โป๊ปฟรังซิส: "อย่าทำตัวเป็นคริสตชนพาร์ทไทม์ เพราะมันไม่เวิร์ค!!"
สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงเตือนสติ อย่าทำตัวเป็น "คริสตชนพาร์ทไทม์" เพราะของแบบนี้มันไม่เวิร์ค ทรงย้ำ การเป็นคริสตชนไม่ใช่แค่การไปร่วมมิสซาเท่านั้น แต่ต้องให้พระจิตฟื้นฟูเราให้เป็นคนใหม่ ทั้งนี้ นี่เป็นมิสซาเช้ารอบสุดท้ายที่พระสันตะปาปาจะถวายก่อนจะหยุดพักผ่อนประจำปีตั้งแต่วันอังคารหน้าเป็นต้นไป

ช่วงเช้าที่ผ่านมา (เสาร์ที่ 6 ก.ค.) สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา มิสซานี้ เป็นมิสซาเช้ารอบสุดท้ายที่พระสันตะปาปาจะถวายก่อนจะหยุดพักผ่อนประจำปี ส่วนผู้ได้รับเชิญมาร่วมมิสซานี้ได้แก่บรรดาทหารสวิส สำหรับบเทศน์ พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนว่า:
- พระวรสารวันนี้ พระเยซูตรัสว่า "ไม่มีใครนำเหล้าองุ่นใหม่ใส่ในถุงหนังเก่า" หมายความว่าอย่างไร มันหมายความว่า อาศัยธรรมบัญญัติอันเดิม แต่พระเยซูทรงทำให้ธรรมบัญญัตินั้นมีความก้าวหน้าอย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น
- พระเยซูทรงมอบบัญญัติใหม่ให้กับเรา บัญญัติที่ว่าคือ "จงรักศัตรู" พระเยซูทรงสอนเราให้สวดภาวนาให้ศัตรู นี่เป็นบัญญัติใหม่และเป็นพระอาณาจักรของพระเจ้าที่พระเยซูทรงเทศน์สอน
- บางคนอาจคิดว่า "เราเป็นคริสตชนที่ดี เราไปวัดร่วมมิสซาทุกวันอาทิตย์ เราไปตั้งแต่ 11 โมงถึงเที่ยง เราทำโน่น เราทำนี่แบบคริสตชนควรทำ ถ้าเราทำแบบนี้ มันเหมือนเราทำเพื่อสะสมรางวัลอะไรหรือเปล่า"
- กระนั้น ชีวิตคริสตชนไม่ใช่การนำสิ่งนั้นสิ่งนี้มาปะติดปะต่อกันนะ!! ชีวิตคริสตชนคือทุกสิ่งที่ทำต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน พระเยซูทรงฟื้นฟูจิตใจและชีวิตของเรา พระองค์ทำให้เราดำเนินชีวิตเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
- เราไม่สามารถเป็น "คริสตชนพาร์ทไทม์" (A part time Christian) การเป็นคริสตชนพาร์ทไทม์มันไม่เวิร์คเลยนะ!! (Christian doesn’t work!) เราต้องเป็นคริสตชนแบบฟูลไทม์ (เต็มเวลา)
- การเป็นคริสตชนไม่ใช่แค่การทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ (ไม่ใช่แค่การไปร่วมมิสซา) แต่มันหมายถึงการยอมให้ตนเองได้รับการฟื้นฟูโดยพระจิตเจ้า หรืออาจจะยืมคำพูดของพระเยซูมาใช้ นั่นคือ "เราต้องเป็นเหล้าองุ่นใหม่"
- ในชีวิตคริสตชน หรือแม้แต่ในชีวิตพระศาสนจักร มันมีระบบโบราณๆเยอะมาก บางระบบก็เป็นระบบที่ใกล้ตายเต็มทน มันจึงจำเป็นมากที่ต้องฟื้นฟูระบบเหล่านี้ใหม่ และพระศาสนจักรก็ให้ความสนใจในการฟื้นฟูนี้เสมอ เราทำผ่านทางการเสวนากันด้วยวัฒนธรรม
- เราจำเรื่องราวในพระวรสารได้ไหม มันมีการสู้กัน(ด้วยความคิด)ว่า จำเป็นไหมที่คริสตชนต้องปฏิบัติศาสนกิจแบบชาวยิวทุกอย่าง ไม่เลย! มันไม่ใช่แบบนั้น
- การเป็นคริสตชน การเป็นผู้ชอบธรรม และการได้เข้าสู่พระศาสนจักรหมายถึงการรับศีลล้างบาป นี่คือการฟื้นฟูอันดับแรก และจากนั้น พระศาสนจักรจะก้าวเดินต่อไปเรื่อยๆ และมอบพื้นที่ให้กับพระจิตในการฟื้นฟูโครงสร้างนี้
- ดังนั้น จงอย่ากลัวสิ่งใหม่ๆจากพระวรสาร จงอย่ากลัวสิ่งใหม่ๆที่พระจิตทำงานในตัวเรา
Read More: Vatican Radio

ช่วงเช้าที่ผ่านมา (เสาร์ที่ 6 ก.ค.) สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงถวายมิสซาเช้าในวัดน้อยประจำหอพักซางตา มาร์ธา มิสซานี้ เป็นมิสซาเช้ารอบสุดท้ายที่พระสันตะปาปาจะถวายก่อนจะหยุดพักผ่อนประจำปี ส่วนผู้ได้รับเชิญมาร่วมมิสซานี้ได้แก่บรรดาทหารสวิส สำหรับบเทศน์ พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนว่า:
- พระวรสารวันนี้ พระเยซูตรัสว่า "ไม่มีใครนำเหล้าองุ่นใหม่ใส่ในถุงหนังเก่า" หมายความว่าอย่างไร มันหมายความว่า อาศัยธรรมบัญญัติอันเดิม แต่พระเยซูทรงทำให้ธรรมบัญญัตินั้นมีความก้าวหน้าอย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น
- พระเยซูทรงมอบบัญญัติใหม่ให้กับเรา บัญญัติที่ว่าคือ "จงรักศัตรู" พระเยซูทรงสอนเราให้สวดภาวนาให้ศัตรู นี่เป็นบัญญัติใหม่และเป็นพระอาณาจักรของพระเจ้าที่พระเยซูทรงเทศน์สอน
- บางคนอาจคิดว่า "เราเป็นคริสตชนที่ดี เราไปวัดร่วมมิสซาทุกวันอาทิตย์ เราไปตั้งแต่ 11 โมงถึงเที่ยง เราทำโน่น เราทำนี่แบบคริสตชนควรทำ ถ้าเราทำแบบนี้ มันเหมือนเราทำเพื่อสะสมรางวัลอะไรหรือเปล่า"
- กระนั้น ชีวิตคริสตชนไม่ใช่การนำสิ่งนั้นสิ่งนี้มาปะติดปะต่อกันนะ!! ชีวิตคริสตชนคือทุกสิ่งที่ทำต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน พระเยซูทรงฟื้นฟูจิตใจและชีวิตของเรา พระองค์ทำให้เราดำเนินชีวิตเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
- เราไม่สามารถเป็น "คริสตชนพาร์ทไทม์" (A part time Christian) การเป็นคริสตชนพาร์ทไทม์มันไม่เวิร์คเลยนะ!! (Christian doesn’t work!) เราต้องเป็นคริสตชนแบบฟูลไทม์ (เต็มเวลา)
- การเป็นคริสตชนไม่ใช่แค่การทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ (ไม่ใช่แค่การไปร่วมมิสซา) แต่มันหมายถึงการยอมให้ตนเองได้รับการฟื้นฟูโดยพระจิตเจ้า หรืออาจจะยืมคำพูดของพระเยซูมาใช้ นั่นคือ "เราต้องเป็นเหล้าองุ่นใหม่"
- ในชีวิตคริสตชน หรือแม้แต่ในชีวิตพระศาสนจักร มันมีระบบโบราณๆเยอะมาก บางระบบก็เป็นระบบที่ใกล้ตายเต็มทน มันจึงจำเป็นมากที่ต้องฟื้นฟูระบบเหล่านี้ใหม่ และพระศาสนจักรก็ให้ความสนใจในการฟื้นฟูนี้เสมอ เราทำผ่านทางการเสวนากันด้วยวัฒนธรรม
- เราจำเรื่องราวในพระวรสารได้ไหม มันมีการสู้กัน(ด้วยความคิด)ว่า จำเป็นไหมที่คริสตชนต้องปฏิบัติศาสนกิจแบบชาวยิวทุกอย่าง ไม่เลย! มันไม่ใช่แบบนั้น
- การเป็นคริสตชน การเป็นผู้ชอบธรรม และการได้เข้าสู่พระศาสนจักรหมายถึงการรับศีลล้างบาป นี่คือการฟื้นฟูอันดับแรก และจากนั้น พระศาสนจักรจะก้าวเดินต่อไปเรื่อยๆ และมอบพื้นที่ให้กับพระจิตในการฟื้นฟูโครงสร้างนี้
- ดังนั้น จงอย่ากลัวสิ่งใหม่ๆจากพระวรสาร จงอย่ากลัวสิ่งใหม่ๆที่พระจิตทำงานในตัวเรา
Read More: Vatican Radio
Comments
Post a Comment