ฟาติมาสาร - อีกหนึ่งความวางใจที่ยกให้ “เยสุอิต” (26 พ.ค. 2013)

สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมไม่ได้ตามข่าวพระศาสนจักรคาทอลิกเลยแม้แต่ข่าวเดียว แม้แต่เฟซบุ๊คก็ไม่ได้เข้าไปเช็คข่าวสารความเคลื่อนไหว เพราะเหตุใด หลายท่านน่าจะทราบกันดี พอจะเริ่มลงมือเขียนบทความ ผมจึงต้องอ่านข่าวในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายข่าวมีความน่าสนใจใกล้เคียงกัน แต่ข่าวที่เด่นสุด ผมขอยกให้เรื่องที่จะเสนอในวันนี้ เพราะมันทำให้เราเห็นแนวทางที่พระศาสนจักรกำลังจะก้าวไปแบบชัดขึ้นเรื่อยๆ


ข่าวที่ว่าก็คือ “คุณพ่ออดอลโฟ่ นิโกลาส อธิการเจ้าคณะเยสุอิต ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานสหพันธ์อธิการเจ้าคณะนักบวชชาย โดยสหพันธ์นี้ มีสมาชิกคณะนักบวชคาทอลิกชายกว่า 200 คณะทั่วโลกที่ต้องดูแลประสานงาน”

การได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว หมายความว่า ตอนนี้ คณะเยสุอิตกลับมามีบทบาทในการฟื้นฟูพระศาสนจักรคาทอลิกอีกครั้ง ทั้งพระสันตะปาปาที่มาจากเยสุอิต ขณะที่ประธานสหพันธ์อธิการเจ้าคณะนักบวชชายก็ยังมาจากเยสุอิตเช่นกัน เรียกได้ว่า ช่วงเวลาวิกฤติ พระเจ้าจะส่งผู้รับใช้จากเยสุอิตเข้ามาฟื้นฟูจริงๆ ตัวอย่างชัดเจนสุดในประวัติศาสตร์คือช่วงที่ “มาร์ติน ลูเธอร์” ประกาศแยกตัวออกจากคาทอลิก ตอนนั้น พระศาสนจักรก็ได้ นักบุญอิ๊กญาซีโอแห่งโลโยลา ผู้ก่อตั้งคณะเยสุอิตและผองเพื่อนนี่แหละที่เป็น “แนวรบทหารราบ” คอยต่อสู้กับหลักความเชื่อที่ขัดแย้งมากมาย และช่วยพระศาสนจักรให้กลับสู่ความสงบอีกครั้ง

ยุคนี้ก็เช่นกัน หลังจากกระแส “โลกียนิยม” (SECULARISM – การตัดพระเจ้าออกจากชีวิต เหมือนพระเจ้าเป็นเรื่องไร้สาระ และมุ่งแต่ความสุขฝ่ายโลกอย่างเดียว) แผ่อิทธิพลเข้ามาล้างสมองและเปลี่ยนแนวทางการดำเนินชีวิตของผู้คนนับล้าน ดูเหมือนว่า พระเจ้าจะส่งสมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส สมาชิกเยสุอิตคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาให้เข้ามาปฏิรูปแนวทางการดำเนินชีวิตของพระศาสนจักร

ผมยังจำวันแรกๆของพระสันตะปาปาฟรังซิสได้ดี พระองค์ประกาศชัดเจน “พระศาสนจักรต้องเป็นพระศาสนจักรที่ยึดความยากจนและใส่ใจผู้ยากไร้” พระสันตะปาปาองค์นี้ทำให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นด้วยการเลือกห้องนอนเล็กๆในหอพักแทนที่จะเป็นวังพระสันตะปาปา การออกไปเยี่ยมผู้ป่วยและผู้ยากไร้ในกรุงโรม รวมทั้งวิธีการอีกหลายอย่างในสมณสมัยของพระองค์ที่เน้นมากๆว่า สิ่งใดที่หรูหราและสุขสบายเกินไป พระสันตะปาปาไม่ต้องการ พระองค์ต้องการพลีกรรมและร่วมทุกข์ไปกับคนยากจน

หลังจากพระสันตะปาปามาจากเยสุอิตแล้ว คิดว่า น่าจะเป็นแผนของพระเจ้าเช่นกันที่มอบหมายให้คนจากเยสุอิตขึ้นมาดูแลสหพันธ์อธิการเจ้าคณะนักบวชชายด้วยเช่นกัน

หลายท่านคงยังไม่ทราบ “บารมี” ของผู้ที่เป็นอธิการเจ้าคณะเยสุอิต นั่นคือ สื่อมวลชนเรียกอธิการเจ้าคณะเยสุอิตว่า “BLACK POPE” หรือ “พระสันตะปาปาชุดดำ” ... พระสันตะปาปาจะสวมชุดขาว ขณะที่สงฆ์ในยุโรปจะสวมชุดดำ (เมืองไทยเมืองร้อน จึงอนุโลมให้ชุดขาว) คนที่เป็นอธิการเจ้าคณะเยสุอิตจะมีบทบาทสูงมากในพระศาสนจักร เพราะเยสุอิตคือคณะนักบวชชายที่ใหญ่ที่สุดในโลก (สมาชิกมากสุดในโลก ประมาณ 19,200 คน) สมาชิกเกือบทั้งหมดเป็นระดับ “มันสมอง” ของพระศาสนจักร บทบาทในการแพร่ธรรมหรือวางแนวทางต่างๆจากการบริหารพระศาสนจักรที่ศูนย์กลางอย่างวาติกัน จะต้องมีคนจากเยสุอิตเข้าไปเป็นที่ปรึกษาเสมอ

สำคัญสุด คนที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งอธิการเจ้าคณะเยสุอิต จะต่างกับอธิการเจ้าคณะนักบวชทั่วไป เพราะอธิการเจ้าคณะเยสุอิตจะต้อง “เป็นตลอดชีวิต” นั่นหมายความว่า การปฏิบัติหน้าที่ตลอดชีวิต จะเหมือนพระสันตะปาปาที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ไปตลอดชีวิตเช่นกัน (ยกเว้นกรณีของพระสันตะปาปากิตติคุณ เบเนดิกต์ ที่ 16) เมื่อรวมคุณสมบัติทั้งหมดที่กล่าวมา จึงมีการเรียกขานอธิการเจ้าคณะเยสุอิตว่า “พระสันตะปาปาชุดดำ” เพราะมีบทบาทสูงมากในพระศาสนจักร ทุกคนจะเคารพและยำเกรงเสียงของอธิการเจ้าคณะเยสุอิตมากๆ

หลังจาก คุณพ่ออดอลโฟ่ นิโกลาส อธิการเจ้าคณะเยสุอิตคนปัจจุบันได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานสหพันธ์อธิการเจ้าคณะนักบวชชาย ท่านก็ประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนว่า “พ่อมุ่งมั่นที่จะประสานงานให้คณะนักบวชชายเกิดความเป็นหนึ่งเดียวกัน ทั้งพันธกิจและการดำเนินชีวิตตามคำปฏิญาณของนักบวช เพื่อรับใช้พระศาสนจักรและร่วมกันประกาศพระวรสาร”

การประกาศออกมาชัดเจนแบบนี้ น่าไตร่ตรองมากๆว่า แผนงานของพระเจ้าน่าจะกำลังติดเครื่องอยู่แน่ การได้คนจากเยสุอิตมาเป็นกัปตันทีมทั้งด้านการนำสัตบุรุษ (พระสันตะปาปา) และนำบรรดาคณะนักบวชชาย (พ่อนิโกลาส) คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่ต้องเป็นแผนการของพระในการฟื้นฟูความเชื่อ ความศรัทธาอย่างเคร่งครัดในยุคที่พระเจ้ากำลังถูกลดความสำคัญลงอย่างต่อเนื่อง

งานนี้น่าสนใจและขอให้กำลังใจบุคลากรของ “เยสุอิต” เพราะจากประวัติศาสตร์พระศาสนจักรคาทอลิก หลายครั้งที่เรากำลังสู้กับกระแสต่อต้านทั้งจากความเชื่อหรือจะเป็นแนวคิดฝ่ายโลก เยสุอิตจะมีหน้าที่เป็นทหารแถวหน้ากอบกู้ความเชื่อความศรัทธาให้กลับมาอยู่เสมอ



AVE   MARIA


Comments