ฟาติมาสาร - เมื่อวาติกันถูกบังคับให้รับแต่เงินสด (3 ก.พ. 2013)

ผ่านปีใหม่ 2013 มาไม่นาน อีกไม่กี่อึดใจก็จะถึงวันสงกรานต์ช่วงหยุดยาวของชาวไทยอีกแล้ว ไม่แน่ใจว่า สงกรานต์นี้มีใครมีโปรแกรมไปทัวร์วาติกันบ้างไหม ถ้ามีบทความวันนี้จะเป็นอีกหนึ่งข้อมูลน่าสนใจให้ทุกคนได้เตรียมตัวเกี่ยวกับเรื่องเงิน


หากยังจำกันได้ ปลายปีที่แล้ว ผมเคยเสนอข่าวว่า ธนาคารวาติกันถูกธนาคารกลางแห่งอิตาลี (แบงค์ชาติ) สั่งอายัติการโอนเงินเข้าออกภายหลังพบว่ามีส่วนพัวพันการฟอกเงิน ผลที่ตามมาคือมีการสั่งปลด “ก็อตติ เตเดสคี่” ประธานธนาคารวาติกันในตอนนั้นออกจากตำแหน่ง จากนั้นไม่นาน สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงออกกฎหมายใหม่ในเขตวาติกัน เพื่อปฏิรูปธนาคารวาติกันให้หลุดพ้นวงจรอุบาทว์ที่มีพวกมาเฟียเข้าไปแทรกซึมเพื่อฉกฉวยผลประโยชน์ส่วนตน

หนึ่งในกฎที่พระสันตะปาปาออกมานั้นก็คือ “ถ้าใครเข้าออกเขตวาติกัน แล้วมีเงินสดติดตัวเกิน 10,000 ยูโร (400,000 บาท) จะต้องสำแดงต่อเจ้าหน้าที่ทันที” กฎนี้ออกมาเพื่อป้องกันพวกไม่ประสงค์ดี ไม่ว่าจะเป็นในชุดนักบวชหรือฆราวาสนำเงินไปฝากในธนาคารวาติกัน ซึ่งถ้าฝากเข้าไปแล้ว กฎหมายจะไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบ เพราะธนาคารวาติกันไม่ได้เข้าระบบกฎหมายธนาคารโลก นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมพระสันตะปาปาต้องออกกฎหมายใหม่ เพื่อยกระดับธนาคารวาติกันให้เข้ากับกฎหมายสากล (แต่ถึงออกกฎใหม่ มาตรฐานความโปร่งใสของธนาคารวาติกันก็ยังไม่ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำที่สหภาพยุโรปกำหนดอยู่ดี)

ยิ่งกว่านั้น วิบากกรรมธนาคารวาติกันยังคงไม่จบสิ้น เพราะวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา แบงค์ชาติของอิตาลีได้ออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุด ใจความว่า “ธนาคารกลางแห่งอิตาลีตัดสินใจพักระบบการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตในเขตวาติกัน เนื่องจากวาติกันไม่สามารถหาข้อตกลงเพื่อยินยอมทำตามกฎหมายป้องกันการฟอกเงิน ทั้งนี้ การพักระบบการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตในวาติกัน ให้มีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป”        

ประกาศออกมาแบบนี้ ก็ยุ่งล่ะซิ และคนที่ยุ่งยากที่สุดก็หนีไม่พ้น “บรรดานักท่องเที่ยว” นั่นเอง

การประกาศแบบนี้หมายความว่า ตั้งแต่นี้ไป ใครที่ไปเที่ยววาติกันและต้องการซื้อของที่ระลึกหรือจะเป็นเข้าคิวซื้อตั๋ววาติกันมิวเซี่ยม จะต้องใช้ “เงินสด” จ่ายเงินเพียงอย่างเดียว จะไม่มีการรูดบัตรเครดิตซื้อของอีกต่อไป  

เรื่องนี้ วาติกันพยายามขอเจรจาไกล่เกลี่ยกับธนาคารกลางอิตาลี แต่อย่าลืมว่า ที่นี่คือยุโรป ไม่ใช่ประเทศไทย ดังนั้น กฎต้องเป็นกฎ จะไม่มีการผ่อนปรนแต่อย่างใด ความโปร่งใสและความถูกต้องเป็นสิ่งที่ระบบธนาคารยุโรปเน้นมาก ดังนั้น ถ้าธนาคารวาติกันไม่สามารถก้าวข้ามตรงนี้ได้ คงเป็นเรื่องยากที่จะอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว ขณะเดียวกัน ยังทำให้ภาพลักษณ์ของวาติกันและพระศาสนจักรคาทอลิกดูย่ำแย่ไปอีก เพราะเป็นประเทศที่เน้นเรื่องความโปร่งใสและจริยธรรม แต่กลับประสบปัญหานี้เสียเอง

งานนี้ ต้องติดตามดูต่อไปว่า ธนาคารวาติกันจะยกระดับตัวเองให้เท่าเทียมมาตรฐานธนาคารสากลได้เมื่อไหร่ ถ้ายังทำไม่สำเร็จ นักท่องเที่ยวและผู้แสวงบุญก็ต้องหิ้วเงินสดไปใช้จ่ายที่วาติกันอย่างเดียวเท่านั้น 

AVE   MARIA

Comments