ฟาติมาสาร - ตุรกี ... อีกหนึ่งประเทศที่คริสตชนไม่ควรพลาด (ตอน 1 - 22 เมษายน 2012)

ความเดิมจากสัปดาห์ที่แล้ว ผมบอกว่า ผมจะไปตุรกี ผมซื้อทัวร์จากประเทศไทยและไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่า การเดินทางครั้งนี้จะเป็นทัวร์คริสต์แสวงบุญแบบกลายๆ เพราะสถานที่ที่ไปนั้น เกี่ยวข้องกับแม่พระ นักบุญเปาโล และบรรดาคริสตชนยุคแรกเริ่มในศตวรรษที่ 1 แทบทั้งสิ้น (ตอนแรก ผมไม่ได้หาข้อมูลแบบเจาะลึก แต่พอมีเวลาจึงค้นข้อมูลก่อนไปเจอของจริง จึงได้รู้ว่า ทุกที่ที่ไปนั้น ตามรอยนักบุญเปาโลนั่นเอง)   ...

วันแรกของการเดินทาง ผมไปที่เมืองอิสตันบูล หลายคนเข้าใจว่า อิสตันบูลคือเมืองหลวงของตุรกี แต่ความจริงแล้ว เมืองหลวงของตุรกีคือ “อังคารา” (คล้ายๆกับออสเตรเลียที่หลายคนคิดว่า “ซิดนีย์” คือเมืองหลวง แต่ความจริงแล้ว “แคนเบอร์ร่า” ต่างหากที่เป็นเมืองหลวงของออสเตรเลีย)


ฮายา โซเฟีย อดีตศูนย์กลางของพระศาสนจักรออโธด็อกซ์แห่งคอนสแตนติโนเปิ้ล

“ฮายา โซเฟีย” อดีตศูนย์กลางพระศาสนจักรออโธด็อกซ์แห่งคอนสแตนติโนเปิ้ล

หลังจากมาถึงอิสตันบูล จุดหมายแรกที่ผมไปเยือนคือ “มัสยิดสีน้ำเงิน” (BLUE MOSQUE) สถานที่ซึ่งพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 เสด็จเยือนเมื่อปี 2006 จากนั้น ผมไปข้ามถนนไปยัง “วิหารฮายา โซเฟีย” (บางคนเรียก “วิหารเซนต์ โซเฟีย” ซึ่งเป็นชื่อเรียกที่ผิด!) นี่คืออดีตวิหารซึ่งเป็นศูนย์กลางของพระศาสนจักรออโธด็อกซ์แห่งคอนสแตนติโนเปิ้ล และยังเคยเป็นโบสถ์คริสต์ที่ใหญ่สุดในโลกด้วย ความมหัศจรรย์ของวิหารนี้คือสร้างในสมัยอาณาจักรไบเซนไทน์ ตั้งแต่ ค.ศ. 360 นับถึงปัจจุบันก็ปาเข้าไปกว่า 1,652 ปีเข้าไปแล้ว ในอดีต นับตั้งแต่ ค.ศ. 360 ถึง 1453 วิหารนี้เป็นของคริสต์คาทอลิกและคริสต์ออโธด็อกซ์ กระทั่ง ค.ศ.1453 พวกอ็อตโตมานเข้ายึดอาณาจักรไบเซนไทน์ จึงได้เปลี่ยนวิหารนี้ให้เป็นมัสยิดของมุสลิม ถือว่าเป็นโชคดีมากที่พวกอ็อตโตมานไม่ทำลายโครงสร้างของโบสถ์นี้ พวกเขาแค่ทำลายรูปโมซาอิคล้ำค่า อาทิ รูปพระเยซูกษัตริย์แห่งสากลจักรวาล ด้วยการโบกปูนทับ แต่พอ “มุสตาฟา อตาเติร์ก” เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองมาเป็นสาธารณรัฐตุรกีในค.ศ. 1931 เขาได้ออกคำสั่งให้กระเทาะปูนเหล่านั้นออก และเปลี่ยนมัสยิดให้เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ปัจจุบัน วิหารฮายา โซเฟีย จึงกลายเป็นสถานที่ศาสนสัมพันธ์ระหว่างคริสต์และอิสลาม ภายในนั้น มีทั้งรูปพระเยซู, แม่พระ, นักบุญจอห์น บัปติสต์ และ นักบุญจอห์น คริสโซสตอม อยู่ร่วมกับภาษาอาหรับที่มีชื่อของพระอัลเลาะห์และท่านศาสดามุฮัมมัดด้วย

พูดถึงชื่อ “โซเฟีย” หลายคนคิดว่า ชื่อองค์อุปถัมภ์ของวิหารต้องเป็นนักบุญโซเฟียแน่ๆ แต่ความจริงแล้ว ไม่ใช่อย่างนั้น ชื่อ “ฮายา โซเฟีย” เป็นภาษากรีก แปลว่า “ปรีชาญาณศักดิ์สิทธิ์”  ต่างหาก อีกหนึ่งสิ่งที่หลายคนสงสัย ... “คอนสแตนติโนเปิ้ล” ตั้งอยู่ตรงไหน คำตอบคือคอนสแตนติโนเปิ้ลก็คืออิสตันบูลนั่นเอง คอนสแตนติโนเปิ้ลตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่า (OLD TOWN) ของอิสตันบูล


“กาลาเทีย” กับ “กาลาตาซาราย”

เขียนถึง “อังคารา” และ “อิสตันบูล” ผมอยากเล่าความเกี่ยวโยงของสองเมืองนี้เข้ากับนักบุญเปาโลสักหน่อย ผมเชื่อว่า หลายคนน่าจะเคยได้ยิน “จดหมายนักบุญเปาโลถึงชาวกาลาเทีย” จากการได้ไปเยือนตุรกีและตามรอยนักบุญเปาโลครั้งนี้ ผมค้นข้อมูลก่อนไปเที่ยวและพบว่า ปัจจุบัน กาลาเทียก็คืออังคารา เมืองหลวงของตุรกี ผมลองถามข้อมูลนี้กับไกด์ท้องถิ่นและเขายืนยันว่า ใช่ตามนั้นจริงๆ นอกจากนี้ ยังได้เกร็ดความรู้ว่า ชาวกาลาเทียบางส่วนได้อพยพมาอยู่ที่คอนสแตนติโนเปิ้ล (ปัจจุบันคืออิสตันบูล) หนึ่งในผลงานของชาวกาลาเทียยุคนี้คือสโมสรฟุตบอล “กาลาตาซาราย” ผมเชื่อว่า ผู้อ่านที่ติดตามฟุตบอลน่าจะคุ้นกับชื่อทีมนี้กันดี ... กาลาเทีย ในภาษาเติร์กคือ “กาลาตลาร์” (GALATLAR) นั่นจึงเป็นที่มาของทีมกาลาตาซาราย นั่นเอง


ครั้งหนึ่งในชีวิตกับ “บ้านแม่พระ”

ถัดจากอิสตันบูล ผมได้มาเยือนบ้านแม่พระที่เมืองเอเฟซุส (ภาษาไทยอ่าน “เอเฟซัส” แต่การออกเสียงที่ถูกต้องคือเอเฟซุส) บ้านหลังนี้ นักบุญจอห์น อัครสาวก ได้พาแม่พระหลบภัยจากการเบียดเบียนของพวกโรมันที่กรุงเยรูซาเล็มและหนีมาพักที่นี่ บ้านนี้สร้างด้วยหินทั้งหลัง ระยะทางจากเยรูซาเล็มมาเอเฟซุสค่อนข้างไกลพอสมควร (แต่ถ้าเครื่องบินจากอิสราเอลไปตุรกี ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง) คาดว่า แม่พระและนักบุญจอห์นน่าจะเดินทางมาด้วยเรือและเดินเท้าขึ้นเขามาสร้างบ้านหลังนี้

ตอนที่ผมยังไม่ค้นข้อมูลแบบจริงจัง ผมเคยได้ยินว่า แม่พระเสด็จขึ้นสวรรค์ ณ บ้านหลังนี้ แต่พอค้นข้อมูลแบบเจาะลึกแล้ว ปรากฏว่า ไม่ใช่แบบนั้น นักบุญจอห์นพาแม่พระมาหลบภัยที่บ้านหลังนี้ช่วงสั้นๆ จากนั้น ก็กลับไปอาศัยที่กรุงเยรูซาเล็มและแม่พระได้เสด็จขึ้นสวรรค์ที่เยรูซาเล็ม

หากจะพูดถึงการเสด็จขึ้นสวรรค์ของแม่พระ เป็นเรื่องยากที่จะชี้ชัดว่า แม่พระสิ้นพระชนม์ก่อนแล้วจึงเสด็จขึ้นสวรรค์ (ความเชื่อของออโธด็อกซ์) หรือยังไม่สิ้นพระชนม์แต่เสด็จขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณเลย (ความเชื่อคาทอลิก) กระนั้น ถ้าจะถามถึงสถานที่ที่แม่พระเสด็จขึ้นสวรรค์ล่ะก็ สถานที่นั้นตั้งอยู่บนภูเขามะกอก นอกตัวเมืองเยรูซาเล็ม ปัจจุบันสถานที่นี้เป็นโบสถ์อยู่ภายใต้การดูแลของพระศาสนจักรกรีกออโธด็อกซ์แห่งเยรูซาเล็ม (มีการขุดหลุมศพเพื่อพิสูจน์ ปรากฏว่า เป็นหลุมเปล่าๆ) 


ผมยืนหน้าบ้านแม่พระที่เอเฟซุส

ถ้วยกาลิซของ "บุญราศี จอห์น ปอล ที่ 2"

สายประคำของสมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16

นี่คือโลงศพของแม่พระที่ปรากฏว่า เปิดออกแล้ว มีแต่หลุมเปล่าๆ 
กลับมาต่อกันที่บ้านแม่พระที่เอเฟซุส นี่เป็นสถานที่ที่รัฐบาลตุรกีให้ความเคารพเป็นอย่างมาก หากใครได้มาเยือนจะพบว่า มีทหารถือปืนตรวจอยู่ตลอด ตอนแรก ผมสงสัยว่าทำไมต้องตรวจเข้ม ไกด์ท้องถิ่นซึ่งเป็นมุสลิมบอกผมว่า “นี่เป็นบ้านของแม่พระมารีอา (เขาให้เกียรติมากถึงกับใช้คำว่า MOTHER MARY) มารดาของพระเยซูซึ่งเป็นหนึ่งในศาสดาของอิสลาม ดังนั้น ชาวมุสลิมให้เกียรติท่านทั้งสองมากๆ บ้านแม่พระมารีอาเปรียบได้กับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ พวกเราให้ความเคารพด้วยการจัดการรักษาความปลอดภัยอย่างสมเกียรติ” (ถ้ามาเห็นกับตา จะพบว่า มีมุสลิมมาแสวงบุญที่บ้านแม่พระเป็นจำนวนมาก)

บ้านหลังนี้ ยังมีน้ำดื่มที่มาจากแหล่งน้ำโบราณจากศตวรรษที่ 1 ให้ดื่มและอาบ ผู้ป่วยหลายคนหายป่วยจากโรคร้ายหลังจากมาดื่มน้ำที่นี่ หลักฐานที่ปรากฏคือไม้เท้าและรถเข็นที่วางไว้ เพื่อเป็นหลักฐานให้เรามีความเชื่อ นอกจากนี้ พระสันตะปาปา 4 พระองค์เคยเสด็จมาเยือนบ้านหลังนี้ ได้แก่ สมเด็จพระสันตะปาปา เลโอ ที่ 13 (ค.ศ.1986), สมเด็จพระสันตะปาปา เปาโล ที่ 6 (วันที่ 26 กรกฏาคม ค.ศ.1967), สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 (วันที่ 30 พฤศจิกายน ค.ศ.1979 – มีถ้วยกาลิซที่พระสันตะปาปามอบให้เป็นที่ระลึก ตั้งแสดงข้างพระแท่นด้วย) และ สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 (วันที่ 29 พฤศจิกายน ค.ศ.2006 – มีสายประคำที่พระสันตะปาปามอบให้เป็นที่ระลึก ตั้งแสดงข้างพระแท่นเช่นกัน)


เอเฟซุส เมืองคริสตชนเข้มแข็งและรหัสลับคริสตชน

ผมมั่นใจว่า ทุกคนเคยได้ยิน “จดหมายจากนักบุญเปาโลถึงชาวเอเฟซัส” ในที่สุด ผมก็ได้มาเยือนเอเฟซุสของจริงเสียที หลังจากได้ยินชื่อนี้มาเกือบ 30 ปี

ผมยืนอยู่ที่เมืองเอเฟซุส

นี่คือ "รหัสลับ" คริสตชนยุคแรกเริ่ม

เอเฟซุสเป็นหนึ่งในเมืองโบราณที่มีความสำคัญทางคริสตศาสนา ชาวคริสต์ที่นี่มีความเข้มแข็งเป็นอย่างมาก ตรงประตูทางเข้าเมืองเอเฟซุส จะมีสัญลักษณ์โบราณตั้งแต่ศตวรรษที่ 1 อยู่ที่พื้น เป็นรูปวงกลมและกากบาทอยู่ในนั้น นี่เป็น “รหัสลับ” ของคริสตชนยุคแรกเริ่ม (ศตวรรษที่ 1-3 ยุคที่ศาสนาคริสต์ยังไม่เป็นศาสนาทางการของอาณาจักรโรมัน) สัญลักษณ์นี้เป็นภาษากรีกโบราณ ถอดรหัสได้ว่า “อิคโซส” (แปลว่า “เยซู”) คริสตชนยุคนั้นจะเขียนสัญลักษณ์นี้ที่พื้น เพื่อบอกผู้แพร่ธรรมว่า “เมืองนี้ มีคริสตชนอยู่นะ” ถ้าผู้แพร่ธรรมไปที่ไหนแล้วเจอสัญลักษณ์นี้ก็จะเข้าไปเยี่ยมกลุ่มคริสตชน แต่ชาวโรมันคิดว่า นี่เป็นสัญลักษณ์เทพสุริยะ เมื่อเห็นเข้า พวกเขาจะบูชา แต่ความจริงแล้ว คริสตชนเขียนเพื่อบอกพวกเดียวกันเอง คริสตชนต้องเขียนสัญลักษณ์นี้เพื่อสื่อสารกันแบบลับๆ เพราะถ้าเปิดเผยตัวเองว่าเป็นคริสตชน จะถูกพวกโรมันฆ่าทันที นอกจากนี้ ภายในเมืองเอเฟซุส ยังมีสถานที่ที่เป็นวัดของคริสตชนยุคแรกเริ่มด้วย โดยมีหินสมัยศตวรรษที่ 1-3 ตั้งตรงกลางเพื่อเป็นพระแท่นถวายมิสซา เรียกได้ว่า เป็นเมืองที่คุ้มค่าแก่การมาเยือนจริงๆ

... วันนี้ พื้นที่หมดเท่านี้ ใจจริง ผมอยากเขียนให้จบภายในตอนเดียว แต่เนื้อหาแบบละเอียดนั้นยาวมาก ติดตามอ่านตอนต่อไปได้ในสัปดาห์หน้าซึ่งจะเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับการไปเยือนเมือง “คอนย่า” เมืองที่นักบุญเปาโลและนักบุญบาร์นาบัสจะถูกเอาหินทุ่มใส่, เมือง “โคโลสี” เมืองที่นักบุญเปาโลเขียนจดหมายถึงคริสตชนที่นั่น, เมือง “ฮีเอราโปลิส” เมืองนี้มีกลุ่มคริสตชนที่เข้มแข็งตามที่นักบุญเปาโลระบุในจดหมายถึงชาวโคโลสี และเมือง “คัปปาโดเกีย” เมืองที่นักบุญเปาโลหนีมาหลบภัยในถ้ำ หลังจากถูกเนรเทศออกจากกรุงเยรูซาเล็ม เมืองนี้มีถ้ำเยอะมาก มีนักบุญชื่อดังพำนักในถ้ำที่เมืองนี้หลายองค์ อาทิ นักบุญบาซิล (พระศาสนจักรคาทอลิกกำหนดให้ระลึกถึงในวันที่ 2 มกราคมของทุกปี) ผมได้ลงไปในถ้ำที่ นักบุญเปาโล มาอาศัยด้วย จะเป็นอย่างไร ติดตามตอนหน้าครับ



AVE   MARIA


Comments