โป๊ปถวายมิสซาสุดท้ายในคิวบา พร้อมเรียกร้องเสรีภาพนับถือศาสนา

สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขพระศาสนจักรคาทอลิก ทรงเรียกร้องเสรีภาพแท้จริงของการนับถือศาสนาในประเทศคิวบา เช่นเดียวกับการเคารพสิทธิมนุษยชนในดินแดนแห่งนี้ ทรงชื่นชมมรดกตกทอดทางความเชื่อของ "คุณพ่อเฟลิกซ์ วาเรล่า" ผู้รับใช้ของพระเจ้าซึ่งสมัยมีชีวิตอุทิศตนอย่างจริงจังให้กับงานพัฒนาการศึกษาในคิวบา ตอนท้าย ทรงหวังเห็นชาวคิวบาไม่ปฏิเสธพระเยซูในการดำเนินชีวิต



เมื่อช่วงสายวันพุธที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงเป็นประธานในพิธีมิสซาซึ่งจัด ณ ปลาซ่า เด ลา เรโวลูซิออน กรุงฮาวาน่า ประเทศคิวบา ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมกว่า 600,000 คน โดยมิสซานี้ ราอูล คาสโตร ประธานาธิบดีคิวบาซึ่งประกาศตนเป็นคนไม่มีศาสนาและไม่เชื่อพระเจ้า ได้เดินทางมาร่วมพิธีด้วย ในส่วนใจความสำคัญของบทเทศน์ในมิสซา พระสันตะบิดรผู้ศักดิ์สิทธิ์ทรงย้ำถึงความสำคัญของเสรีภาพในการนับถือศาสนา พร้อมทั้งเตือนสติชาวคิวบา ดำเนินชีวิตบนหลักเหตุผลและความจริงตามหลักพระวรสาร ไม่ใช่ปฏิเสธความจริงแห่งพระวาจาของพระเจ้า

พระสันตะปาปาทรงเริ่มต้นบทเทศน์ ด้วยการตรัสถึงเสรีภาพในการนับถือศาสนาซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในคิวบามานานเกือบครึ่งศตวรรษ แม้ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา หลังจากการเสด็จเยือนของ "บุญราศี จอห์น ปอล ที่ 2" คิวบาได้ผ่อนปรนให้กับการนับถือศาสนา แต่ยังไม่ถือว่ามีเสรีภาพเท่าที่ควร ทุกอย่างยังต้องอยู่ใต้การควบคุมของรัฐบาล

ผู้นำชาวคาทอลิกทั่วโลก ตรัสกับสัตบุรุษกว่า 600,000 คนว่า "มันเป็นเรื่องน่ายินดีที่คิวบาได้ก้าวไปข้างหน้า เพื่อเปิดทางให้พระศาสนจักรได้มอบพันธกิจสำคัญเกี่ยวกับการประกาศความเชื่อแบบเปิดเผยและไม่ต้องหลบๆซ่อนๆ อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ต้องดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง และพ่อต้องการที่จะสนับสนุนบรรดาคณะรัฐบาลในการเสริมสร้างสิ่งเหล่านี้ ซึ่งมันได้บรรลุและก้าวไปบนหนทางแห่งการรับใช้ความดีเที่ยงแท้ของสังคมคิวบาทั้งมวล"

"เสรีภาพในการนับถือศาสนาแสดงให้เห็นถึงเอกภาพของตัวมนุษย์ ผู้ซึ่งเป็นทั้งพลเมืองและเป็นศาสนิกชน เสรีภาพนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าคุณความดีของผู้มีความเชื่อได้มีส่วนในการสร้างสรรค์สังคม การสนับสนุนเสรีภาพในการนับถือศาสนาได้หลอมรวมสังคมให้เป็นหนึ่ง มันหล่อเลี้ยงความหวังของโลก มันก่อให้เกิดเงื่อนไขที่เหมาะกับการพัฒนาสันติภาพและความเป็นหนึ่งเดียวกัน ขณะเดียวกัน มันยังก่อให้เกิดรากฐานอันแข็งแรงต่อสิทธิมนุษยชนของคนรุ่นต่อๆไป"

"จงอย่าลังเลที่จะติดตามพระเยซูคริสต์ ในพระองค์ เราได้พบกับความจริงเกี่ยวกับพระเจ้าและมนุษยชาติ พระองค์ทรงช่วยเรามีชัยเหนือความเห็นแก่ตัวของเรา พระองค์ทรงช่วยเราให้อยู่เหนือความมักใหญ่ใฝ่สูงและเอาชนะทุกสิ่งที่กดขี่ข่มเหงเรา" พระสันตะปาปา ตรัสย้ำ

จากนั้น พระสันตะปาปาผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเทวศาสตร์ที่เก่งสุดในพระศาสนจักคาทอลิกยุคนี้ ทรงหวังเห็นพระศาสนจักรคาทอลิกในคิวบาได้กลับมาทำงานด้านการศึกษาในคิวบาอีกครั้ง หลังจากถูกรัฐบาลคอมมิวนิสต์สั่งแช่แข็งเรื่องดังกล่าวมานานหลายสิบปี โดยพระองค์ทรงยกแบบอย่างของ "คุณพ่อเฟลิกซ์ วาเรล่า" สงฆ์คาทอลิกชาวคิวบาซึ่งตอนนี้ได้รับการเสนอชื่อให้พิจารณาเป็นบุญราศี (ปัจจุบัน อยู่สถานะผู้รับใช้ของพระเจ้า - Servant of God ซึ่งเป็นขั้นสุดท้ายก่อนจะได้เป็นบุญราศี)

พระสันตะปาปาตรัสว่า "คุณพ่อวาเรล่าได้มอบแนวทางสู่การเปลี่ยนแปลงสังคมที่แท้จริงให้กับเรา นั่นคือ การสร้างชายหญิงที่เปี่ยมด้วยศีลธรรมเพื่อให้พวกเขาหลอมรวมกันเป็นคนที่มีคุณค่าของประเทศ คิวบาและโลกต้องการการเปลี่ยนแปลง แต่สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ ถ้าเราแต่ละคนอยู่ในสถานะของการแสวงหาความจริงและเลือกเดินบนหนทางแห่งความรัก รวมถึงหว่านเมล็ดพันธุ์ของความให้อภัยกันและเป็นพี่น้องกัน"

ตอนท้าย พระสันตะปาปาทรงขอร้องชาวคิวบา อย่าทำตัวแบบ "ปอนซีโอ ปีลาโต" ผู้ปฏิเสธความจริงซึ่งก็คือพระเยซูคริสตเจ้า ด้วยการทำเป็นไม่สนใจพระองค์และเลือกจะเดินจากไป

"มีหลายคนชอบดำเนินชีวิตแบบทางลัด ด้วยการพยายามหลีกหนีหน้าที่แสวงหาความจริง อาทิ ปอนซีโอ ปีลาโต ที่ตั้งคำถามกับพระเยซูทั้งๆที่รู้ว่าเรื่องใดเป็นเรื่องจริง (รู้ว่าพระเยซูไม่ได้ผิดแบบที่ถูกกล่าวหา) ทัศนคติที่แสดงความสงสัยและปฏิเสธความจริงแบบนี้ ได้เปลี่ยนจิตใจของเขา มันทำให้เขากลายเป็นคนเฉยชา, โลเล, ทำตัวออกห่างจากผู้อื่น และเลือกอยู่คนเดียว คนที่ชอบดำเนินชีวิตสงสัยและปฏิเสธความจริง เหมือนอย่างผู้ว่าราชการโรมันคนนี้ ได้เลือกวิธีล้างมือในอ่างและปล่อยให้สายน้ำแห่งประวัติศาสตร์ไหลออกจนหมด โดยไม่สนใจว่ามันจะเป็นอย่างไร" พระสันตะปาปาตรัสในตอนท้าย

ประมวลภาพ: พระสันตะปาปาถวายมิสซา ณ ปลาซ่า เด ลา เรโวลูซิออน




Comments