างๆมากมายในประวัติศาสตร์แห่งความรอดด้วย" ทุกสิ่งคือของขวัญจากพระเจ้า ดังนั้น ถ้าเราตระหนักว่าทุกสิ่งเป็นของขวัญจากพระเจ้า ลองคิดดูซิว่า หัวใจของเราจะเปี่ยมสุขขนาดไหน

- การพูด "ขอบคุณ" เป็นเรื่องง่ายและยากในเวลาเดียวกัน เราพูดขอบคุณสมาชิกในครอบครัวบ่อยแค่ไหนกัน มันจำเป็นมากนะที่เราต้องพูดคำง่ายๆแบบนี้กับคนในครอบครัว เราต้องหัดพูด "ขอโทษ", "ฉันเสียใจ" และ "ขอบคุณ" ถ้าสมาชิกครอบครัวพูดสามคำนี้ พวกเขาก็จะเปี่ยมสุข 

- คำพูดสามคำนี้ เราก็ต้องพูดกับพระเจ้าด้วยเช่นกัน มันง่ายที่จะวอนขอพระเจ้าเพื่อสิ่งของบางอย่าง แต่เมื่อได้แล้วเราก็จำเป็นต้องขอบคุณพระองค์ด้วย 

ประมวลภาพ: พระสันตะปาปาเป็นประธานมิสซาถวายโลกแด่แม่พระฟาติมา

Read More: Vatican Radio


Comments