โป๊ปฟรังซิส: "พ่ออยากให้พระศาสนจักรบาดเจ็บมากกว่าเจ็บป่วย"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงแนะครูคำสอนปรับตัวสอนคำสอนให้เข้ากับบริบทโลกที่เปลี่ยนไป ทรงเปรียบ ถ้าเราไม่ปรับตัวไม่ก้าวออกจากตัวเอง เราก็เหมือนอยู่ในห้องปิดตาย และจะทำให้เราเจ็บป่วยได้ ดังนั้น พระศาสนจักรต้องก้าวออกไปพบผู้คนตามท้องถนน แม้ถนนจะมีอุบัติเหตุ แต่พระศาสนจักรก็บาดเจ็บเพราะมีชีวิตชีวา ดีกว่าเจ็บป่วยแบบซังกะตาย ทรงเตือนสติครูคำสอน "การเป็นครูคำสอนคือการเป็นด้วยชีวิต เพราะนี่การนำพระวาจาพระเยซูไปสอนผู้อื่น" อย่าคิดว่าตัวเอง "ทำงานครูคำสอน" เพราะถ้าคิดแบบนั้น เราจะไม่ทำด้วยชีิวิต แต่เราจะทำเพราะมันคืองานกับเงิน ทรงยืนยัน พระศาสนจักรคาทอลิกไม่ได้เติบโตด้วยการเชิญชวนคนอื่นเปลี่ยนศาสนา แต่เติบโตเพราะการเป็นประจักษ์พยานถึงความเชื่อ


ช่วงเย็นวันศุกร์ที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงออกมาต้อนรับและให้โอวาทบรรดาครูคำสอนจากทั่วโลกกว่า 1,600 คน ที่เดินทางมาเข้าเฝ้าในหอประชุมที่ 6 นครรัฐวาติกัน โอกาสร่วมประชุมครูคำสอนโลกภายใต้หัวข้อ "ครูคำสอน: ประจักษ์พยานแห่งความเชื่อ" โดยหนึ่งในนั้น มีพระสงฆ์คาทอลิกและครูคำสอนไทยร่วมเข้าเฝ้าด้วย ในส่วนของพระดำรัสตรัสสอน พระสันตะปาปาทรงกล่าวว่า:

- งานคำสอนคือเสาหลักสำหรับการอบรมสั่งสอนความเชื่อ และแน่นอน มันจำเป็นต้องมีครูคำสอนที่ดีเยี่ยม! การจะเป็นครูคำสอนที่ดีต้องเริ่มด้วยการสนิทกับพระคริสตเจ้า

- ก่อนอื่นเลย พ่อขอขอบคุณบรรดาครูคำสอนที่ช่วยเหลือพระศาสนจักร มันเป็นประสบการณ์ที่งดงามมากที่อบรมผู้อื่นให้เจริญเติบโตทางความเชื่อ แม้บางครั้ง มันจะเป็นงานที่หนักและยากลำบาก แต่การได้ช่วยเหลือเด็ก เยาวชน และผู้ใหญ่ได้รู้จักความรักของพระเจ้านั้น มันยิ่งใหญ่จริงๆ

- พ่อขอพูดถึงความสำคัญของ "การเป็นครูคำสอน" หน่อยนะ ... "พระศาสนจักรคาทอลิกไม่ได้เติบโตเพราะการชวนให้คนอื่นเปลี่ยนศาสนามาเป็นคาทอลิกนะ แต่พระศาสนจักรคาทอลิกเติบโตเพราะการเป็นประจักษ์พยานต่างหาก" เหมือนที่ สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 เคยตรัสไว้ว่า "การสอนคำสอนไม่ใช่งาน" ฟังดีๆนะ พ่อไม่ได้พูดนะว่า "ทำงานเป็นครูคำสอน" แต่พ่อพูดว่า "การเป็นครูคำสอน" มันต่างกันนะ เพราะการเป็นครูคำสอนคือ "การเป็นด้วยชีวิต" มันคือการนำทางผู้อื่นผ่านทางพระวาจาของพระเยซูและการเป็นประจักษ์พยานถึงพระองค์

- การเป็นครูคำสอนเรียกร้องความรัก เราต้องรักพระคริสตเจ้าให้มากๆ และความรักนี้แหละที่จะกลับไปยังช่วงต้นที่พ่อพูดว่า การจะเป็นครูคำสอนที่ดีต้องเริ่มด้วยการสนิทกับพระคริสตเจ้า

- พี่น้องที่รัก พ่อขอพูดถึงแนวคิดของการเริ่มต้นทุกสิ่งกับพระคริสตเจ้าว่า มันเกี่ยวข้องกับครูคำสอนอย่างไร มันเกี่ยวกับพวกท่านและเกี่ยวกับพ่ออย่างไร ดูนะ! พ่อก็เป็นครูคำสอนด้วยเช่นกัน การเริ่มต้นทุกสิ่งกับพระคริสตเจ้า มีความหมาย 3 ประการ ดังนี้

- หนึ่ง การเริ่มต้นทุกสิ่งกับพระคริสตเจ้าหมายถึง "ความสนิทคุ้นเคยกับพระคริสตเจ้า" ... สิ่งแรกที่บรรดาศิษย์ต้องทำคือ "อยู่กับอาจารย์ของตน ฟังและเรียนรู้จากอาจารย์" นี่คือการเดินทางของชีวิตที่ยาวไกล สำหรับพ่อเอง มันเป็นเรื่องสำคัญมากที่เวลายืนอยู่หน้าตู้ศีล เราจะรู้สึกและสัมผัสได้ถึงการประทับของพระเจ้า เราต้องฟังเสียงของพระองค์ที่ตรัสกับเราและเมื่อนั้น เราจะได้ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์

- สอง การเริ่มต้นทุกสิ่งกับพระคริสตเจ้าหมายถึง "การติดตามแบบอย่างของพระองค์ จงก้าวออกจากตัวเองและออกไปหาผู้อื่น" ... นี่คือประสบการณ์ที่งดงามจริงๆกับการได้ออกไปสัมผัสชีวิตคนอื่น ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ก็เพราะคนที่ให้พระคริสตเจ้าเป็นศูนย์กลางของชีวิต เขาจะไม่ยึดติดกับตัวเอง ยิ่งเราให้พระเยซูเป็นศูนย์กลางของชีวิตมากแค่ไหน เราก็จะไม่ยึดติดกับตัวเองมากเท่านั้น มันจะทำให้เราเปิดใจให้กับผู้อื่นมากยิ่งขึ้นด้วย ...​เมื่อพระคริสตเจ้าทรงประทับอยู่ในชีวิตคนๆหนึ่ง คนๆนั้นก็จะเปิดตัวเองรับใช้คนอื่น พวกเขาจะก้าวออกไปหาคนอื่นด้วยพระนามของพระคริสตเจ้า

- เรื่องสุดท้าย การเริ่มต้นทุกสิ่งกับพระคริสตเจ้าหมายถึง "การไม่กลัวที่จะก้าวออกไปพร้อมกับพระคริสตเจ้าเพื่อไปหาคนชายขอบ" บรรดาครูคำสอนที่รัก เคยอ่านเรื่องราวของ "โยนาห์" ใช่ไหม พ่อขอให้พวกท่านกลับไปอ่านเรื่องราวของโยนาห์อีกครั้งนะ เพราะนี่คืออุปมาสอนเปรียบเทียบระดับสูงเลยล่ะ เฉพาะอย่างยิ่งบรรดาคนงานของพระศาสนจักรทั้งหลาย เรื่องของโยนาห์สอนเราว่า อย่ากลัวที่จะติดตามพระเจ้า เพราะพระเจ้าทรงออกไปทุกที่ พระองค์ไม่กลัวที่จะไปสัมผัสคนชายขอบและคนบาป ถ้าเราจะอยู่กับพระเจ้า เราต้องกล้าออกไปหาคนอื่น อย่ากลัวที่จะออกไปหาทุกคน

- พี่น้องครูคำสอนที่รัก พ่อขอเตือนสติพวกท่านว่า "ถ้าครูคำสอนยอมให้ความกลัวเข้ามาครอบงำ พวกท่านจะกลายเป็นคนขี้ขลาดไปเลยนะ! นอกจากนี้ ถ้าครูคำสอนเป็นคนไม่จริงจัง พวกท่านก็จะเป็นเหมือนพวกรูปปั้นในพิพิธภัณฑ์ (ขู่ได้ แต่ทำอะไรไม่ได้) และถ้าครูคำสอนเข้มงวดเกินไป พวกท่านก็จะเป็นเหมือนใบไม้ที่แห้งเฉาและจะไม่เขียวขจีสดใส"

- ดังนั้น มันเป็นเรื่องสำคัญมากที่ต้องเปลี่ยนและปรับตัวให้เข้ากับบริบทที่หลากหลายซึ่งเราต่างถูกเรียกมาให้ประกาศพระวาจาของพระเจ้า บางครั้ง การอยู่ในสังคมพระศาสนจักรสังคมวัด มันเหมือนกับเราอยู่ในห้องที่ปิดตาย ไม่ช้าก็เร็วเราจะป่วยได้ จริงอยู่ เมื่อเราออกไปท้องถนน เราอาจประสบอุบัติเหตุ แต่พ่ออยากบอกว่า พ่ออยากให้พระศาสนจักรบาดเจ็บมากกว่าเจ็บป่วยนะ"

-  พี่น้องที่รัก พระเยซูไม่เคยตรัสว่า "จงไป จงไปสร้างผลงานของท่าน" แต่พระองค์ตรัสว่า "จงไป เราจะอยู่กับเจ้าเสมอ!" นี่คือความสวยงามมากๆ ถ้าเราก้าวออกไป ถ้าเราก้าวไปและนำพระวรสารประกาศด้วยความรักด้วยจิตวิญญาณของศิษย์แท้จริงของพระเยซู ประกาศด้วยความกล้าหาญตรงไปตรงมา พระเยซูก็จะก้าวเดินไปกับเรา พระองค์จะเดินนำหน้าเราด้วยซ้ำไป"

ประมวลภาพ: พระสันตะปาปาทรงพบครูคำสอนทั่วโลก

Read More: Vatican Insider

Comments