โป๊ปตำหนิกลุ่มสงฆ์ไม่นบนอบพระสังฆราช พร้อมย้ำ "การไม่นบนอบไม่ใช่วิธีปฏิรูปพระศาสนจักร"

สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขพระศาสนจักรคาทอลิก ทรงตำหนิ "กลุ่มสงฆ์ไม่นบนอบพระสังฆราช" กลุ่มสงฆ์คาทอลิกจากออสเตรียที่แผ่สมาชิกไปทั่วโลก พร้อมย้อนถาม "การไม่นบนอบ(พระสังฆราช)เป็นหนทางนำไปสู่การปฏิรูปพระศาสนจักรอย่างนั้นหรือ" นอกจากนี้ ทรงประกาศชัด พระศาสนจักรไม่มีอำนาจในการบวชสตรีเป็นสงฆ์ ตามที่กลุ่มไม่นบนอบสังฆราชเรียกร้อง ตอนท้าย ทรงย้ำ สงฆ์ของพระคริสตเจ้าต้องไม่ทำอะไรเพื่อตัวเอง แต่ต้องเป็นสงฆ์เพื่อประชากรของพระเจ้า



เมื่อช่วงสายวันพฤหัสบดีที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงเป็นประธานในพิธีมิสซาเสกน้ำมันศักดิ์สิทธิ์และการรื้อฟื้นคำมั่นสัญญาของการเป็นสงฆ์ มิสซานี้ มีพระสงฆ์มาร่วมกว่า 1,600 องค์ และสัตบุรุษอีกกว่า 20,000 คน ในส่วนใจความสำคัญของบทเทศน์ประจำมิสซานี้ นับเป็นครั้งแรกที่พระสันตะปาปาทรงกล่าวถึงกลุ่มสงฆ์ไม่นบนอบพระสังฆราช ซึ่งกำลังเป็นระเบิดเวลาแผ่ขยายไปตามประเทศต่างๆ พระองค์ทรงตำหนิการกระทำและการเรียกร้องของสงฆ์กลุ่มดังกล่าว นอกจากนี้ พระองค์ยังเตือนสติ "พระสงฆ์ของพระคริสตเจ้าที่ยังยึดมั่นในคำสอนของพระองค์" ด้วยว่า จงประพฤติตนเป็นทุกสิ่งเพื่อทุกคน ไม่ใช่ดำเนินชีวิตตามใจตัวเอง

พระสันตะปาปาทรงเริ่มต้นบทเทศน์ในมิสซานี้ ด้วยการกล่าวถึงกลุ่มสงฆ์ไม่นบนอบพระสังฆราชที่กำลังเป็นประเด็นโด่งดังไปทั่วโลก กลุ่มนี้ ถือกำเนิดขึ้นในประเทศออสเตรีย เมื่อปลายปี 2011 โดยสงฆ์คาทอลิก 250 คน ร่วมกันลงนามในเรียกร้องให้สงฆ์คาทอลิกไม่ต้องนบนอบต่อพระสังฆราช ทั้งยังเรียกร้องให้พระศาสนจักรคาทอลิกทำการปฏิรูปเพื่อให้ทันยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงของโลก ด้วยการอนุญาตให้สงฆ์คาทอลิกแต่งงานมีครอบครัวได้, อนุญาตให้ผู้ชายที่มียังครอบครัวบวชเป็นสงฆ์ได้, เรียกร้องให้สงฆ์คาทอลิกไม่ต้องเชื่อฟังพระสังฆราช และเรียกร้องให้สตรีบวชเป็นสงฆ์ได้ เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนพระสงฆ์ ข้อเรียกร้องดังกล่าว นอกจากกลุ่มสงฆ์ไม่นบนอบพวกนี้ร่วมลงนามแล้ว ยังมีกลุ่มนักเทวศาสตร์จากเยอรมนี, สวิตเซอร์แลนด์ และออสเตรีย จำนวน 311 คน ร่วมลงชื่อสนับสนุนด้วย เรื่องดังกล่าวได้กลายเป็นความวิตกในพระศาสนจักรคาทอลิก เพราะมันไม่ต่างจากระเบิดเวลาที่ลามไปทั่วโลกและพร้อมจะระเบิดทุกเมื่อ

พระสันตะปาปาทรงรับทราบและติดตามปัญหานี้อย่างใกล้ชิด พระองค์จึงตรัสถึงสงฆ์กลุ่มนี้ในบทเทศน์มิสซารื้อฟื้นคำมั่นสัญญาของการเป็นสงฆ์ว่า "ไม่นานมานี้ กลุ่มสงฆ์จากประเทศในทวีปยุโรปได้ออกมาเรียกร้องให้(สงฆ์)ไม่นบนอบ(ต่อพระสังฆราช) ขณะเดียวกัน พวกเขายังได้แสดงออกถึงแบบอย่างของการไม่นบนอบ อาทิ ประเด็นเกี่ยวกับการบวชสตรีเป็นสงฆ์ เรื่องนี้ เป็นการตัดสินใจที่ไม่เคารพต่อคำสั่งสอนของพระศาสนจักร ประเด็นนี้ บุญราศี จอห์น ปอล ที่ 2 เคยประกาศแล้วว่า มันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ พระศาสนจักรไม่ได้รับอำนาจจากพระเจ้าให้กระทำการนี้(บวชสตรีเป็นสงฆ์)"

"การไม่นบนอบ(พระสังฆราช)เป็นหนทางสู่การปฏิรูปพระศาสนจักรอย่างนั้นหรือ? เราเชื่อว่า สิ่งที่คนกลุ่มนี้ออกมาเรียกร้อง พวกเขาถูกกระตุ้นด้วยความความห่วงใยต่อพระศาสนจักร พวกเขาถูกโน้มน้าวว่าความเชื่องช้าของสถาบันนี้(พระศาสนจักร) จะได้รับการพิชิตด้วยวิธีการที่รุนแรงฉับพลัน ทั้งนี้ เพื่อที่จะเปิดทางสู่หนทางใหม่ที่จะนำพระศาสนจักรให้ทันสมัยยิ่งขึ้น แต่การไม่นบนอบเป็นหนทางนำไปสู่สิ่งนี้(การปฏิรูป)จริงๆหรือ?" พระสันตะปาปาชาวเยอรมัน ตรัสถามจิตใต้สำนึกของสงฆ์ที่ผิดคำปฏิญาณเรื่องคำนบนอบ

ตอนท้าย พระสันตะปาปาผู้ทรงได้รับศีลบวชเป็นสงฆ์ของพระคริสต์มา 51 ปี ทรงเน้นย้ำถึง "ปีแห่งความเชื่อ" พร้อมเชื่อมโยงเข้ากับคุณลักษณะที่ดีของการเป็นสงฆ์ของพระคริสตเจ้า นั่นคือ การประกาศความเชื่อต่อพระเจ้าในสังคมที่ไม่สนใจพระองค์มากขึ้นเรื่อยๆ และการเป็นสงฆ์ผู้ถือคติ "เป็นทุกสิ่งสำหรับทุกคน" ไม่ใช่ยึดมั่นแต่ตัวเอง

"ในการประชุมร่วมกับคณะพระคาร์ดินัลโอกาสการสถาปนาพระคาร์ดินัลใหม่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา บรรดาผู้อภิบาล(พระสังฆราช)ของพระศาสนจักรหลายท่าน ได้กล่าวถึงประสบการณ์เกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของการไม่มีความรู้เรื่องศาสนาในสังคมยุคนี้ พื้นฐานความเชื่อในพระเจ้าซึ่งครั้งหนึ่งสมัยเป็นเด็กเราต่างมีความรู้กันทั้งนั้น แต่ตอนนี้ มันน้อยลงไปทุกขณะ แต่ถ้าเราดำเนินชีวิตและรักความเชื่อของเรา ถ้าเรารักพระเจ้าและได้ยินเสียงของพระองค์ เราจำเป็นต้องรู้ถึงสิ่งที่พระเจ้าตรัสกับเรา ความคิดและจิตใจของเราต้องได้รับการสัมผัาด้วยพระวาจาของพระองค์ ปีแห่งความเชื่อซึ่งจัดเพื่อรำลึกถึงโอกาสครบรอบ 50 ปีแห่งการเปิดสังคยานาวาติกัน ครั้งที่ 2 ควรเป็นโอกาสให้เราได้ประกาศสารแห่งความเชื่อด้วยความร้อนรนและความชื่นชมยินดี"

"ในฐานะสงฆ์ของพระคริสตเจ้า เราต้องทำหน้าที่นี้ด้วยความกระตือรือร้น ... พระสงฆ์ต้องไม่ดำเนินชีวิตโดยยึดตัวเองเป็นที่ตั้ง บรรดาสัตบุรุษต้องสัมผัสได้ถึงความร้อนรนของพวกเรา อาศัยความร้อนรนนี้ เราจะเป็นประจักษ์พยานที่เชื่อถือได้ต่อพระวรสารของพระเยซูคริสต์ ขอให้เราวิงวอนพระเจ้าโปรดเติมเต็มเราด้วยความชื่นชมยินดีในสารของพระองค์ และเมื่อนั้น เราจะได้รับใช้ความจริงและความรักของพระเจ้าด้วยความร้อนรนอย่างสุขล้น" พระสันตะปาปา ตรัสปิดท้าย

ประมวลภาพ: มิสซาเสกน้ำมันศักดิ์สิทธิ์และรื้อฟื้นคำมั่นสัญญาของการเป็นสงฆ์



Comments