โป๊ปฟรังซิส: "พระศาสนจักรต้องเลิกใช้ภาษายากๆในการสื่อสารกับสัตบุรุษ"

สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงชี้ หนึ่งในเหตุผลที่คาทอลิกทิ้งพระศาสนจักรไปเพราะเราสื่อสารกับเขาไม่รู้เรื่อง เราใช้ภาษาที่ยากเกินที่คนธรรมดาจะเข้าใจ ทรงกระตุ้น พระศาสนจักรห้ามเฉื่อยชาและอย่าทำตัวออกห่างจากสัตบุรุษ เพราะถ้าเป็นแบบนั้น คนจะมองพระศาสนจักรเป็นวัตถุโบราณล้าสมัย ทรงเตือน พระสังฆราชต้องเลิกขี้บ่น เลิกทำท่าทีเหมือนฟังสัตบุรุษ แต่จงลงมือทำงานให้บังเกิดผลจะดีกว่า ตอนท้าย ทรงขอร้องพระสังฆราช อย่าจำกัดบทบาทสตรีในพระศาสนจักร เพราะถ้าขาดพวกสตรีในพระศาสนจักร งานต่างๆจะไม่บังเกิดผล

ช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ 28 กรกฏาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส เสด็จไปเสวยอาหารเที่ยงร่วมกับบรรดาพระสังฆราชชาวบราซิลทั่วประเทศกว่า 300 องค์ ภายในหอประชุมจอห์น ปอล ที่ 2 อาสนวิหารนักบุญเซบาสเตียน นครริโอ เดอ จาเนโร ทั้งนี้ก่อนอาหาร พระสันตะปาปาทรงกล่าวให้โอวาทบรรดาพระสังฆราชและอธิบายถึงพันธกิจที่พระองค์จะเน้นย้ำตลอดสมณสมัยการปกครอง ซึ่งถือได้ว่า เป็นการเทศน์สอนที่ "ยาว" ที่สุดในสมณสมัยของพระองค์ก็ว่าได้

พระดำรัสสอนดังกล่าว มีใจความว่า:

- บรรดาพี่น้องพระสังฆราชชาวบราซิลที่รัก เอกสารการอภิบาลที่อปาเรชิด้า ก็สอนพวกเราว่า "ผลของการทำงานอภิบาลไม่ได้ขึ้นกับความมั่งคั่งจากทรัพยากร แต่มันขึ้นกับความสร้างสรรค์ของความรัก เพื่อให้สิ่งนี้เป็นจริง เราต้องใส่ความพยายาม, การทำงานหนัก, การวางแผนลงไป แต่เหนือสิ่งอื่นใดและยังเป็นสิ่งสำคัญสุด เราต้องตระหนักว่า พลังอำนาจต่างๆไม่ได้มาจากตัวของพระศาสนจักร แต่มาจากท่อธารน้ำของพระเจ้า"

- อีกหนึ่งบทเรียนที่พระศาสนจักรต้องไม่ลืมเป็นอันขาดก็คือ "มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะละทิ้งความเรียบง่ายไว้เป็นอดีต เพราะไม่งั้น พระศาสนจักรจะลืมวิธีการสื่อสารภาษาของธรรมล้ำลึกทันที"

- ปัจจุบัน เราสูญเสียสัตบุรุษไปเพราะพวกเขาไม่เข้าใจว่า เรากำลังพูดอะไร เพราะพวกเราลืมวิธีการสื่อสารที่เรียบง่ายกับพวกเขา ถ้าปราศจากหลักไวยกรณ์ของความเรียบง่าย พระศาสนจักรจะสูญเสียสถานะต่างๆที่จะทำให้เราสามารถ "จับปลา" เพื่อพระเจ้าในทะเลแห่งธรรมล้ำลึกของพระองค์

- จำเรื่องราวที่หมู่บ้านเอ็มมาอุสได้ไหมที่ศิษย์ 2 คน เดินกลับมาจากกรุงเยรูซาเล็มด้วยความผิดหวังและหมดหวังในตัวพระเมสซิยาห์ ตอนนี้ เราก็กำลังเผชิญกับความยากลำบากเกี่ยวกับคนจำนวนมากที่ทิ้งพระศาสนจักร พวกเขาจึงออกจากเราไปและเดินเดียวดายบนถนนด้วยความผิดหวัง

- บางทีสิ่งที่เกิดขึ้น อาจเป็นเพราะพระศาสนจักรมีท่าทีที่อ่อนแอเกินไป บางครั้งเราปลีกตัวออกห่างจากความต้องการของสัตบุุรุษ บางครั้งเราทำตัวแย่เกินไปที่จะตอบสนองความกังวลของพวกเขา บางครั้ง พวกเราเฉื่อยชาเกินไป การที่เราทำอย่างนั้น โลกจะมองพระศาสนจักรว่าเป็นพวกวัตถุโบราณ ดังนั้น พระศาสนจักรจะต้องเรียนรู้ถึงความสุภาพเรียบง่ายอีกครั้ง เรียนรู้ถึงหัวใจอันอบอุ่นของผู้คน

- เอาล่ะ แล้วเราจะเดินไปทางไหนกันดี? เราต้องการพระศาสนจักรที่ไม่หวาดกลัวที่จะเดินไปข้างหน้าในเวลากลางคืนอันมืดมิด เราต้องการพระศาสนจักรที่มีความสามารถพอที่จะออกไปพบผู้คนในทุกทางที่เขาไป เราต้องการพระศาสนจักรที่มีความสามารถพอที่จะเข้าไปพูดคุยกับทุกคน

- การบ่นไม่ใช่ทัศนคติที่ถูกต้องในทุกๆสถานการณ์ การบ่นเป็นเหมือนบูมเมอแรงที่พร้อมจะเขวี้ยงกลับมายังตัวเราและจบลงด้วยการทำให้ตัวเราไม่มีความสุขยิ่งขึ้นไปอีก ทุกวันนี้ เราต้องการพระศาสนจักรที่ไม่ขี้บ่น แต่เราต้องการพระศาสนจักรที่มีความสามารถพอที่จะเดินไปกับสัตบุรุษ เราต้องการพระศาสนจักรที่ "ลงมือทำ" มากกว่าจะ "มีท่าทีรับฟังสัตบุรุษ" พระศาสนจักรต้องเดินไปกับสัตบุรุษตลอดถนนสายนี้

- พี่น้องพระสังฆราชที่รัก ตอนนี้ พวกเรายังคงเป็นพระศาสนจักรที่มีหัวใจอันอบอุ่นหรือเปล่า ผู้คนทุกวันนี้ต่างรู้สึกต้องการความรวดเร็วและในเวลาเดียวกัน แต่พ่ออยากบอกว่า พ่ออยากได้พระศาสนจักรที่พร้อมจะเดินไปช้าและพูดคุยรับฟังเสียงสัตบุรุษ พ่อต้องการพระศาสนจักรที่มีความอดทนต่อการแก้ไขและปรับปรุงตัวเอง พ่อต้องการพระศาสนจักรที่พร้อมจะรื้อฟื้นความเป็นประชากรของพระเจ้ากับลูกๆของพระองค์อีกครั้ง

- บรรดาพระสังฆราชจะต้องสร้างเครือข่ายแห่งการเป็นประจักษ์พยานถึงพระเยซูทั่วภูมิภาค การเป็นประจักษ์พยานนี้จะพูดภาษาเดียวกันด้วยความจริงที่เป็นหนึ่งเดียวและเปี่ยมด้วยความมั่งคั่งในความหลากหลาย

- สุดท้าย พ่ออยากเน้นย้ำถึงความสำคัญของครอบครัว ซึ่งมีส่วนสำคัญยิ่งในการสร้างสังคมและพระศาสนจักร ความสำคัญของเยาวชนที่เป็นใบหน้าอนาคตของพระศาสนจักร บรรดาสตรีที่มีบทบาทสำคัญในการถ่ายทอดความเชื่้อ ขอให้เราอย่าไปจำกัดการมีส่วนร่วมของบรรดาสตรีในพระศาสนจักร แต่ต้องส่งเสริมพวกเธอให้มีบทบาทสำคัญในงานพระศาสนจักร เพราะถ้าปราศจากสตรี พระศาสนจักรมีความเสี่ยงที่จะไม่มีลูกหลานสืบต่อไปแน่

Read More: Vatican Radio