ฟาติมาสาร - แม่พระประจักษ์ที่พระศาสนจักรรับรอง (ตอน 2) 5 ก.พ. 2012

สัปดาห์ที่แล้ว ผมเขียนเรื่องแม่พระประจักษ์ พระศาสนจักรรับรอง ไปแล้ว 8 แห่ง แบ่งเป็น 5 แห่งในยุคที่สมณกระทรวงหลักความเชื่อยังไม่ถูกสถาปนาขึ้น (ยุคก่อน ค.ศ.1542) และอีก 3 แห่งในยุคที่สมณกระทรวงหลักความเชื่อได้รับการสถาปนา (ค.ศ.1542-ปัจจุบัน) มาวันนี้ เราจะมาต่อกันให้จบครบทุกเหตุการณ์ที่พระศาสนจักรคาทอลิกรับรองครับ   ...

รายชื่อแม่พระประจักษ์ที่วาติกันรับรอง (ต่อ) ...


แม่พระแห่ง ลา ซาเล็ตต้า

4) แม่พระแห่งลา ซาเล็ตเต้ – การประจักษ์นี้ เกิดในวันที่ 19 กันยายน ค.ศ.1846 ณ หมู่บ้านบนหุบเขาลา ซาเล็ตเต้ ใกล้เมืองเกรอน็อบล์ ประเทศฝรั่งเศส แม่พระประจักษ์มาหาเด็กเลี้ยงแกะ 2 คน ได้แก่ “เมลานี่ย์ กาลเวต์” และ “มักซิแม็ง ชีโรด์” รายละเอียดในการประจักษ์นี้ แม่พระทรงร้องไห้และกล่าวกับเด็กทั้งสองว่า “คนสมัยนี้ไม่มีเวลาให้พระเจ้าเลย พระเจ้าทรงให้มนุษย์ทำงาน 6 วันและขอวันอาทิตย์ให้เป็นวันของพระเจ้า แต่มนุษย์ไม่ฟัง พอการเก็บเกี่ยวผลผลิตไม่เกิดผล มนุษย์ก็ด่าว่าพระเจ้า ดังนั้น สิ่งที่จะเกิดต่อไปจนถึงวันคริสต์มาสในปีนี้ มนุษย์จะเผชิญกับภาวะอดอยากรุนแรง โรคระบาดจะกระจายไปทั่วยุโรป คนนับล้านจะเสียชีวิต ส่วนคนฝรั่งเศสจะตาย 1 แสนคน ฉะนั้น ถ้าบ้านของพวกหนูมีเมล็ดข้าวสาลี จงอย่าหว่านมันลงบนดิน เพราะแมลงจะทำลายเมล็ดพันธุ์เหล่านั้น”  

4 เดือนหลังจากการประจักษ์ของแม่พระ ปรากฏว่า ฝรั่งเศสและชาติยุโรปเผชิญภาวะอดอยากและโรคระบาดตามที่แม่พระบอกไว้จริงๆ “เลอ ฟิกาโร” หนังสือพิมพ์ฉบับเก่าแก่ของฝรั่งเศส ซึ่งวางแผงในวันที่ 29 ธันวาคม ค.ศ.1846 รายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตจากภาวะอดอยากและโรคระบาดในยุโรปไว้ที่ 1.5 ล้านคน ในจำนวนนี้ เป็นชาวฝรั่งเศส 152,000 คน ตัวเลขเหล่านี้ตรงตามที่แม่พระบอกไว้ทุกประการ ... ตอนแรกที่เด็ก 2 คนนี้นำเรื่องแม่พระประจักษ์ไปบอกพระสังฆราช ทั้งสองถูกหาว่าบ้า (ตามสูตรพระสังฆราชที่มองเด็กเลี้ยงแกะเป็นพวกไร้การศึกษา) แต่หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นตรงตามที่เด็กเคยพูดไว้ พระสังฆราชยอมรับฟังและส่งเรื่องให้วาติกันศึกษา ก่อนที่ สมเด็จพระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 9 จะประกาศรับรองอย่างเป็นทางการในเดือนสิงหาคม ค.ศ.1848


แม่พระแห่งลูร์ด

5) แม่พระแห่งลูร์ด – การประจักษ์ครั้งนี้คงไม่ต้องแนะนำให้ยืดยาว เพราะคนไทยคงรู้เรื่องราวกันดีอยู่แล้ว แม่พระมาประจักษ์ที่ลูร์ด ประเทศฝรั่งเศส ทั้งหมด 18 ครั้ง โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ – 16 กรกฏาคม ค.ศ.1858 แม่พระประจักษ์มาหา “นักบุญแบร์นาแด็ต ซูบิรูส์” เด็กเลี้ยงแกะผู้ไร้เดียงสา ในส่วนรายละเอียดของการประจักษ์ แม่พระขอให้สวดภาวนาเพื่อคนบาปจำนวนมาก (การประจักษ์ครั้งที่ 6), แม่พระบอกความลับ 3 ข้อ และสั่งแบร์นาแด็ตว่า “ห้ามบอกความลับนี้ไปตลอดชีวิต” (การประจักษ์ครั้งที่ 7), แม่พระบอกแบร์นาแด๊ตให้ไปแจ้งคุณพ่อเจ้าวัดว่า ให้สร้างวัด ณ จุดที่แม่พระประจักษ์ แต่คุณพ่อเจ้าวัด ปฏิเสธพร้อมท้าว่า ถ้าแม่พระขอจริงๆ ต้องทำอัศจรรย์ให้ดอกกุหลาบออกดอกในเดือนมีนาคมซึ่งเป็นหน้าหนาว แต่แม่พระยิ้มรับและบอกแบร์นาแด๊ตว่า “อัศจรรย์เป็นสิ่งที่พระเจ้าจะกระทำเมื่อเห็นสมควร ไม่ใช่ทำตามคำท้าทายของมนุษย์” (การประจักษ์ครั้งที่ 14), แม่พระบอกกับแบร์นาแด๊ตว่า “เราคือผู้ปฏิสนธินิรมล” นับเป็นการประกาศให้ทราบว่า นี่คือแม่พระประจักษ์ (การประจักษ์ครั้งที่ 16)
จากนั้น ค.ศ.1859 พระศาสนจักรเริ่มทำการศึกษาการประจักษ์นี้ ค.ศ.1862 สมเด็จพระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 9 ประกาศรับรองแม่พระประจักษ์ที่ลูร์ดอย่างเป็นทางการ (พระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 9 ประกาศรับรองแม่พระประจักษ์ 2 แห่ง ได้แก่ ลา ซาเล็ตเต้ และ ลูร์ด) 


แม่พระแห่งปงแมงต์

6) แม่พระแห่งปงแมงต์ – แม่พระประจักษ์มาบนท้องฟ้า ณ ตำบลปงแมงต์ สังฆมณฑลลาวัล ประเทศฝรั่งเศส ในค่ำคืนวันที่ 17 มกราคม ค.ศ.1871 แม่พระประจักษ์มาหาเด็ก 4 คนในครอบครัวบาร์กเบเด็ตเต้ แม่พระประจักษ์มาเพื่อแจ้งว่า “จงสวดให้มากๆ พระเจ้าจะอภัยโทษบาปให้ในเวลาอีกไม่นานนับจากนี้” (ค.ศ.1870 ฝรั่งเศสกำลังทำสงครามกับ “ปรัสเซีย” ซึ่งเป็นอาณาจักรเยอรมันโบราณ ... สงครามสิ้นสุดวันที่ 10 พฤษภาคม 1871 หลังจากแม่พระประจักษ์ไม่กี่เดือน) สำหรับการประจักษ์ครั้งนี้ แม่พระใส่อาภรณ์สีน้ำเงินและถือไม้กางเขนสีแดงสดราวกับเลือดอยู่ในอ้อมอก บนกางเขนนั้น เขียนว่า “เยซูคริสต์” .... การประจักษ์ที่ปงแมงต์ ไม่ได้รับการต่อต้านหรือสงสัยจากบรรดาพระสังฆราชและพระสงฆ์ ตรงกันข้าม ทุกฝ่ายมั่นใจว่านี่เป็นความจริงแท้อย่างแน่นอน ที่สุดแล้ว สมเด็จพระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 12 ทรงประกาศรับรองการแม่พระประจักษ์ที่ปงแมงต์อย่างเป็นทางการในวันที่ 16 กรกฏาคม ค.ศ.1932 


แม่พระแห่งฟาติมา

7) แม่พระแห่งฟาติมา – เหตุการณ์นี้ เกิดระหว่างวันที่ 13 พฤษภาคม – 13 ตุลาคม ค.ศ.1917 (รวมการประจักษ์ทั้งหมด 6 ครั้ง) ... นี่เป็นอีกหนึ่งการประจักษที่ผมไม่ต้องบรรยายให้มาก เพราะสัตบุรุษวัดแม่พระฟาติมาน่าจะทราบประวัติกันดีอยู่แล้ว นอกจากนี้ ผมเคยเขียนเรื่องราวการประจักษ์ที่ฟาติมาแบบละเอียดไปแล้วหลายครั้ง เฉพาะอย่างยิ่งตอนลงทำข่าวภาคสนามตะลุยฟาติมาแบบเจาะลึก ... เอาเป็นว่า นี่เป็นการประจักษ์ของแม่พระในยุคศตวรรษที่ 20 ซึ่งใกล้ตัวเรามากที่สุด นอกจากนี้ พระสันตะปาปายุคใหม่ถึง 5 องค์ ได้แก่ สมเด็จพระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 12, สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ที่ 23, สมเด็จพระสันตะปาปา เปาโล ที่ 6, สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 และ สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ต่างประกาศอุทิศตนให้กับแม่พระฟาติมาทั้งนั้น     


แม่พระแห่งโบแร็ง

8) แม่พระแห่งโบแร็ง – เหตุการณ์นี้เกิดที่เมืองโบแรง ประเทศเบลเยียม ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน ค.ศ.1932 – 3 มกราคม ค.ศ.1933 รวมการประจักษ์ทั้งหมด 33 ครั้ง แม่พระประจักษ์มาหาเด็ก 5 คน ซึ่งมีอายุระหว่าง 9-15 ปี ในส่วนสารของการประจักษ์ แม่พระได้บอกกับเด็กทั้ง 5 คนว่า “เราคือผู้ปฏิสนธินิรมล เราขอให้ลูกๆสวดภาวนาให้มากๆ เพื่อคนบาปจะได้กลับใจ” นอกจากนี้ การประจักษ์ในวันที่ 29 ธันวาคม ค.ศ.1932 แม่พระได้แสดงให้เด็กๆเห็นถึง “หัวใจสีทอง” ซึ่งส่องสว่างต่อหน้าพวกเขา ที่สุดแล้ว การประจักษ์ครั้งนี้เหมือนกับที่ปงแมงต์ นั่นคือ พระสังฆราชประกาศรับรองโดยไม่มีท่าทีสงสัยแม้แต่น้อย ที่สุดแล้ว วันที่ 2 กรกฏาคม ค.ศ.1949 วาติกันได้ประกาศรับรองการประจักษ์ที่โบแร็งอย่างเป็นทางการ


แม่พระแห่งบ็องโนซ์


คุณยายมารีเอ็ตเต้ เบโก้ ผู้เห็นแม่พระประจักษ์ที่บ็องโนซ์

9) แม่พระแห่งบ็องโนซ์ – แม่พระประจักษ์มาที่หมู่บ้านบ็องโนซ์ เมืองลีแอช ประเทศเบลเยี่ยม ระหว่างวันที่ 15 มกราคม – 2 มีนาคม ค.ศ.1933 รวมการประจักษ์ทั้งหมด 8 ครั้ง โดยแม่พระประจักษ์มาหา “มารีเอ็ตเต้ เบโก้” เด็กน้อยวัย 12 ปี แม่พระกล่าวกับมารีเอ็ตเต้ว่า “เราคือพรหมจารีย์แห่งผู้ยากไร้ เรามาเพื่อบรรเทาความทุกข์ยากต่างๆ” นอกจากนี้ แม่พระยังชี้ให้มารีเอ็ตเต้ ดื่มน้ำจากธารน้ำใกล้ๆที่ประจักษ์ โดยแม่พระบอกว่า “นี่จะเป็นน้ำดื่มที่ใช้รักษาโรคภัยไข้เจ็บสำหรับมนุษย์ทุกชาติ” นับตั้งแต่นั้นมา มีผู้แสวงบุญจำนวนมากเดินทางมาที่นี่ และหลายคนได้หายจากโรคผ่านทางการสวดภาวนาและดื่มน้ำพุตรงจุดนั้น ทั้งนี้ มารีเอ็ตเต้ เบโก้ เพิ่งสิ้นใจไปเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ค.ศ.2011 ด้วยวัย 90 ปี (เดือนที่แล้วนี่เอง) ก่อนคุณยายมารีเอ็ตเต้ จะสิ้นใจ ท่านกล่าวว่า “ฉันเป็นเหมือนบุรุษไปรษณีย์ เมื่อจดหมายถูกส่งถึงมือผู้รับแล้ว ฉันก็หมดหน้าที่แล้ว”


แม่พระแห่งอากิตะ

10) แม่พระแห่งอากิตะ – อีกหนึ่งการประจักษ์ที่แฝงด้วยความหมายอันน่าคิดในศตวรรษที่ 21 แม่พระประจักษ์มาหา “ซิสเตอร์อักแนส คัตซึโกะ ซาซากาวะ” ที่เมืองอากิตะ ประเทศญี่ปุ่นในค.ศ.1973 สารของการประจักษ์ครั้งนี้ แม่พระกล่าวว่า “ถ้ามนุษย์ไม่กลับใจและปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น พระบิดาจะลงโทษอย่างหนักต่อมนุษยชาติ มันจะเป็นการลงโทษที่รุนแรงกว่าการเกิดอุทกภัย ซึ่งไม่เคยพบเห็นมาก่อน ... ลูกไฟจะหล่นจากฟากฟ้าและทำลายล้างมนุษยชาติจำนวนมาก ผลงานของปีศาจจะแทรกซึมเข้าไปในพระศาสนจักร เราจะได้เห็นปีศาจในรูปแบบของพระคาร์ดินัลขัดแย้งกันและพระสังฆราชเกลียดชังกัน โบสถ์และพระแท่นจะถูกทำลาย ปีศาจจะล่อลวงพระสงฆ์และผู้มีวิญญาณบริสุทธิ์ให้ถอยห่างจากการรับใช้พระเจ้า ดังนั้น แม่ขอให้ลูกสวดสายประคำทุกวัน จงสวดให้พระสันตะปาปา พระสังฆราช และพระสงฆ์ จงสวดสายประคำให้มากๆ เรา(แม่พระ)ผู้เดียวเท่านั้นที่จะช่วยปกป้องพวกลูกให้พ้นจากเหตุการณ์เหล่านี้ได้” (2 ปีหลังการประจักษ์ รูปปั้นแม่พระที่อยู่ในวัดน้อยซึ่งซิสเตอร์อักแนสได้พบแม่พระ ก็มีเลือดไหลออกมาทางดวงตา เหตุการณ์แม่พระร้องไห้เป็นเลือด เกิดทั้งหมด 5 ครั้ง และทุกครั้งมีสัตบุรุษเป็นประจักษ์พยานตลอดเวลา) ที่สุดแล้ว ค.ศ.1988 วาติกันได้ส่งคณะกรรมการเข้ามาตรวจสอบ ก่อนที่ “พระคาร์ดินัล โยเซฟ รัตซิงเกอร์” (พระสันตะปาปาองค์ปัจจุบัน) ซึ่งตอนนั้นดำรงตำแหน่งประธานสมณกระทรวงหลักความเชื่อ ได้ประกาศรับรองอย่างเป็นทางการว่า เหตุการณ์ที่อากิตะเป็นเรื่องควรค่าแก่การเชื่อ นอกจากนี้ ทีมแพทย์วาติกันยืนยันว่า เลือดที่ไหลออกจากดวงตาของรูปปั้นแม่พระเป็นเลือดมนุษย์จริงๆ

ในส่วนสารแม่พระ มีการเชื่อมโยงเข้ากับเหตุการณ์เดือนมีนาคม 2011 สึนามิซึ่งถล่มเมืองเซนได (ใกล้กับเมืองอากิตะ) ในสารนั้น แม่พระพูดว่า “พระคาร์ดินัลขัดแย้งกันและพระสังฆราชเกลียดชังกัน” ช่วงดังกล่าว สภาพระสังฆราชคาทอลิกญี่ปุ่นได้สั่ง “กลุ่มวิถีคริสตชน” (NEOCATECHUMENAL WAY) ยุติการแพร่ธรรมและเก็ของออกจากญี่ปุ่นภายใน 5 ปี บรรดาพระสังฆราชญี่ปุ่นบอกว่ากลุ่มวิถีคริสตชนซึ่งเป็นกลุ่มแพร่ธรรมจากสเปน ได้สร้างความแตกแยกในหมู่คริสตังญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก (อย่างไรก็ตาม เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว วาติกันได้ประกาศรับรองสถานะกลุ่มวิถีคริสตชนอย่างเป็นทางการ โดยพระสันตะปาปาทรงลงมาประกาศเรื่องนี้ด้วยพระองค์เอง) ส่วนประโยคที่แม่พระบอกว่า “พระบิดาจะลงโทษอย่างหนักต่อมนุษยชาติ มันจะเป็นการลงโทษที่รุนแรงกว่าการเกิดอุทกภัย ซึ่งไม่เคยพบเห็นมาก่อน” หลายคนพยายามตีความว่าเป็น “สึนามิ” อันนี้ ก็น่าจะเป็นไปได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน 

ทั้งหมดก็เป็นการประจักษ์ของแม่พระที่วาติกันประกาศรับรองอย่างเป็นทางการ ในส่วนของแม่พระประจักษ์แต่วาติกันยังไม่รับรอง มีเพียงสังฆมณฑลท้องถิ่นรับรองนั้น มี 3 กรณีทั่วโลก ได้แก่ 1) แม่พระแห่งคิเบโอ ประเทศรวันดา (ค.ศ.1981), 2) แม่พระแห่งความสำเร็จงดงาม (OUR LADY OF GOOD SUCCESS) ประจักษ์ที่กรุงควิโต้ ประเทศเอกวาดอร์ ในค.ศ.1594 และ 3) แม่พระแห่งโรบินสันวิลล์ เมืองกรีนเบย์ รัฐวิสคอนซิน ประเทศสหรัฐอเมริกา (ค.ศ.1859) 


แม่พระแห่งเม็ดซูร์กอเยร์ ประเทศบอสเนีย

มหา่วิหารแม่พระแห่งอปาเรชิด้า บราซิล สักการะสถานแม่พระที่มีคนมาแสวงบุญมากสุดในโลก

อย่างไรก็ตาม ยังมีการประจักษ์อีกหลายแห่งที่พระศาสนจักรยังไม่รับรอง อาทิ แม่พระแห่งเม็ดซูร์กอเยร์ ประเทศบอสเนีย (อันนี้ ดังมากๆ มีผู้แสวงบุญไปเยือนปีละ 2 ล้านคน), แม่พระแห่งอปาเรชิด้า เมืองเซา เปาโล ประเทศบราซิล (อันนี้ก็ดังสุดๆ เพราะเป็นสักการะสถานแม่พระที่มีคนไปแสวงบุญมากสุดในโลกถึงปีละ 6 ล้านคน), แม่พระแห่งกัวเดีย เมืองเจนัว ประเทศอิตาลี, แม่พระแห่งลาวาง ประเทศเวียดนาม, แม่พระแห่งคาซาน ประเทศรัสเชีย และ แม่พระแห่งเช่อชาน เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน

ในมุมมองของผม แม้การประจักษ์ของแม่พระตามสถานที่เหล่านี้จะยังไม่ถูกประกาศรับรองอย่างเป็นทางการ แต่อย่างมันก็ไม่สามารถหยุดยั้งความศรัทธาที่สัตบุรุษมีต่อพระเจ้าและแม่พระได้ ทุกการประจักษ์ของแม่พระ มีแต่สอนให้เราทำความดี สวดภาวนา และกลับใจใช้โทษบาป ดังนั้น สาระสำคัญของการประจักษ์แต่ละครั้ง ไม่มีอะไรหนีไปจากนี้แน่นอน


AVE   MARIA


Comments