โป๊ปชี้พระศาสนจักรเป็นสถาบันศีลธรรมไม่ใช่การเมือง

สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขพระศาสนจักรคาทอลิก ทรงชี้ พระศาสนจักรไม่ใช่สถาบันหรือพรรคการเมือง แต่สถาบันทางจิตวิญญาณและศีลธรรมที่สอนให้คนรู้จักแยกแยะดีชั่วออกจากกัน เฉพาะอย่างยิ่ง การช่วยมนุษย์ไม่ให้ตกเป็นทาสของเงินตราที่นับวันจะถูกบูชาดุจพระเจ้าเข้าไปทุกขณะ ทั้งนี้ ตามรายงานข่าวเมื่อวันศุกร์ที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา





ในระหว่างการประทับบนเครื่องบินพระที่นั่งเสด็จออกจากกรุงโรมมุ่งหน้าสู่เม็กซิโก สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ได้ประทานการสัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนในหลายประเด็น โดยพระสันตะปาปาผู้ทรงพระชนม์ 84 ชันษา และได้ถือไม้เท้าพยุงระหว่างเดินเป็นครั้งแรก ได้ตรัสกับผู้สื่อข่าวว่า "มันคือเรื่องน่ายินดียิ่งสำหรับพ่อ(ที่ได้เสด็จเยือนเม็กซิโกและคิวบา) นี่คือสิ่งตอบสนองความปรารถนาที่พ่อมีมาแสนนาน การได้มาเยือนเม็กซิโกและคิวบา ทำให้พ่อนึกถึงเนื้อหาของสังคยานาวาติกัน ครั้งที่ 2 ที่ว่า 'ชื่นชมยินดีและมีความหวัง ขณะเดียวกันยังเปี่ยมด้วยความปวดร้าวและอาลัยอาวรณ์' พ่ออยากแบ่งปันความชื่นชมยินดีและความหวัง แต่ในเวลาเดียวกัน พ่อก็อยากแบ่งปันความเศร้าโศกและอาลัยอาวรณ์ต่อสถานการณ์ยากลำบากของประเทศที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ พ่อกำลังไปยังประเทศที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้ เพื่อให้กำลังใจ, ปลอบประโลมพวกเขาด้วยความเชื่อ ความหวัง และความรัก, เพื่อปลุกจิตพวกเขาให้อุทิศตนต่อความดี และพยายามทุกวิถีทางเพื่อต่อต้านความชั่ว"

"โดยธรรมชาติแล้ว พระศาสนจักรต้องถามตัวเองเสมอว่า ตัวเราเองได้อุทิศตนเพื่อความยุติธรรมทางสังคมให้กับทวีปแห่งนี้ (ลาตินอเมริกา) หรือยัง เราต้องตระหนักเสมอว่า พระศาสนจักรคาทอลิกไม่ใช่สถาบันที่มีอำนาจทางการเมือง เราไม่ใช่พรรคการเมือง แต่พระศาสนจักรคือสถาบันทรงอำนาจทางศีลธรรม" ผู้นำชาวคาทอลิกทั่วโลก ตรัสอย่างหนักแน่น

จากนั้น ผู้สื่อข่าวได้ทูลถามพระสันตะปาปาเกี่ยวกับบทบาทของพระศาสนจักรคาทอลิกในการต่อสู้กับขบวนการค้ายาเสพติดและความรุนแรงอันเป็นผลจากยาเสพติด ซึ่งกำลังเป็นปัญหาร้ายแรงในเม็กซิโก พระสันตะปาปาตรัสตอบว่า "พวกเราทราบดีถึงความงดงามของเม็กซิโก รวมไปถึงปัญหาร้ายแรงของการค้ายาเสพติดและความรุนแรง มันเป็นความรับผิดชอบอย่างยิ่งสำหรับพระศาสนจักรคาทอลิกต่อประเทศที่ 80 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งประเทศเป็นชาวคาทอลิก เราต้องทำงานต่อสู้กับปีศาจซึ่งเป็นตัวทำลายมนุษย์ เฉพาะอย่างยิ่งเยาวชนของพวกเรา หน้าที่ประการแรกของพระศาสนจักรก็คือการประกาศพระเจ้าให้กับสังคม พระเจ้าผู้ทรงเป็นความยุติธรรม พระเจ้าผู้รักเรา ทรงรักเราด้วยการนำทางเราให้ทำความดีและหลีกหนีความชั่ว ดังนั้น ความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ของพระศาสนจักร ได้แก่ การสอนให้สังคมรู้จักแยกแยะความดีความชั่วออกจากกัน สอนให้ผู้คนมีความรับผิดชอบทางศีลธรรมและกระชากหน้ากากความชั่วร้ายออกมา สอนเพื่อกระชากหน้ากากการบูชาเงินตราซึ่งทำให้มนุษย์ต้องตกเป็นทาสของมัน"

ตอนท้าย ผู้สื่อข่าวได้ทูลถามพระสันตะปาปาเกี่ยวกับการเสด็จเยือนคิวบา ประเทศที่ปกครองด้วยระบอบสังคมนิยมมายาวนาน พระสันตะปาปาตรัสตอบว่า "พ่อยังจำได้ดีกับเหตุการณ์เมื่อ 14 ปีที่แล้วที่ สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 เสด็จเยือนคิวบาเพื่อเปิดประตูของความร่วมมือและการเสวนา การกระทำแบบนี้จำเป็นอย่างมากที่ต้องใช้ความอดทน แต่ทุกอย่างจะค่อยๆก้าวไปข้างหน้า มันชัดเจนแล้วว่า ปัจจุบัน แนวคิดแบบมาร์กซิสต์ไม่สามารถใช้ได้ในสังคมยุคนี้อีกต่อไป ฉะนั้น พระศาสนจักรต้องการช่วยให้ทุกฝ่ายเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณของการเสวนา เพื่อสรรสร้างสังคมที่เปี่ยมด้วยความยุติธรรม พระศาสนจักรคาทอลิกยืนเคียงข้างเสรีภาพ, การแยกแยกความดีความชั่ว และศาสนาอยู่เสมอ"

ทั้งนี้ การเสด็จเยือนเม็กซิโกและคิวบา ระหว่างวันที่ 23-28 มีนาคม 2012 ถือเป็นการเสด็จเยือนต่างประเทศครั้งที่ 23 ในสมณสมัยของสมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 โดยพระองค์จะใช้เวลาเดินทางจากกรุงโรมไปยังเม็กซิโก 14 ชั่วโมง ส่วนขากลับ พระองค์จะใช้เวลาเดินทางจากคิวบาสู่กรุงโรม 10 ชั่วโมง


ประมวลภาพ: พระสันตะปาปาประทับเครื่องบินมุ่งหน้าสู่เม็กซิโก

ประมวลภาพ: พระสันตะปาปาประทานการสัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนบนเครื่องบิน

Comments