โป๊ปย้ำในคืนเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ "ความดียิ่งใหญ่กว่าความชั่ว ความรักยิ่งใหญ่กว่าความเกลียดชัง"
สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขพระศาสนจักรคาทอลิก ทรงย้ำ ความดียิ่งใหญ่กว่าความชั่ว ความรักยิ่งใหญ่กว่าความเกลียดชัง พร้อมกันนี้ ทรงหวังเห็นคริสตชนแยกแยะให้ออกว่า ความดีคืออะไร และความชั่วคืออะไร เพราะถ้าแยกแยะไม่ออก โลกตกอยู่ในความเสี่ยงแน่

เมื่อช่วงค่ำวันเสาร์ที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงเป็นประธานในมิสซาสมโภชปาสกา และเสกน้ำเสกไฟ รวมไปถึงโปรดศีลล้างบาปให้กับคริสตชนใหม่ในมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน สำหรับคริสตชนใหม่ที่มารับศีลล้างบาปกับพระสันตะปาปาในปีนี้ มีทั้งหมด 8 คน พวกเขามาจากอิตาลี, เยอรมนี, สโลวาเกีย, อัลบาเนีย, แคเมอรูน, เติร์กเมนิสถาน และสหรัฐอเมริกา
ในส่วนใจความสำคัญของบทเทศน์ประจำมิสซา พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนถึงความหมายของเทียนปาสกาว่าเป็นความสว่างในการดำเนินชีวิตของคริสตชน นอกจากนี้ พระองค์ยังย้ำว่า ความดียิ่งใหญ่กว่าความชั่วเสมอ ที่สำคัญขอให้เราแยกแยะความดีความชั่วให้ออก เพื่อให้ความสว่างแท้จริงนำทางในการดำเนินชีวิต
พระสันตะปาปาตรัสว่า "ในคืนปาสกาคืนแห่งการเกิดใหม่นี้ พระศาสนจักรได้นำเสนอธรรมล้ำลึกแห่งความสว่างที่ใช้เป็นเครื่องหมายอันโดดเด่นและเรียบง่าย นั่นคือ เทียนปาสกา นี่คือความสว่างที่ดำเนินชีวิตจากการเสียสละอุทิศตนเอง เทียนนี้ได้ส่องแสงสว่างสุกใสราวกับมันถูกเผาไหม้ด้วยความร้อนรน เทียนนี้ได้ให้ความสว่างเหมือนกับที่มันได้มอบตัวมันเองให้กับเรา ดังนั้น พระศาสนจักรคาทอลิกได้นำเสนอความงดงามอันใหญ่ยิ่งแห่งธรรมล้ำลึกของพระคริสตเจ้า ผู้ทรงมอบพระองค์เองให้เป็นองค์ความสว่างที่ยิ่งใหญ่แก่เรา"
"พระเยซูทรงกลับคืนชีพจากความตาย ชีวิตยิ่งใหญ่กว่าความตาย ความดียิ่งใหญ่กว่าความชั่ว ความรักยิ่งใหญ่กว่าความเกลียดชัง ความจริงยิ่งใหญ่กว่าการโกหก ความมืดของวันก่อนหน้านี้ได้ถูกทำลายหายไปผ่านทางการกลับคืนชีพของพระเยซู ผู้ทรงเป็นความสว่างอันบริสุทธิ์ใสของพระเจ้า"
"ความมืดที่บดบังพระเจ้าและก่อให้เกิดอุปสรรคต่อคุณค่าต่างๆ ถือเป็นภัยคุกคามแท้จริงต่อการดำเนินชีวิตของเราและของโลก ถ้าพระเจ้าและค่านิยมทางศีลธรรม รวมไปถึงความแตกต่างระหว่างความดีกับความชั่ว ยังตกอยู่ใต้ความมืด เมื่อนั้น ทุกอย่างจะไร้ซึ่งการพัฒนาไปข้างหน้า ทุกอย่างจะตกอยู่ในอันตราย และโลกจะตกอยู่ในความเสี่ยง" พระสันตะปาปาตรัสในตอนท้าย
ประมวลภาพ: มิสซาสมโภชปาสกา (วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์)

เมื่อช่วงค่ำวันเสาร์ที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงเป็นประธานในมิสซาสมโภชปาสกา และเสกน้ำเสกไฟ รวมไปถึงโปรดศีลล้างบาปให้กับคริสตชนใหม่ในมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน สำหรับคริสตชนใหม่ที่มารับศีลล้างบาปกับพระสันตะปาปาในปีนี้ มีทั้งหมด 8 คน พวกเขามาจากอิตาลี, เยอรมนี, สโลวาเกีย, อัลบาเนีย, แคเมอรูน, เติร์กเมนิสถาน และสหรัฐอเมริกา
ในส่วนใจความสำคัญของบทเทศน์ประจำมิสซา พระสันตะปาปาทรงเทศน์สอนถึงความหมายของเทียนปาสกาว่าเป็นความสว่างในการดำเนินชีวิตของคริสตชน นอกจากนี้ พระองค์ยังย้ำว่า ความดียิ่งใหญ่กว่าความชั่วเสมอ ที่สำคัญขอให้เราแยกแยะความดีความชั่วให้ออก เพื่อให้ความสว่างแท้จริงนำทางในการดำเนินชีวิต
พระสันตะปาปาตรัสว่า "ในคืนปาสกาคืนแห่งการเกิดใหม่นี้ พระศาสนจักรได้นำเสนอธรรมล้ำลึกแห่งความสว่างที่ใช้เป็นเครื่องหมายอันโดดเด่นและเรียบง่าย นั่นคือ เทียนปาสกา นี่คือความสว่างที่ดำเนินชีวิตจากการเสียสละอุทิศตนเอง เทียนนี้ได้ส่องแสงสว่างสุกใสราวกับมันถูกเผาไหม้ด้วยความร้อนรน เทียนนี้ได้ให้ความสว่างเหมือนกับที่มันได้มอบตัวมันเองให้กับเรา ดังนั้น พระศาสนจักรคาทอลิกได้นำเสนอความงดงามอันใหญ่ยิ่งแห่งธรรมล้ำลึกของพระคริสตเจ้า ผู้ทรงมอบพระองค์เองให้เป็นองค์ความสว่างที่ยิ่งใหญ่แก่เรา"
"พระเยซูทรงกลับคืนชีพจากความตาย ชีวิตยิ่งใหญ่กว่าความตาย ความดียิ่งใหญ่กว่าความชั่ว ความรักยิ่งใหญ่กว่าความเกลียดชัง ความจริงยิ่งใหญ่กว่าการโกหก ความมืดของวันก่อนหน้านี้ได้ถูกทำลายหายไปผ่านทางการกลับคืนชีพของพระเยซู ผู้ทรงเป็นความสว่างอันบริสุทธิ์ใสของพระเจ้า"
"ความมืดที่บดบังพระเจ้าและก่อให้เกิดอุปสรรคต่อคุณค่าต่างๆ ถือเป็นภัยคุกคามแท้จริงต่อการดำเนินชีวิตของเราและของโลก ถ้าพระเจ้าและค่านิยมทางศีลธรรม รวมไปถึงความแตกต่างระหว่างความดีกับความชั่ว ยังตกอยู่ใต้ความมืด เมื่อนั้น ทุกอย่างจะไร้ซึ่งการพัฒนาไปข้างหน้า ทุกอย่างจะตกอยู่ในอันตราย และโลกจะตกอยู่ในความเสี่ยง" พระสันตะปาปาตรัสในตอนท้าย
ประมวลภาพ: มิสซาสมโภชปาสกา (วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์)
Comments
Post a Comment