My Share: ต่อยอดบทเทศน์ "รักและให้อภัย" มันทำยากจริงๆ
วันนี้ (เสาร์ที่ 27 เมษายน 2013) ผมไปทำธุระแถวสาทร เลยมีโอกาสได้ไปร่วมมิสซาวันเสาร์เย็นที่วัดเซนต์หลุยส์ สาทร (ปกติ ผมจะมีวัดที่ไปร่วมมิสซาประจำ และไปอยู่วัดเดียวเกือบตลอดชีวิต) ที่เขียนเรื่องนี้นำเพราะผมค่อนข้างประทับใจการเทศน์ให้ข้อคิดของ "สังฆานุกร" ที่เทศน์ในมิสซานี้
พระวรสารประจำวันอาทิตย์นี้ พระเยซูทรงสอนอัครสาวกเกี่ยวกับบัญญัติแห่งความรัก "เรารักท่านอย่างไร ท่านก็จงรักกันแบบนั้น"
ในท่อนหนึ่งของเนื้อหาการเทศน์ สังฆานุกรท่านนี้ (ขออภัยที่ผมไม่รู้จักชื่อของท่าน) กล่าวประมาณว่า "พระเยซูอยู่กับบรรดาสาวก สั่งสอนพวกเขา รวมทั้งร่วมกิน ร่วมใช้ชีวิต ผ่านทุกข์ยากมาด้วยกัน 3 ปี แต่เมื่อถึงวันที่พระเยซูถูกจับตัดสินประหารชีวิต พวกสาวกที่บอกว่ารักพระเยซู หายหน้าไปกันหมด ไม่มีใครอยู่ร่วมทุกข์กับพระองค์เลยแม้แต่คนเดียว" ...
ผมจำไม่ได้ว่า ประโยคถัดจากนี้ สังฆานุกรท่านนี้เทศน์อะไรต่อ เพราะช่วงเวลาดังกล่าว สมองผมจินตนาการเนื้อเรื่องที่สังฆานุกรท่านนี้เล่าไว้แล้ว ผมคิดในตอนนั้นว่า "ผมคงไม่สามารถทำแบบพระเยซูได้แน่ๆ ถ้าอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา 3 ปี แต่พอจังหวะชี้เป็นชี้ตายที่พระเยซูถูกจับตัดสินประหารชีวิต คนที่คิดว่าเป็นมิตรแท้ หายหน้าหนีไปกันหมด ปล่อยให้เราเผชิญความทุกข์ระดับอภิมหาทุกข์อยู่คนเดียว และเราก็ถูกฆ่าตาย"
"แต่พอเสด็จกลับคืนชีพ พระเยซูก็ยังรักและมาหาบรรดาสาวก พระองค์ไม่แค้นเคืองพวกเขาที่หาย(หัว)ไปตอนที่พระองค์ถูกจับและนำไปตรึงกางเขน พระองค์ให้อภัย ผมลองคิดเล่นๆว่า ถ้าเป็นพวกเรา คงทำไม่ได้แน่ ตอนจะตายไม่มีใครมาช่วยปกป้องเลย และถ้าตายไปแล้ว เราคงฝังใจกับการกระทำของคนที่คิดว่าเป็น "มิตรแท้" ... และสมมติว่า ถ้าเรากลับคืนชีพจากความตายได้ เมื่อเราต้องเจอคนเหล่านี้ เราคง "เลิกคบ" พวกเขา เพราะมันหนีเอาตัวรอด ปล่อยให้เราตาย เราคงไม่รักและให้อภัยแบบที่พระเยซูทรงสอนแน่ๆ"
... ทั้งหมดก็เป็นสิ่งที่ผมต่อยอดมาจากบทเทศน์ของสังฆานุกรท่านนี้ ว่าแล้ว ก็ขอขอบคุณที่จุดประกายความคิดให้ผมได้ไตร่ตรองพระวรสารนะครับ
หมายเหตุ - พูดถึงเหตุการณ์ลักษณะที่กล่าวไป ตั้งแต่ทำ Pope Report มา ผมมี "มิตรแท้ 4 คน" ที่ช่วยปกป้องและร่วมหัวจมท้ายกับเรื่องร้ายๆมาหลายเหตุการณ์ ในเวลาที่ Pope Report เจอมรสุมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาจะออกมาเคียงข้างตลอด ว่าแล้ว ก็ขอขอบคุณทั้ง 4 ท่านเสมอมา แม้มีหลายเหตุการณ์ที่ผมเกือบพาพวกท่าน "ลงนรก" ไปด้วยก็ตาม (แต่พวกท่าน ก็พร้อม "ลงนรก" ไปกับผมด้วย 555)
พระวรสารประจำวันอาทิตย์นี้ พระเยซูทรงสอนอัครสาวกเกี่ยวกับบัญญัติแห่งความรัก "เรารักท่านอย่างไร ท่านก็จงรักกันแบบนั้น"
ในท่อนหนึ่งของเนื้อหาการเทศน์ สังฆานุกรท่านนี้ (ขออภัยที่ผมไม่รู้จักชื่อของท่าน) กล่าวประมาณว่า "พระเยซูอยู่กับบรรดาสาวก สั่งสอนพวกเขา รวมทั้งร่วมกิน ร่วมใช้ชีวิต ผ่านทุกข์ยากมาด้วยกัน 3 ปี แต่เมื่อถึงวันที่พระเยซูถูกจับตัดสินประหารชีวิต พวกสาวกที่บอกว่ารักพระเยซู หายหน้าไปกันหมด ไม่มีใครอยู่ร่วมทุกข์กับพระองค์เลยแม้แต่คนเดียว" ...
ผมจำไม่ได้ว่า ประโยคถัดจากนี้ สังฆานุกรท่านนี้เทศน์อะไรต่อ เพราะช่วงเวลาดังกล่าว สมองผมจินตนาการเนื้อเรื่องที่สังฆานุกรท่านนี้เล่าไว้แล้ว ผมคิดในตอนนั้นว่า "ผมคงไม่สามารถทำแบบพระเยซูได้แน่ๆ ถ้าอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา 3 ปี แต่พอจังหวะชี้เป็นชี้ตายที่พระเยซูถูกจับตัดสินประหารชีวิต คนที่คิดว่าเป็นมิตรแท้ หายหน้าหนีไปกันหมด ปล่อยให้เราเผชิญความทุกข์ระดับอภิมหาทุกข์อยู่คนเดียว และเราก็ถูกฆ่าตาย"
"แต่พอเสด็จกลับคืนชีพ พระเยซูก็ยังรักและมาหาบรรดาสาวก พระองค์ไม่แค้นเคืองพวกเขาที่หาย(หัว)ไปตอนที่พระองค์ถูกจับและนำไปตรึงกางเขน พระองค์ให้อภัย ผมลองคิดเล่นๆว่า ถ้าเป็นพวกเรา คงทำไม่ได้แน่ ตอนจะตายไม่มีใครมาช่วยปกป้องเลย และถ้าตายไปแล้ว เราคงฝังใจกับการกระทำของคนที่คิดว่าเป็น "มิตรแท้" ... และสมมติว่า ถ้าเรากลับคืนชีพจากความตายได้ เมื่อเราต้องเจอคนเหล่านี้ เราคง "เลิกคบ" พวกเขา เพราะมันหนีเอาตัวรอด ปล่อยให้เราตาย เราคงไม่รักและให้อภัยแบบที่พระเยซูทรงสอนแน่ๆ"
... ทั้งหมดก็เป็นสิ่งที่ผมต่อยอดมาจากบทเทศน์ของสังฆานุกรท่านนี้ ว่าแล้ว ก็ขอขอบคุณที่จุดประกายความคิดให้ผมได้ไตร่ตรองพระวรสารนะครับ
AVE MARIA
หมายเหตุ - พูดถึงเหตุการณ์ลักษณะที่กล่าวไป ตั้งแต่ทำ Pope Report มา ผมมี "มิตรแท้ 4 คน" ที่ช่วยปกป้องและร่วมหัวจมท้ายกับเรื่องร้ายๆมาหลายเหตุการณ์ ในเวลาที่ Pope Report เจอมรสุมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาจะออกมาเคียงข้างตลอด ว่าแล้ว ก็ขอขอบคุณทั้ง 4 ท่านเสมอมา แม้มีหลายเหตุการณ์ที่ผมเกือบพาพวกท่าน "ลงนรก" ไปด้วยก็ตาม (แต่พวกท่าน ก็พร้อม "ลงนรก" ไปกับผมด้วย 555)
Comments
Post a Comment