โป๊ปฟรังซิส: "เราต้องเคารพสิ่งสร้างของพระเจ้าเหมือนน.ฟรานซิส อัสซีซี"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงย้ำ เราต้องเคารพสิ่งสร้างของพระเจ้าเหมือนนักบุญฟรานซิส อัสซีซี ทรงเตือนใจ คริสตชนต้องไม่หลงไปตามจิตวิญญาณฝ่ายโลกที่ลวงเราให้ลืมผู้ยากไร้ พร้อมกันนี้ ทรงเป็นพระสันตะปาปาองค์แรกในประวัติศาสตร์ที่ได้เข้าไปในห้องที่นักบุญฟรานซิส อัสซีซี ถอดเสื้อผ้าที่หรูหราของตัวเองออกและวางลงที่แทบเท้าบิดาของตน เพื่อตัดสินใจจะถือความยากจนด้วย



ช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงประทับเฮลิคอปเตอร์ออกจากวาติกันไปยังเมืองอัสซีซี แคว้นอุมเบรีย ทางตอนกลางของประเทศอิตาลี โดยพระสันตะปาปาเสด็จมาเมืองอัสซีซี พร้อมกับคณะพระคาร์ดินัล 8 องค์ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาในการปฏิรูปโรมันคูเรียด้วย  สำหรับตารางเวลาต่างๆนั้น ช่วงเช้า พระสันตะปาปาจะพบปะกับบรรดาเด็กและผู้ป่วย รวมไปถึงพบกับบรรดาผู้ดูแลคนยากไร้ จากนั้น จะไปภาวนาหน้าหลุมศพ นักบุญฟรานซิส อัสซีซี องค์อุปถัมภ์ของประเทศอิตาลี ก่อนจะปิดท้ายช่วงเช้าด้วยการถวายมิสซา ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญฟรานซิส อัสซีซี ส่วนช่วงบ่าย พระสันตะปาปาจะพบปะบรรดาพระสังฆราชและพระสงฆ์ รวมถึงเยาวชนด้วย

1) พระสันตะปาปาพบผู้ป่วยและเด็ก

พิธีการแรกสุดของการเสด็จเยือนอัสซีซี เริ่มด้วยพระสันตะปาปาทรงพบปะกับผู้ป่วยและเด็ก ภายในวันน้อยของสถาบันเซราฟิโค่ โดยบรรยากาศของการพบกันนี้ เป็นไปแบบอบอุ่นมากๆ พระสันตะปาปาทรงเดินทักทายและสวมกอดเด็กและผู้ป่วยแบบทีละคน พร้อมตรัสให้กำลังใจพวกเขาด้วย ในส่วนพระดำรัสกับทุกคน พระสันตะปาปาตรัสว่า:

- บาดแผลและความเจ็บป่วยในพวกท่านจำเป็นต้องได้รับการรักษาและดูแลเอาใจใส่ พ่ออยากแบ่งปันว่า หลังจากพระเยซูได้เสด็จกลับคืนชีพและเดินไปกับศิษย์ 2 คนที่หมู่บ้านเอ็มมาอุส พระองค์ทรงแสดงบาดแผลให้ศิษย์เห็น พวกเขาจึงจะจำพระองค์ได้

- พระเยซูไม่เคยต้องการลบริ้วรอยของบาดแผลที่พระองค์ได้รับ แต่ทรงเลือกที่จะให้บาดแผลเหล่านั้นติดตัวพระองค์ขึ้นสวรรค์ไปด้วย พระองค์ทรงมีบาดแผลเหล่านี้ติดตัวไปหาพระบิดา และพระองค์ก็กำลังตรัสกับเราว่า "เรารอท่านอยู่ที่นี่นะ" ดังนั้น อย่ากลัวกับความเจ็บป่วยและบาดแผลที่มี แต่จงยิ้มรับและสู้กับมันด้วยความรักจากพระเยซู

- ในส่วนของศีลมหาสนิทที่อยู่ในตู้ศีล พระเยซูทรงเลือกที่จะประทับอยู่ในนั้นในรูปแบบที่เรียบง่ายที่สุดและถ่อมตัวมากที่สุดในแบบของแผ่นปัง และแน่นอน พระเยซูก็ทรงประทับอยู่ในตัวพวกหนูด้วยนะ เด็กๆที่น่ารักทุกคน

2) พระสันตะปาปาพบกับอาสาสมัครดูแลคนยากไร้

พิธีการที่สองของการเสด็จเยือนอัสซีซี พระสันตะปาปาเสด็จไปให้โอวาทแก่บรรดาอาสาสมัครดูแลผู้ยากไร้ในเมืองอัสซีซี โดยพิธีการนี้ จัดในห้องที่นักบุญฟรานซิส อัสซีซี ถอดเสื้อผ้าที่หรูหราของตัวเองออกและวางลงที่แทบเท้าบิดาของตน เพื่อตัดสินใจจะถือความยากจน (และยังเป็นห้องที่พระสังฆราชของอัสซีซี ให้ชาวยิวเข้ามาหลบภัยในสงครามโลก ครั้งที่ 2 เพื่อหนีการตามล่าของทหารนาซีด้วย) ทั้งนี้ สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นพระสันตะปาปาองค์แรกในประวัติศาสตร์ที่ได้เข้ามาในห้องนี้ด้วย

โอกาสนี้ พระสันตะปาปาตรัสแบ่งปันพวกเขาว่า:

- คริสตชนที่ได้รับศีลล้างบาปทุกคนเป็นส่วนประกอบของพระศาสนจักร และเราต้องเดินตามพระเยซู ผู้ทรงปลดเปลื้องพระองค์เองและเลือกมาเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อยบนวิถีทางแห่งไม้กางเขน ถ้าเราต้องการจะเป็นคริสตชน เราไม่มีหนทางอื่นเลย นอกจากจะเป็นผู้รับใช้ผู้อื่นและเปี่ยมด้วยความสุภาพถ่อมตน

- ถ้าปราศจากไม้กางเขน ถ้าปราศจากพระเยซู ถ้าปราศจากการปลดเปลื้องตัวเองจากความเจนจัดฝ่ายโลก เราจะตกอยู่ในอันตราย เราจะตกอยู่ในอันตรายจากเล่ห์เหลี่ยมฝ่ายโลก ดังนั้น พระศาสนจักรต้องปลดเปลื้องตัวเองออกจากสิ่งเหล่านี้และก้าวเดินตามพระเยซู

- คริสตชนต้องไม่หลงไปตามจิตวิญญาณฝ่ายโลก ซึ่งนำเราไปสู่ความหยิ่งยโส ความโอหัง และความผยอง ของแบบนี้จะทำให้เราหลงตัวเองและบูชานิสัยแบบนี้อย่างไม่ลืมหูลืมตา ซึ่งแน่นอน มันคือบาปชัดๆ

- พี่น้องที่รัก พระศาสนจักรไม่ได้มีแค่บรรดาพระสันตะปาปา พระสังฆราช พระสงฆ์ และนักบวชเท่านั้น แต่ยังรวมถึงฆราวาสอย่างพวกท่านด้วย พระศาสนจักรประกอบด้วยพวกเราทั้งหมด และเราต้องปลดตัวเองออกจากการยึดมั่นในตัวเองและเล่ห์เหลี่ยมฝ่ายโลก

- พระเยซูทรงบอกเราว่า "เราไม่สามารถรับใช้เจ้านาย 2 คนได้ในเวลาเดียวกัน เราต้องเลือกว่า จะรับใช้พระเจ้าหรือเงิน" จำคำสอนนี้ไว้ให้ดีๆนะ ถ้าท่านต้องการจะติดตามพระเยซู ท่านต้องระลึกเสมอว่า "จิตวิญญาณฝ่ายโลกจะฆ่าเรา และมันยังฆ่าพระศาสนจักรด้วย" 

- น่าเศร้าที่ทุกวันนี้ คริสตชนหลายคนถูกปลดเปลื้องจาก "เศรษฐกิจสมัยใหม่" ที่ให้เงินเป็นตัวตั้ง จนลืมห่วงใยเพื่อนมนุษย์ที่ยากไร้ อดอยาก และต้องการความช่วยเหลือจากเรา 

- เมื่อวานนี้ พวกท่านคงทราบกันแล้วกับเหตุเรือผู้อพยพจากแอฟริกาอับปางที่ลัมเปดูซ่า ข่าวนี้น่าเศร้ามากนะ เพราะคนจำนวนมากต้องตาย เนื่องจากหลีกหนีความอดอยากและสงครามจากบ้านเกิดของตนมายังแผ่นดินที่ดีกว่า ทว่า พวกเขาต้องมาจบชีวิตลงกลางทะเล

- ดังนั้น ขอพระเจ้าช่วยเราคริสตชนให้มีความกล้าที่จะปลดเปลื้องเราออกจากตัวเอง ปฏิเสธจิตวิญญาณฝ่ายโลก และให้เรากล้ารับใช้ผู้อื่นด้วยเถิด

3) พระสันตะปาปาถวายมิสซาระลึกถึง น.ฟรานซิส อัสซีซี

ก่อนจะถวายมิสซาวันระลึกถึงนักบุญฟรานซิส อัสซีซี พระสันตะปาปาได้เสด็จไปภาวนาหน้าหลุมศพของนักบุญฟรานซิส อัสซีซี ด้วย จากนั้น ได้ออกมาถวายมิสซา ณ ลานหน้ามหาวิหาร ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมพิธีอย่างคับคั่ง มิสซานี้ พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า:

- พวกเรารู้อยู่แล้วว่า ฟรานซิส เป็นบุตรของพ่อค้าร่ำรวยในเมืองอัสซีซี ท่านได้ประสบและสัมผัสกับพระเยซู ผู้ทรงนำท่านให้ปลดเปลื้องตัวเองจากการเป็นคนเก่า และสวมเสื้อตัวใหม่ซึ่งก็คือพระเยซูคริสต์ ผู้มั่งคั่งแต่ทรงรับสภาพผู้ยากไร้ เพื่อให้เราที่เป็นผู้ยากไร้ได้เป็นผู้มั่งคั่งในพระองค์เอง

- การเป็นประจักษ์พยานของนักบุญฟรานซิส สอนอะไรแก่เราบ้าง ... อันดับแรกและเป็นสิ่งสำคัญสุดก็คือ การเป็นประจักษ์พยานถึงพระเยซู การเป็นคริสตชนหมายถึงการมีความสัมพันธ์ที่มีชีวิตชีวากับพระเยซู พูดง่ายๆก็คือ การนำพระเยซูให้เปลี่ยนแปลงตัวเรา ดังที่พระเยซูทรงปรากฏให้นักบุญฟรานซิสเห็นในวัดนักบุญดาเมียโน่ พระเยซูทรงถูกตรึงกางเขนและปรากฏมาให้ฟรานซิสได้เห็น ไม้กางเขนนี้ไม่ได้พูดกับเราเกี่ยวกับความพ่ายแพ้และความล้มเหลว แต่ไม้กางเขนพูดกับเราถึงความตายซึ่งให้ชีวิตใหม่ ชีวิตที่เปี่ยมด้วยความรักของพระเจ้าผู้เสด็จลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ ความรักที่ไม่มีวันตาย แต่เอาชนะความตายและความชั่วร้ายทั้งปวง

- เรื่องที่สอง การเป็นประจักษ์พยานของนักบุญฟรานซิส สอนเราว่า "ใครที่ติดตามพระเยซูก็จะได้รับสันติสุขที่แท้จริง" ... นี่เป็นสันติของพระคริสตเจ้าซึ่งเกิดจากความรักแห่งไม้กางเขน นี่คือสันติที่พระคริสตเจ้าผู้ทรงกลับคืนชีพทรงมอบให้บรรดาสาวก ดังที่ตรัสว่า "สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่าน" เมื่อตรัสแล้ว พระเยซูทรงเผยแสดงบาดแผลของพระองค์ให้พวกเขาเห็นด้วย ... สันติสุขของนักบุญฟรานซิสคือสันติสุขของพระคริสตเจ้า เราพบสันตินี้ได้ด้วยการแบก "แอก" ซึ่งก็คือพระบัญญัติที่พระเยซูทรงสอนเรา นั่นคือ "จงรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง" แอกนี้ไม่สามารถแบกได้ด้วยความหยิ่งยโสและโอหัง แต่เราต้องแบกด้วยหัวใจที่สุภาพถ่อมตน

- เรื่องที่สาม การเป็นประจักษ์พยานของนักบุญฟรานซิส สอนเราว่า จงรักสิ่งสร้างของพระเจ้า นักบุญฟรานซิสเป็นประจักษ์พยานถึงเรื่องนี้ด้วยการเคารพต่อสิ่งสร้างทุกชนิดของพระเจ้า ดังนั้น ชายหญิงของพระเจ้าถูกเรียกมาเพื่อปกป้องและรักษาสิ่งสร้างของพระเจ้าด้วยเช่นกัน ฟรานซิสคือบุรุษแห่งสันติและความเป็นหนึ่งเดียวกัน 

- วันนี้ เราอยู่ที่เมืองแห่งสันติ พ่อจึงขอกล่าวย้ำถึงความเข้มแข็งและความอ่อนโยนของความรัก กล่าวคือ ขอให้เราเคารพสิ่งสร้างของพระเจ้า ขอให้เราอย่าตกเป็นเครื่องมือแห่งการทำลายล้าง ขอให้เราเคารพชีวิตมนุษย์ ขอให้ความขัดแย้งในการสู้รบนองเลือดไปทั่วโลกได้สิ้นสุดลง ขอให้ความขัดแย้งทางทหารยุติ ขอให้ทุกที่ที่เกลียดชังเปี่ยมด้วยความรัก ขอให้ที่ที่มีการบาดเจ็บล้มตายเปลี่ยนเป็นการให้อภัย ขอให้ที่ที่แตกแยกเปลี่ยนเป็นความเป็นหนึ่งเดียว ขอให้เราฟังเสียงร้องของผู้ที่กำลังร่ำไห้ ผู้ที่กำลังทนทุกข์ทรมาน ผู้ที่กำลังจะตายเพราะความรุนแรง การก่อการร้ายทั้งในซีเรียและตะวันออกกลาง ตลอดจนทุกแห่งทั่วโลก

- สุดท้ายนี้ พ่อไม่สามารถลืมได้เลยว่า วันนี้ ประเทศอิตาลีฉลองนักบุญฟรานซิส อัสซีซี ในฐานะองค์อุปถัมภ์ของประเทศ ประเพณีในวันนี้คือการเสกน้ำมันมะกอกเพื่อใช้จุดตะเกียงหน้าหลุมศพของนักบุญฟรานซิส ดังนั้น ขอให้เราภาวนาเพื่ออิตาลี เพื่อทุกคนจะได้แสวงหาแต่สิ่งดีงาม แสวงหาความสามัคคี มากกว่าความแตกแยก

หลังจากมิสซาจบลง พระสันตะปาปาจะเสวยอาหารเที่ยงกับผู้ยากไร้ที่ได้รับเชิญมาร่วมโต๊ะอาหารกับพระองค์

ประมวลภาพ: พระสันตะปาปาพบเด็กและผู้ป่วย

ประมวลภาพ: พระสันตะปาปาเสด็จไปภาวนาหน้าหลุมศพนักบุญฟรานซิส อัสซีซี

ประมวลภาพ: พระสันตะปาปาถวายมิสซาระลึกถึงนักบุญฟรานซิส อัสซีซี








Comments