ฟาติมาสาร - พระสันตะปาปาองค์ใหม่ ... โปรดพิจารณา (17 มีนาคม 2013)

ขณะที่ทุกท่านอ่านบทความนี้อยู่ ผมไม่แน่ใจว่า พระศาสนจักรคาทอลิกมีพระสันตะปาปาองค์ใหม่ องค์ที่ 266 หรือยัง เพราะการเลือกตั้งได้เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม ที่ผ่านมา ดังนั้น ทุกอย่างอาจเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ทั้งนั้น 

จอห์น เทรวิส (ซ้าย) และข้างหลังคือพระสันตะปาปากิตติคุณ เบเนดิกต์ ที่ 16

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของบรรดานักข่าวสายวาติกันก็ยังคงทำงานกันอย่างกระตือรือร้นต่อไป วันนี้ ผมมีบทความที่ “จอห์น เทรวิส” อดีตหัวหน้าผู้สื่อข่าวประจำกรุงโรมของเว็บไซต์คาทอลิก นิวส์ เซอร์วิส เว็บไซต์ของสภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งสหรัฐอเมริกา เขียนขึ้น (ตอนนี้ เกษียณอายุแล้ว แต่ตอนยังไม่เกษียณ เขาเป็นนักข่าวที่ใกล้ชิดสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 และ เบเนดิกต์ ที่ 16 พอสมควร) เพื่อหวังเห็นพระสันตะปาปาองค์ใหม่ลงมือแก้ปัญหาเหล่านี้ให้เร็วที่สุด มิฉะนั้น จะกลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่ยากจะลงมือจัดการต่อไปเรื่อยๆ (บทความนี้ ได้รับการชื่นชมอย่างมากจากพระคาร์ดินัลหลายองค์ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนเลือกตั้งพระสันตะปาปา อาทิ พระคาร์ดินัล คริสโตฟ โชนบอร์น ประมุขอัครสังฆมณฑลเวียนนา ออสเตรีย, พระคาร์ดินัล อันโตนิโอ มารีอา รัวโก้ ประมุขอัครสังฆมณฑลมาดริด สเปน และ พระคาร์ดินัล อ็องเดร แว็งต์-ทรัวส์ ประมุขอัครสังฆมณฑลปารีส ฝรั่งเศส ทั้งสามลงความเห็นว่า “นี่เป็นความจริงทุกประการและต้องได้รับการดำเนินการให้เร็วที่สุด”)

ข้อเสนออย่างสุภาพจากสัตบุรุษธรรมดาๆ อย่าง จอห์น เทรวิส มีดังต่อไปนี้  ...

1) ใช้ทีมงานของตนเอง ตามปกติแล้ว เมื่อพระสันตะปาปาองค์ใหม่ได้รับเลือก พระองค์จะปล่อยให้ทุกฝ่ายในโรมันคูเรียทำงานต่อไปอีกอย่างน้อย 1 ปีถึงจะมีการปรับเปลี่ยน (โรมันคูเรียคือ “องค์การบริหารพระศาสนจักรส่วนกลาง” เหมือนกับ “รัฐบาลกลาง” ส่วนสังฆมณฑลท้องถิ่นทั่วโลก เปรียบเหมือน “รัฐบาลท้องถิ่น”) สาเหตุที่ปล่อยให้ดำเนินงานไปก่อน 1 ปีเพราะพระสันตะปาปาองค์ใหม่ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างแบบฉับพลัน แต่กับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ พระสันตะปาปาองค์ใหม่อาจไม่จำเป็นต้องรอให้ถึง 1 ปีแล้วค่อยเปลี่ยน อาจรอเวลา 6-8 เดือนแล้วเปลี่ยนตัวเจ้าของตำแหน่งต่อไปนี้เลย ได้แก่ เลขาธิการนครรัฐวาติกัน (ตำแหน่งเจ้าปัญหา เพราะมีอำนาจเท่า “นายกรัฐมนตรี”) รวมถึงประธานสมณกระทรวงและสมณสภาต่างๆ พระสันตะปาปาองค์ใหม่ต้องนำทีมงานของตัวเองเข้ามาทำงาน เพราะถ้าปล่อยให้พระคาร์ดินัลเจ้าของตำแหน่งเดิมๆอยู่ในตำแหน่งต่อ พระสันตะปาปาองค์ใหม่จะแก้ปัญหาที่สะสมอยู่ได้ยากขึ้น เพราะการรื้อระบบที่ไม่ชอบมาพากลจะยิ่งซับซ้อนขึ้นไปอีก

2) กำหนดระยะเวลาทำงานในโรมันคูเรียแค่ 5 ปี พระสันตะปาปาองค์ใหม่ควรออกประกาศให้พระคาร์ดินัล พระสังฆราช และพระสงฆ์ที่มีตำแหน่งสูงๆประจำสมณกระทรวงต่างๆในโรมันคูเรีย ทราบว่า พวกเขามีสิทธิ์ทำงานนี้ได้มากสุดแค่ 5 ปีเท่านั้น เพราะปัจจุบัน ปัญหาใหญ่สุดที่ทุกคนทราบคือพระคาร์ดินัล พระสังฆราช และพระสงฆ์หลายองค์มีความคิดผิดๆว่า “การได้ทำงานในโรมันคูเรียคือจุดสูงสุดของอาชีพ” พวกเขามองการเป็นพระสงฆ์เป็นอาชีพที่ต้องไขว่คว้าเกียรติยศทำงานใกล้ชิดพระสันตะปาปา ซึ่งเป็นทัศนคติผิดพลาดร้ายแรง การเป็นพระสงฆ์คือการอุทิศตนรับใช้ แต่บางคนมองว่าการเป็นพระสงฆ์คือ “อาชีพ” ถ้าเปรียบเป็นฟุตบอล พวกเขาบางคนมองว่า การทำงานในโรมันคูเรียคือ “พรีเมียร์ ลีก” ส่วนการเป็นพระสังฆราชปกครองสังฆมณฑลเป็นแค่ระดับดิวิชั่น 1, 2, 3 เท่านั้น เราจึงเห็นกันว่า บางสมณกระทรวง พระคาร์ดินัลเจ้ากระทรวงครองตำแหน่งมานานกว่า 10 ปี ซึ่งมันผิดวิสัยทัศน์การบริหารจัดการที่ถูกต้อง

3) จัดประชุมอัพเดทการทำงานของประธานสมณกระทรวงทุกสัปดาห์ หนึ่งในปัญหาที่พระคาร์ดินัลและพระสังฆราชปกครองสังฆมณฑลทั่วโลกประสบอยู่คือเวลาส่งเรื่องอะไรไปที่วาติกัน แล้วเรื่อง “ถูกดอง” และไม่ถึงพระสันตะปาปาเสียที ปัญหามันอยู่ที่เรื่องเหล่านี้ถูกดองไว้ที่สมณกระทรวงต่างๆซึ่งบางครั้งพวกเขามองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยต่อตัวเอง (แต่มันสำคัญต่อสังฆมณฑลท้องถิ่น) ดังนั้น พระสันตะปาปาควรจัดประชุมประธานสมณกระทรวงเหล่านี้ทุกสัปดาห์ เพื่อให้พวกเขาอัพเดทว่า ปัญหาต่างๆที่รอรับการแก้ไขมีอะไรบ้าง

4) ลดสัดส่วนพระคาร์ดินัลชาวอิตาเลี่ยน นี่เป็นปัญหาที่พระสันตะปาปาเบเนดิกต์แก้ไม่สำเร็จเสียที แม้พระองค์จะพยายาม “สลายขั้ว” แต่ก็ไม่สำเร็จ ทุกวันนี้ ระบบการทำงานในโรมันคูเรียเป็นแบบอิตาเลี่ยนสไตล์ (เอื่อยๆ เฉื่อยๆ ทุจริตเล่นพวกพ้องเพียบ) จำนวนพระคาร์ดินัลอิตาเลี่ยนในโรมันคูเรียมีถึง 60 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ยุคของพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 มีพวกคาร์ดินัลอิตาเลี่ยนแค่ 35 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น พระสันตะปาปาองค์ใหม่ควรส่งพระคาร์ดินัลอิตาเลี่ยนกลับบ้าน และเชิญพระคาร์ดินัลรวมถึงพระสังฆราชชาติอื่นๆเข้ามาทำงานในโรมันคูเรียให้มากขึ้น เพื่อให้พระศาสนจักรคาทอลิกมีความเป็น “สากล” อีกครั้งเหมือนในยุคพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 

5) ให้ “ผู้หญิง” มีส่วนร่วมมากขึ้นในวาติกัน ยุคนี้เป็นศตวรรษที่ 21 เราจะเห็นว่าผู้หญิงเข้ามามีบทบาทในการตัดสินใจในองค์กรชั้นนำระดับโลกมากมาย แต่กับพระศาสนจักรคาทอลิกยังเป็นเรื่องลึกลับ (ไม่ถึงต้องห้าม แต่ก็ไม่จริงจังเสียที) ดังนั้น พระสันตะปาปาองค์ใหม่ควรให้ผู้หญิงเข้ามามีบทบาทในพระศาสนจักรให้มากขึ้น ควรให้พวกเขามีส่วนร่วมในการตัดสินใจสำคัญๆต่างๆ ไม่ใช่สงวนให้เฉพาะพระคาร์ดินัล พระสังฆราช และพระสงฆ์เท่านั้น

6) เชิญฆราวาสร่วม “อัด ลิมินา” ด้วย พระสันตะปาปาทุกองค์ใช้เวลาทำงานแต่ละวันไปกับพระคาร์ดินัล พระสังฆราช และพระสงฆ์ แต่ไม่มีเลยที่พระสันตะปาปาจะลงมาขลุกและรับทราบปัญหาของประชาชนฆราวาส ดังนั้น เมื่อถึงเวลาที่พระสังฆราชสังฆมณฑลต่างๆต้องไปถวายรายงานพระสันตะปาปาทุกๆ 5 ปี (อัด ลิมินา) พระสันตะปาปาไม่ควรให้แค่พระสังฆราชถวายรายงานความคืบหน้าและปัญหาเท่านั้น แต่พระสันตะปาปาองค์ใหม่ควรจะเชิญฆราวาสมาเล่าปัญหาที่ตนเองประสบด้วย ไม่งั้น พระสันตะปาปาจะรู้แต่ปัญหาด้านเดียว แต่เสียงสัตบุรุษ พระองค์ไม่เคยได้ยินแบบจริงๆจังๆเสียที 

7) ปฏิรูปสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เรื่องการเงินในวาติกันคือเรื่องลึกลับอย่างแท้จริง มีคำถามมาตั้งนานแล้วว่า ทำไมต้องมี “ธนาคารวาติกัน” แถมมีไม่พอยังสร้างปัญหาความไม่โปร่งใสและฟอกเงินอีกด้วย เรื่องนี้เป็นเรื่องลึกลับ พระสันตะปาปากี่พระองค์ก็แก้ไม่ตกเสียที ดังนั้น พระสันตะปาปาองค์ใหม่ต้องรีบดำเนินการแก้ไขเรื่องคอร์รัปชั่นเงินๆทองๆโดยด่วน เพราะเรื่องนี้ไม่เข้าใครออกใครจริงๆ

... ทั้งหมดนี้คือข้อเสนออย่างสุภาพของ จอห์น เทรวิส ที่ได้รับการเผยแพร่ทั้งทางเฟซบุ๊คและทวิตเตอร์อย่างล้นหลาม แน่นอนว่า พระคาร์ดินัลหลายองค์ได้อ่านและลงความเห็นว่า “ถูกต้องทุกประการ” หวังว่า พระสันตะปาปาองค์ใหม่ก็จะได้อ่านบทความนี้ด้วยเช่นกัน 



AVE   MARIA


Post a Comment

0 Comments