ฟาติมาสาร - เลอแฟ๊บวร์ – ภาษีศาสนา – กาบริเอเล่ (7 ต.ค. 2012)

สัปดาห์สุดท้ายของเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีข่าวน่าสนใจในพระศาสนจักรคาทอลิกที่ทั่วโลกกำลังจับตามองอยู่ 3 เรื่อง ได้แก่ พระสันตะปาปาทรงยื่นคำขาดต่อกลุ่มเลอแฟ๊บวร์ ถ้าจะกลับมาเป็นหนึ่งเดียวกับพระศาสนจักรคาทอลิก ต้องทำอะไรบ้าง, เรื่องพระศาสนจักรคาทอลิกในเยอรมนี ประกาศว่า หากคาทอลิกคนไหนไม่จ่ายภาษีบำรุงศาสนา ก็จะไม่ได้รับศีลศักดิ์สิทธิ์ และเรื่องสุดท้าย การไต่สวนคดียักยอกเอกสารพระสันตะปาปาและวาติกันซึ่งเริ่มขึ้นแล้ว ... เพื่อไม่ให้เสียเวลา เราไปติดตามรายละเอียดกันเลย



เริ่มต้นด้วยเรื่องกลุ่มสมาคมนักบุญปีโอ ที่ 10 (กลุ่มเลอแฟ๊บวร์) หลังจากเรื่องเงียบไป 2-3 เดือน ที่สุดแล้ว ความเงียบก็ถูกทลายลง เมื่อ มองซินญอร์ แบร์กนาร์ ติสซิเยร์ เด มัลเลราอิส 1 ใน 4 พระสังฆราชกลุ่มเลอแฟ๊บวร์ ก็ออกมาเปิดเผยความลับสำคัญในการสัมมนาประจำปีของสมาคมนักบุญปีโอ ที่ 10 ซึ่งจัดที่ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา ความลับนี้คือจดหมายที่สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงเขียนถึงกลุ่มเลอแฟ๊บวร์ เพื่อยื่นคำขาดว่า ถ้าหากกลุ่มเลอแฟ๊บวร์ยังอยากจะกลับมาเป็นหนึ่งเดียวกับพระศาสนจักร พวกเขาจะต้องยอมรับสังคายนาวาติกัน ที่ 2

“วันที่ 30 มิถุนายน 2012 มีจดหมายจากพระสันตะปาปามาถึงกลุ่มของเรา นี่เป็นความลับ แต่มันถึงเวลาแล้วที่จะต้องแจ้งให้ทุกคนทราบ พระสันตะปาปาทรงระบุในจดหมายว่า ‘พ่อยืนยันกับท่านทุกคนว่า การที่จะร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระศาสนจักรคาทอลิกอีกครั้ง พวกท่านต้องยอมรับทุกอย่างที่เกี่ยวกับสังคายนาวาติกัน ที่ 2 รวมถึงผลลัพธ์ต่างๆที่เกิดจากสังคายนานี้’ นี่คือการยื่นคำขาดจากพระสันตะปาปาซึ่งพวกเราไม่สามารถยอมรับเรื่องแบบนี้ได้” มองซินญอร์ ติสซิเยร์ เด มัลเลราอิส กล่าวกับสมาชิกกลุ่มเลอแฟ๊บวร์ทุกคน

ในมุมมองของผม แม้จะไม่มีรายงานข่าวว่า กลุ่มเลอแฟ๊บวร์ตอบกลับพระสันตะปาปาเป็นลายลักษณ์อักษรหรือเปล่า แต่ผมมั่นใจว่า ทุกอย่างคงจบลงตรงนี้ และคงไม่มีการกลับมาคืนดีกันอีกแน่นอน เพราะพระสันตะปาปาทรงถอยและผ่อนปรนให้แบบสุดๆแล้ว ...

ข่าวต่อไป เป็นเรื่องที่อ่านแล้ว “งง” และยังสร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงต่อพระศาสนจักรคาทอลิกในเยอรมนี

สภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศเยอรมนี ออกประกาศว่า “คาทอลิกคนไหนไม่จ่ายเงินภาษีบำรุงศาสนา เขาคนนั้นจะไม่ได้รับการอภิบาลศีลศักดิ์สิทธิ์ ทั้งศีลอภัยบาป, ศีลมหาสนิท, ศีลสมรส รวมถึงศีลเจิมครั้งสุดท้ายก่อนเสียชีวิต เช่นเดียวกัน งานศพของเขาจะไม่ได้รับการจัดตามแบบคาทอลิกด้วย”

ภาษีที่ว่านี้ มีอัตราสูงถึง 10% ของรายได้ นั่นหมายความว่า ถ้ามีเงินเดือน 50,000 บาท ก็จะต้องเสียภาษีบำรุงศาสนา 5,000 บาท ซึ่งไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆเลย (กฎหมายจ่ายภาษีบำรุงศาสนาในเยอรมนี บังคับใช้กับทุกศาสนา) การประกาศครั้งนี้ทำให้คาทอลิกในเยอรมนีไม่พอใจเป็นอย่างมาก หลายรายถึงกับประณามว่า เรื่องนี้ไม่ต่างไปจากการ “ซื้อขายใบไถ่บาป” ในยุคกลางซึ่งเป็นผลให้เกิดการแยกตัวออกมาของนิกายลูเธอรัน และแน่นอนพวกเขาก็พร้อมจะไปแจ้งต่อราชการว่า พวกเขาเป็นคนไม่มีศาสนา เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเงินภาษีบำรุงศาสนาในส่วนนี้ (ถ้าไปแจ้งแบบนี้จริงๆ จะทำให้คาทอลิกในเยอรมนีลดลงไปอีก)

ในมุมมองของผม ข่าวนี้ยังดูแปลกๆสำหรับตัวผมเอง เพราะผมคิดว่า การประกาศแบบนี้ต้องมีจุดประสงค์อะไรบางอย่าง (ในทางที่ดี) มากไปกว่าการบังคับให้คนจ่ายเงิน เพียงแต่อาจติดขัดที่ “กระบวนการสื่อสารของพระศาสนจักรคาทอลิก” ซึ่งเป็น “จุดอ่อน” คาทอลิกทุกประเทศ อย่างที่รู้กันว่า ทุกครั้งที่เวลาคาทอลิกประกาศอะไรออกไป มักจะถูกสะท้อนกลับด้วยเสียงวิจารณ์อย่างหนักหน่วง และต้องออกมาชี้แจงให้หลายคนเข้าใจอย่างละเอียดตลอด ครั้งนี้ก็เช่นกัน เราคงต้องรอดูว่า จะมีการชี้แจงตามมาอย่างไร ...

สุดท้าย การพิจารณาคดีของ “เปาโล กาบริเอเล่” อดีตพ่อบ้านประจำวังพระสันตะปาปาที่ยักยอกเอกสารสำคัญต่างๆของวาติกันมาเผยแพร่แก่นักข่าวในอิตาลีได้เริ่มไปเมื่อวันเสาร์ที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา การพิจารณาคดีนี้ จะมีขึ้นไปถึงวันอังคารที่ 2 ตุลาคม 2012 (แต่วันที่ผมเขียนบทความนี้คือวันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน)

รายงานข่าว ณ วันที่เขียนบทความนี้ ระบุว่า กาบริเอเล่ให้การกับศาลด้วยการยอมรับว่า ตนทำเรื่องดังกล่าวเพราะต้องการเปิดโปงการคอร์รัปชั่นของพระคาร์ดินัล ตาร์ชิซิโอ แบร์โตเน่ เลขาธิการนครรัฐวาติกัน และการเล่นพรรคเล่นพวกในหมู่พระคาร์ดินัลในวาติกันให้พระสันตะปาปาได้รับทราบ กาบริเอเล่ย้ำว่า พระสันตะปาปาทรงเป็นผู้บริสุทธิ์ พระองค์ตัดสินทุกอย่างด้วยความถูกต้อง เพียงแต่ว่า บ่อยครั้ง พระคาร์ดินัลแบร์โตเน่ ชอบให้ข้อมูลพระสันตะปาปาแบบผิดๆ และทำให้ความจริงไม่ถูกเปิดเผย

เรื่องทั้งหมดก็มีประมาณนี้ หากมีความคืบหน้า ผมจะนำมาอัพเดทในสัปดาห์หน้าครับ


AVE   MARIA

Comments