โป๊ปฟรังซิส: "ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน" เป็นศัพท์สำคัญของชีวิตคริสตชน

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงชี้ คำว่า "เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน" เป็นศัพท์สำคัญของชีวิตคริสตชน เพราะเราต้องรู้จักรับใช้ผู้ยากไร้และผู้ตกทุกข์ได้ยากเหมือนที่พระเยซูสอน ทรงย้ำ บ้านเณรต้องอบรมหลักสูตรอภิบาลผู้ยากไร้ให้เข้มข้น เพื่อที่พระสงฆ์ในอนาคตจะมีประสิทธิภาพทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทรงแนะ ถ้าอารามกลายเป็นอารามร้าง จงเปิดให้ผู้ยากไร้และผู้ลี้ภัยเข้ามาพัก ตอนท้าย ทรงให้ข้อคิดพระสงฆ์และนักบวช "ช่วยคนยากไร้และผู้ตกทุกข์ได้ยาก ไม่ใช่เรื่องยาก แค่อย่ากลัวว่า เสื้อผ้าและมือจะเปรอะเปื้อนสิ่งสกปรกเวลาช่วยพวกเขา เท่านี้ ท่านก็ได้ช่วยเหลือพวกเขาแล้ว"


ช่วงเย็นวันอังคารที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ได้เสด็จไปเยี่ยมผู้ลี้ภัยที่ศูนย์อัสตัลลี่ ซึ่งอยู่ในความดูแลของคณะเยสุอิต โดยศูนย์แห่งนี้จะดูแลให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ลี้ภัยสงครามจากประเทศต่างๆ  ทั้งนี้ พระสันตะปาปาเสด็จมาศูนย์แห่งนี้ ด้วยรถยนต์คันโปรดและเร่ียบง่ายอย่าง "ฟอร์ด โฟกัส" รถเก่าตั้งแต่ปี 2008 โดยไม่มีรถนำขบวนและไม่มีเลขาฯนั่งติดตามมาด้วย ทันทีที่มาถึง พระสันตะปาปาได้เข้าไปในโรงอาหารของศูนย์แห่งนี้และเดินทักทายบรรดาผู้ลี้ภัยอย่างเป็นกันเอง พระองค์ยังได้ไปนั่งโต๊ะอาหารรวมกับพวกเขาและรับฟังปัญหาต่างๆ เฉพาะอย่างยิ่ง นั่งฟังบรรดาผู้ลี้ภัยชาวซีเรียเล่าถึงความยากลำบากที่ต้องประสบพบเจอ

สำหรับบทแบ่งปันที่พระสันตะปาปาตรัสกับทุกคน มีใจความว่า:

- พี่น้องที่รัก การรับใช้หมายถึงอะไรในสายตาของท่าน การรับใช้หมายถึงการยอมรับบุคคลที่มาหาเราด้วยความห่วงใย มันยังหมายถึงการยื่นมือออกไปช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดแม้แต่น้อย การรับใช้หมายถึงการช่วยเหลือคนอื่นแบบไม่ต้องกลัวว่าตนเองจะเป็นอะไร เราต้องทำด้วยความโอบอ้อมอารีและเข้าใจสถานการณ์ของพวกเขา เหมือนที่พระเยซูทรงน้อมตัวลงรับใช้และล้างเท้าของบรรดาอัครสาวก

- การรับใช้ยังหมายถึงการทำงานเคียงข้างคนที่ต้องการให้คนมาช่วยพวกเขาให้มากที่สุด เราทำได้ด้วยการเข้าไปสร้างมิตรภาพ ใกล้ชิด และมีสายใยแห่งความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับพวกเขา

- คำว่า "เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับพวกเขา หรือร่วมทุกข์ร่วมสุขไปกับพวกเขา" มีความหมายมากๆกับโลกใบนี้ มนุษย์พยายามกำจัดคำๆนี้ออกจากชีวิต เราพยายามไม่นำมันมาใส่ในชีวิตประจำวัน สำหรับบางคน มันร้ายแรงยิ่งกว่านั้น คำว่า "เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน" อาจเป็นคำพูดที่เลวร้ายสำหรับเขาเลยก็ว่าได้

- แต่สำหรับคริสตชน "การเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับพวกเขา หรือร่วมทุกข์ร่วมสุขไปกับพวกเขา" เป็นคำศัพท์สำคัญของคริสตชนทุกคน การรับใช้หมายถึงการตระหนักและยืนหยัดในความยุติธรรม, ความหวัง และมองไปบนหนทางนี้เพื่อช่วยคนที่ตกทุกข์ได้ยากทุกคน

- สำหรับพระศาสนจักรคาทอลิก มันเป็นเรื่องสำคัญมากที่เราต้องต้อนรับผู้ยากไร้และยังต้องทำงานส่งเสริมความยุติธรรม การส่งเสริมความยุติธรรมไม่ใช่แค่ปล่อยให้ "ผู้เชี่ยวชาญ" ทำงานเพียงลำพัง แต่เราต้องใส่ใจที่จะทำงานอภิบาลด้วย

- ดังนั้น บรรดาผู้เข้ารับการอบรมในสามเณราลัยที่กำลังจะเตรียมตัวเป็นพระสงฆ์ รวมถึงบรรดาผู้ที่กำลังจะรับศีลบวชเป็นนักบวช จะต้องได้รับการฝึกอบรมอย่างเข้มข้นในการทำงานอภิบาลเรื่องนี้ด้วย

- มาถึงตรงนี้ พ่ออยากกล่าวย้ำกับบรรดาพระสงฆ์และนักบวชอีกครั้งในประเด็นเกี่ยวกับอารามที่ว่างเปล่า อันเนื่องจากขาดกระแสเรียกของสมาชิก พ่ออยากเชิญชวนทุกคนตระหนักถึงความรับผิดชอบอย่างเคร่งครัดและไตร่ตรองเรื่องสัญญาณแห่งกาลเวลา พระเจ้าทรงเรียกเราให้ต้อนรับผู้ยากไร้และเปิดบ้านต้อนรับคนที่ตกทุกข์ได้ยาก

- พ่อจึงอยากพูดซ้ำอีกครั้งว่า โบสถ์และอารามที่ว่างเปล่า (เพราะไม่มีสมาชิกที่มีกระแสเรียกเข้ามาอยู่) ไม่ได้หมายความว่าสิ่งก่อสร้างเหล่านี้หมดความหมายต่อพระศาสนจักร ไม่ได้หมายความว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ช่วยเหลือพระศาสนจักรด้วยการเปลี่ยนตัวเองไปเป็นโรงแรมเพื่อให้คนมาพักและหาเงินมาเลี้ยงตัวเอง

- อารามที่ว่างเปล่านี้ก็ไม่ได้เป็นของเราคนใดคนหนึ่ง แต่นี่เป็น "เลือดเนื้อของพระคริสตเจ้า ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งก็เคยเป็นผู้ลี้ภัยด้วยเช่นกัน" ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา อารามแห่งนี้ได้ช่วยเหลือและเป็นที่พักพิงให้กับหลายคนที่ต้องละทิ้งบ้านเรือนเพราะภาวะสงคราม ความรุนแรง และถูกทรมานต่างๆนาๆ ที่นี่คือบ้านที่พระเจ้าทรงเปิดต้อนรับทุกคน

- พระเจ้าทรงเรียกให้เราเปิดบ้านนี้ให้กับผู้ตกทุกข์ได้ยาก นี่เป็นแนวทางปฏิบัติที่ควรทำ บางทีเราต้องทำมากกว่านี้ด้วยซ้ำ เราต้องต้อนรับพวกเขาและแบ่งปันสิ่งต่างๆ เราทำได้ด้วยการอาศัยพระญาณสอดส่องจากพระเจ้าที่จะช่วยเหลือเราในการรับใช้เพื่อนมนุษย์

- เราต้องเอาชนะการประจญล่อลวงฝ่ายโลก เราต้องใกล้ชิดกับบุคคลที่สังคมคิดถึงเป็นคนสุดท้าย ทุกวันนี้ มีเยาวชนมากมายเข้าแถวรอรับอาหาร ไม่เฉพาะที่ศูนย์นี้เท่านั้น แต่ยังอีกหลายแห่งทั่วโลก พวกเขาคือเครืื่องเตือนใจเราถึงความทุกข์ทรมานและโศกนาฏกรรมของมนุษยชาติ ในแถวที่พวกเขาเข้าคิวรออาหารนั้น ยังเตือนเราอีกเช่นกันว่า เราต้องลงมือทำงานให้หนักกว่านี้ ทำทุกสิ่งที่สามารถทำได้ เอาง่ายๆเลย แค่เดินไปเคาะประตู และถามพวกเขาว่า "เรามาอยู่ที่นี่แล้ว ไม่ทราบว่า เราจะช่วยอะไรท่านได้ไหม"

- พี่น้องพระสงฆ์และนักบวชที่รัก พ่อขอฝากทิ้งท้ายไว้ว่า "การช่วยเหลือคนไม่ใช่เรื่องยากเลย แค่อย่ากลัวว่า เสื้อผ้าและมือจะเปรอะเปื้อนสิ่งสกปรกเวลาช่วยพวกเขา เท่านี้ ท่านก็ได้ช่วยเหลือพวกเขาแล้ว"

ประมวลภาพ: พระสันตะปาปาเสด็จเยี่ยมผู้ลี้ภัยที่ศูนย์เยสุอิต


Comments