ฟาติมาสาร - “จากโป๊ปถึงคนไทย” & “คาร์ดินัลใหม่ 2012” (1 ม.ค. 2012)

วันคริสต์มาสที่ผ่านมา หากใครติดตามการถ่ายทอดสดการประทานพร “อูร์บิ เอ็ด ออร์บิ” (URBI ET ORBI – แด่โรมและโลก) ผ่านทางเว็บไซต์โป๊ปรีพอร์ทดอทคอม น่าจะได้เห็นและได้ยินพระสันตะปาปาตรัสอวยพรคริสต์มาสเป็นภาษาไทยว่า “สุขสันต์วันคริสตสมภพแด่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกคน”




อย่างไรก็ตาม ไฮไลท์ของการประทานพรคริสต์มาสไม่ได้อยู่แค่พระสันตะปาปาตรัสเป็นภาษาไทยเท่านั้น เพราะมันยังอยู่ที่การตรัสแบ่งปันมุมมองพระสันตะปาปาที่มีต่อสถานการณ์โลกในรอบปี 2011 พระดำรัสที่ว่านี้ พระสันตะปาปาจะตรัสก่อนจะอวยพรเป็นภาษาต่างๆ โดยพระองค์ตรัสถึง “ประเทศไทย” แบบเน้นๆว่า “ในปี 2011 เป็นปีที่เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติรุนแรงมากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เฉพาะอย่างยิ่ง ประเทศไทยและฟิลิปปินส์ ประชาชนจำนวนมากต้องเผชิญภาวะน้ำท่วมครั้งร้ายแรง ขอพระกุมารนำการเยียวรักษาจิตใจมาสู่พวกเขา” (น่าเสียดายที่สื่อมวลชนไทยทุกสำนัก รายงานแค่ว่า พระสันตะปาปาออกมาตรัสอวยพรคริสต์มาส แต่ไม่ได้สนใจว่า พระองค์ตรัสอะไรบ้าง ถ้าใส่ใจนิดนึง พวกเขาจะเล่นประเด็นข่าวได้มากกว่านี้ เนื่องจากพระสันตะปาปากล่าวถึงคนไทยแบบเต็มๆ)

ในมุมมองของผม ปี 2011 ที่ผ่านไปนั้น เป็นปีที่พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงมีความใกล้ชิดประเทศไทยมากขึ้นเรื่อยๆ ปีที่ผ่านมา พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ตรัสถึงประเทศไทย 3 ครั้ง ... ครั้งแรก วันที่ 30 ต.ค. ในการสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว โดยทรงแสดงความเป็นทุกข์และเสียใจที่ทราบข่าวประเทศไทยประสบภาวะอุทกภัยครั้งใหญ่, ครั้งที่สอง วันที่ 9 พ.ย. พระองค์ตรัสในการเข้าเฝ้าทั่วไป โดยทรงแสดงความหวังว่า วิกฤติน้ำท่วมจะผ่านพ้นโดยเร็ว, ครั้งที่สาม วันที่ 25 ธ.ค. พระสันตะปาปาตรัสในการประทานพรแด่โรมและโลก นอกจากนี้ ในวันที่ 5 ธ.ค. สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงส่งพระราชสาส์นถวายพระพรชัยมายังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรวาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาด้วย ... ในมุมมองของผม แม้ พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ ที่ 16 ยังไม่เคยมาเมืองไทย แต่คริสตังไทยมั่นใจได้เลยว่า พระองค์คิดถึงและเป็นห่วงคนไทยจากใจจริง ...

จบจากเรื่องพระสันตะปาปาถึงคนไทย เรามาต่อด้วยเรื่องที่นักข่าวสายวาติกันกำลังให้ความสนใจกันอย่างมาก นั่นคือ ตอนนี้ มีข่าวหลุดรอดจากวงในวาติกันมาว่า พระสันตะปาปาเตรียมจะสถาปนาพระคาร์ดินัลใหม่ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2012 การสถาปนาพระคาร์ดินัลในรอบนี้ ค่อนข้างสำคัญต่ออนาคตพระศาสนจักร เพราะถ้านับพระคาร์ดินัลที่ได้รับการสถาปนาใหม่เข้าไปด้วย จะหมายความว่า ในการเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ต่อไป (คอนเคล็ฟ) พระคาร์ดินัลประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ที่จะเข้าร่วมการเลือกตั้ง จะเป็นพระคาร์ดินัลที่ได้รับการแต่งตั้งในสมณสมัยของพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ ที่ 16 ส่วนอีก 30 เปอร์เซ็นต์ เป็นพระคาร์ดินัลที่ได้รับแต่งตั้งจากยุคพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 

นี่จะเป็นครั้งที่ 4 ที่พระสันตะปาปาเบเนดิกต์จะสถาปนาพระคาร์ดินัลในสมณสมัยของพระองค์ 3 ครั้งที่ผ่านมา เกิดขึ้นในวันที่ 24 มีนาคม 2006, 24 พฤศจิกายน 2007 และ 20 พฤศจิกายน 2010 กระนั้นก็ดี ในการสถาปนาพระคาร์ดินัลใหม่รอบนี้ พระสันตะปาปายังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ เพราะตามธรรมเนียมปฏิบัติแล้ว พระสันตะปาปาจะประกาศล่วงหน้า 1 เดือน และต้องประกาศหลังจากการเข้าเฝ้าทั่วไปจบลงเท่านั้น (การเข้าเฝ้าทั่วไป จะจัดทุกวันพุธ ... ถ้าข่าวจากวงในวาติกันถูกต้อง พิธีสถาปนาพระคาร์ดินัลใหม่จะมีขึ้นวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2012 หมายความว่า พระสันตะปาปาจะประกาศให้สัตบุรุษทราบอย่างเป็นทางการ หลังจากการเข้าเฝ้าทั่วไปในวันพุธที่ 18 มกราคม 2012 จบลงนั่นเอง)

นับตั้งแต่ได้รับเลือกให้ปกครองพระศาสนจักรคาทอลิก พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงสถาปนาพระคาร์ดินัลไปแล้ว 62 องค์ ในจำนวนนี้ 57 องค์ ยังคงมีชีวิตอยู่ แต่มีเพียง 46 องค์เท่านั้นที่อายุต่ำกว่า 80 ปี ซึ่งยังมีสิทธิ์เข้าร่วมการเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ต่อไป (พระคาร์ดินัลที่อายุเกิน 80 ปี จะหมดสิทธิ์เข้าร่วมการเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ต่อไป ... หมายความว่า พระคาร์ดินัล มีชัย กิจบุญชู ก็หมดสิทธิ์เข้าร่วมการเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ต่อไปแน่นอน)

เขียนถึงจำนวนพระคาร์ดินัลแล้ว เชื่อว่า หลายท่านคงอยากทราบว่า ณ ตอนนี้ พระศาสนจักรคาทอลิกมีพระคาร์ดินัลทั้งหมดกี่องค์ ผมไปค้นมาให้แล้ว ตอนนี้ เรามีพระคาร์ดินัลทั้งหมด 192 องค์ ในจำนวนนี้ 109 องค์ อายุต่ำกว่า 80 ปี แต่ตัวเลข 109 กำลังจะลดลงเหลือ 107 ในอีกไม่กี่วันนี้ เพราะ “พระคาร์ดินัล โชเซ่ ซาไรว่า มาร์ตินส์” อดีตประธานสมณกระทรวงประกาศการเป็นนักบุญ กำลังจะอายุครบ 80 ปีในวันที่ 6 ม.ค. และ “พระคาร์ดินัล โยเซฟ เซน” อดีตประมุขอัครสังฆมณฑลฮ่องกง จะครบ 80 ปีในวันที่ 13 ม.ค.

ถ้าพระคาร์ดินัลที่มีสิทธิ์เลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ใหม่ เหลือแค่ 107 องค์ เท่ากับว่า ปีนี้ พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ น่าจะสถาปนาพระคาร์ดินัลใหม่อย่างน้อยๆ 13 องค์ เพราะตามกฏที่ สมเด็จพระสันตะปาปา เปาโล ที่ 6 ประกาศในค.ศ.1973 ว่า “พระคาร์ดินัลที่จะร่วมการเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ใหม่ ต้องมีจำนวนไม่เกิน 120 องค์” ... ที่ผมบอกว่า “อย่างน้อย 13 องค์” เพราะระหว่างเดือนมกราคม – มิถุนายน 2012 จะมีพระคาร์ดินัลอีกหลายองค์ อายุครบ 80 ปี พระสันตะปาปาจึงอาจจะสถาปนาให้เกินโควต้า 3-5 องค์ไปก่อน เพื่อให้ครอบคลุมผู้ที่กำลังจะอายุครบ 80 ปี

ทีนี้ มาดูในส่วนของ “ว่าที่พระคาร์ดินัล” กันบ้าง พวกที่จะได้รับสมณศักดิ์ “เจ้าชายแห่งพระศาสนจักร” (PRINCE OF THE CHURCH) แบบแน่ๆ ได้แก่พวกที่ปฏิบัติงานในตำแหน่งสำคัญๆในวาติกัน อาทิ พระอัครสังฆราช แฟร์นานโด ฟิโลนี่ ประธานสมณกระทรวงประกาศพระวรสารสู่ปวงชน (โปรปากันดา ฟีเด), พระอัครสังฆราช โดเมนิโก คาลคัจโน่, พระอัครสังฆราช จูเซ็ปเป้ แวร์ซัลดี้ ประธานสำนักเศรษฐกิจการคลังสันตะสำนัก, พระอัครสังฆราช จูเซ็ปเป้ แบร์เตลโล่, พระอัครสังฆราช เจา บราซ เด อาวิซ, พระอัครสังฆราช เอ็ดวิน โอไบรอัน, พระอัครสังฆราช ซานโตส อาบริล คาสเตลโญ่, พระอัครสังฆราช ริโน่ ฟิชิเชลล่า ประธานสมณสภาประกาศพระวรสารใหม่

ส่วนพวกที่ปฏิบัติหน้าที่ประมุขอัครสังฆมณฑลต่างๆและมีสิทธิ์ได้รับ “หมวกแดง” ก็มีหลายองค์ แต่ธรรมเนียมปฏิบัติที่ต้องเคารพคือพระสันตะปาปาจะไม่สถาปนาพระคาร์ดินัลใหม่ที่เป็นผู้ปกครองอัครสังฆมณฑล จนกว่าพระคาร์ดินัลองค์เก่า จะอายุเกิน 80 ปี (พูดง่ายๆก็คือ ถ้าอัครสังฆมณฑลนั้น มีพระคาร์ดินัลปลดเกษียณ แต่พระคาร์ดินัลองค์ดังกล่าว อายุไม่ถึง 80 ปี พระสันตะปาปาก็จะไม่สถาปนาพระคาร์ดินัลองค์ใหม่ แต่ถ้าพระคาร์ดินัลเกษียณอายุองค์นั้น อายุครบ 80 ปี พระสันตะปาปาจะเริ่มพิจารณาว่า พระอัครสังฆราชที่รับช่วงต่อในการปกครองอัครสังฆมณฑล เหมาะสมจะได้รับสมณศักดิ์พระคาร์ดินัลหรือยัง ... อัครสังฆมณฑลกรุงเทพ อยู่ในเคสนี้)  

ในเคสอัครสังฆมณฑลท้องถิ่นที่ผู้ปกครองมีสิทธิ์จะได้รับสมณศักดิ์เจ้าชายพระศาสนจักร ได้แก่ พระอัครสังฆราชของอัครสังฆมณฑลเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี, อัครสังฆมณฑลปราก สาธารณรัฐเช็ก, อัครสังฆมณฑลโตรอนโต้ ประเทศแคนาดา, อัครสังฆมณฑลฟลอเร็นซ์ ประเทศอิตาลี, อัครสังฆมณฑลควิเบก ประเทศแคนาดา, อัครสังฆมณฑลอูเทร็ค ประเทศเนเธอร์แลนด์, อัครสังฆมณฑลฮ่องกง, พระอัครสังฆราชของคริสตังจารีตมาโรไนต์ ประเทศเลบานอน และ พระอัครสังฆราชผู้นำคริสตังจารีตซีโร-มาลาบาร์ส ประเทศอินเดีย

ส่วนพระอัครสังฆราชผู้ปกครองอัครสังฆมณฑลใหญ่ๆ ที่ “ต้องรอ” โอกาสได้รับสมณศักดิ์พระคาร์ดินัล เนื่องจากพระคาร์ดินัลองค์ปัจจุบันของอัครสังฆมฑณลนั้น อายุยังไม่ถึง 80 ปี ได้แก่พระอัครสังฆราชของอัครสังฆมณฑลเวสต์มินสเตอร์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ, อัครสังฆมณฑลฟิลาเดเฟีย ประเทศสหรัฐอเมริกา, อัครสังฆมณฑล ลอส แองเจลีส ประเทศสหรัฐอเมริกา, อัครสังฆมณฑลตูริน ประเทศอิตาลี, อัครสังฆมณฑลเมเชเล็น-บรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม, อัครสังฆมณฑลเซบีญ่า ประเทศสเปน, อัครสังฆมณฑล ซานติอาโก้ ประเทศชิลี, อัครสังฆมณฑล ริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล, อัครสังฆมณฑลโบโกตา ประเทศโคลอมเบีย, อัครสังฆมณฑลกีโต้ ประเทศเอกวาดอร์ และอัครสังฆมณฑลมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์

ผมคิดว่า ผมเขียนมาถึงตรงนี้ หลายคนคงอยากถามใจจะขาดแล้วว่า “เมืองไทยมีสิทธิ์จะมีพระคาร์ดินัลองค์ใหม่บ้างไหม เพราะดูแล้ว เราน่าจะเข้าข่ายพิจารณาเหมือนกัน” ... คำตอบคือ “ในมุมมองของผม โอกาสน่ะมี แต่มันแทบจะเป็นศูนย์ ส่วนมุมมองนักข่าวสายวาติกันระดับโลกยิ่งไม่ต้องพูดถึง พวกนั้นไม่ให้น้ำหนักความสำคัญกับไทยเลย ดังนั้น ฟันธงเลยว่า ปี 2012 ไม่มีพระคาร์ดินัลใหม่จากประเทศไทยแน่นอน”


AVE   MARIA



   

Comments