ฟาติมาสาร - สัมภาษณ์นักข่าวสายวาติกันระดับโลก (27 พ.ย. 2011)

สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้พบและพูดคุยกับ “อเลสซานโดร สเปชิอาเล่” นักข่าวสายวาติกันระดับโลกจากเว็บไซต์ “วาติกัน อินไซเดอร์” ซึ่งเดินทางมาเยือนเมืองไทย เพื่อร่วมประชุมกับสำนักข่าวคาทอลิกยูแคน ตอนแรก นัดไว้คนเดียว แต่ อเลสซานโดร พาเพื่อนมาให้รู้จักด้วยอีกหนึ่งคนคือ “สเตฟาโน่ เว็คเคีย” นักข่าวของสถานีวิทยุวาติกันซึ่งประจำอยู่ที่เมืองไทย การพบกันในวันนั้น ถือเป็นโอกาสดีให้ผมได้สัมภาษณ์พวกเขาในแง่มุมต่างๆเกี่ยวกับพระสันตะปาปาและวาติกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ ผมจึงอยากนำมาแบ่งปันให้ทุกท่านได้ติดตามพร้อมกันเลย   ....


สเตฟาโน่ เว็คเคีย (ซ้าย) และ อเลสซานโดร สเปชิอาเล่ (ขวา) 2 นักข่าววาติกันระดับโลก


POPE REPORT: สวัสดีนักข่าวชื่อดังทั้งสอง ขอต้อนรับสู่เมืองไทย นี่เป็นครั้งแรกที่คุณมาเมืองไทยหรือเปล่า

อเลสซานโดร: ใช่ นี่เป็นครั้งแรกของผมในเมืองไทย ส่วนทวีปเอเชีย ผมเคยมาแล้ว ตอนนั้นไปทำข่าวที่ปากีสถาน

สเตฟาโน่: ผมอยู่ในเอเชียมาเกือบ 30 ปี ผมเรียนจบสาขาเอเชียศึกษา (ASIAN STUDY) จากมหาวิทยาลัยตูริน ประเทศอิตาลี ผมรักวัฒนธรรมเอเชีย ส่วนเมืองไทย ผมอยู่มาเกือบ 10 ปี ผมนอนกลางวัน ทำงานกลางคืน ทุกคืน ผมจะรายงานข่าวกลับไปให้สถานีวิทยุวาติกันและ อัฟเวนิเร สำนักพิมพ์ของสภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งอิตาลี

POPE REPORT: ผมเพิ่งรู้ว่า มีนักข่าวของสถานีวิทยุวาติกันประจำประเทศไทยด้วย ถ้าอย่างนี้ แสดงว่าคุณรู้เรื่องราวของพระศาสนจักรคาทอลิกไทยเยอะแน่ๆ

สเตฟาโน่: (ยิ้ม) ก็พอสมควร ... สเตฟาโน่ รู้เรื่องพระศาสนจักรคาทอลิกในไทยเยอะมาก รู้ทั้งเรื่องดีเรื่องไม่ดี แต่ผมขอไม่นำเรื่องที่เขาวิจารณ์มาลงก็แล้วกัน

POPE REPORT: เอาล่ะ เข้าเรื่องดีกว่า คุณคิดว่าจำเป็นไหมที่ประเทศไทย ควรจะมีสำนักข่าวคาทอลิกที่บริหารงานโดยฆราวาส เพราะผมเห็นว่าในยุโรปและอเมริกา หรือแม้กระทั่งในฮ่องกง ยังมีสำนักข่าวคาทอลิกที่บริหารงานโดยฆราวาสเลย   

สเตฟาโน่: ผมว่ามันจำเป็น แต่สิ่งสำคัญคือพระศาสนจักรคาทอลิกในไทย ควรให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ให้มากๆ ทุกอย่างขึ้นกับการสนับสนุนของพระศาสนจักรท้องถิ่นในประเทศนั้นๆ

อเลสซานโดร: จำเป็นมาก สำนักข่าวคาทอลิกที่บริหารงานโดยฆราวาสคือเสียงสะท้อนการทำงานของพระศาสนจักร ผมอยากบอกว่า สื่อที่บริหารงานโดยสภาพระสังฆราชท้องถิ่นนั้น ไม่ใช่ “สำนักข่าว” (NEWS AGENCY) แต่เป็น “ศูนย์ข่าวสาร” (INFORMATION CENTER) ที่จะรายงานข่าวตามคำสั่งของผู้นำเท่านั้น ในอิตาลี เรามีสำนักข่าวคาทอลิกประมาณ 4-5 บริษัท ทำให้พระศาสนจักรคาทอลิกในอิตาลีถูกฆราวาสตรวจสอบตลอดเวลา สิ่งเหล่านี้ ทำให้สุขภาพของพระศาสนจักรท้องถื่นแข็งแรง ตัวอย่างชัดๆของความแตกต่างระหว่าง สำนักข่าว กับ ศูนย์ข่าวสาร ก็คือ สื่อมวลชนวาติกัน จัดเป็น “ศูนย์ข่าวสาร” ภาษาอังกฤษแบบทางการเรียก VATICAN INFORMATION SERVICE CENTER ศูนย์ข่าวสารวาติกันจะรายงานแต่ข่าวที่ไม่กระทบภาพลักษณ์ของวาติกัน แต่สำนักข่าว (NEWS AGENCY) อาทิ “วาติกันอินไซเดอร์” จะรายงานข่าวทุกด้านที่เกี่ยวกับพระศาสนจักร จะไม่รายงานเฉพาะด้านบวก แต่ด้านลบก็รายงาน เพื่อทำหน้าที่ “สื่อมวลชนแท้จริง” สะท้อนทั้งเรื่องดีและแย่ เพื่อตรวจสอบและเช็คสุขภาพของพระศาสนจักรให้ดีตลอดเวลา
    
POPE REPORT: โอเค มีหนึ่งเรื่องที่เมืองไทยยังไม่ค่อยมีการรายงานให้ทราบกัน นั่นคือ การอภัยโทษกลุ่มเลอแฟ๊บวร์และเรื่องพระสันตะปาปาอนุญาตให้ถวายมิสซาลาตินได้อีกครั้ง แต่นี่ไม่ใช่คำถามของผม คำถามคือตอนนี้ มีข่าวลือออกมาว่า กลุ่มเลอแฟ๊บวร์ไม่พอใจข้อเสนอปรองดองที่วาติกันเสนอให้ เพราะพวกเขาไม่อยากทรยศจิตตารมณ์ของ พระสังฆราช แบร์กนาร์ เลอแฟ๊บวร์ ผู้ก่อตั้งกลุ่ม คุณคิดว่า มองซินญอร์ แบร์กนาร์ แฟลเลย์ อธิการกลุ่มคนปัจจุบัน จะปฏิเสธข้อเสนอตามข่าวลือนั้นหรือไม่

อเลสซานโดร: ข่าวลือมันออกมาจากศูนย์เลอแฟ๊บวร์ในอังกฤษ แต่ทางสำนักงานใหญ่ของพวกเขาออกมาปฏิเสธว่า กลุ่มเลอแฟ๊บวร์ยังไม่ได้ตัดสินใจใดๆทั้งสิ้น เรื่องนี้ ถ้าผมเป็นอธิการกลุ่มเลอแฟ๊บวร์ ผมจะรับข้อเสนอทันที เพราะวาติกันและพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ยอมทุกอย่างที่เขาต้องการ เพื่อให้เกิดความปรองดองในพระศาสนจักร พระสันตะปาปาเสนอมอบสถานะองค์กรส่วนบุคคล (PERSONAL PRELATURE) ให้แล้ว สถานะนี้เท่ากับว่า เลอแฟ๊บวร์จะติดปีกยิ่งใหญ่มากในพระศาสนจักรเหมือน โอปุส เดอี ที่ดำเนินงานโดยขึ้นตรงกับพระสันตะปาปาคนเดียว ตอนนี้ อยู่ที่กลุ่มเลอแฟ๊บวร์ว่า จะหยุดด่าสังคยานาวาติกัน ที่ 2 และหยุดด่าสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ได้หรือไม่ ก็เท่านั้นเอง

    
POPE REPORT: อีกเรื่องหนึ่งที่ดังกันมากในกลุ่มนักข่าวสายวาติกันก็คือข่าวพระสันตะปาปาทรงป่วยเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม ตกลงมันเป็นเรื่องจริงใช่ไหม

อเลสซานโดร: จริงครับ ข่าวนี้มาจาก อันเดรีย ตอร์นิเอลลี่ ข่าวไหนที่ออกมาจาก อันเดรีย ข่าวนั้น เป็นความจริงทุกประการ
    
POPE REPORT: ในเมื่อพระสันตะปาปาทรงมีปัญหาเรื่องหัวเข่า อย่างนี้จะกระทบต่อการวางแผนเสด็จเยือนประเทศต่างๆหรือเปล่า เฉพาะอย่างยิ่ง ทวีปเอเชียแห่งนี้ พระองค์ยังไม่เคยมาเยือนคริสตังในแถบนี้เลย

อเลสซานโดร: ผมว่าอาจจะมีบ้าง แต่ทั้งนี้ ขึ้นกับการตัดสินพระทัยของพระองค์ ส่วนทวีปเอเชีย ถ้าให้ผมเดานะ ผมว่า ประเทศที่มีสิทธิ์สูงมากๆคืออินเดียและฟิลิปปินส์ นักข่าวหลายคนมั่นใจว่า พระสันตะปาปาต้องไปเยือนกัลกัตต้า (อินเดีย) เพื่อภาวนาหน้าหลุมศพบุญราศีเทเรซาแห่งกัลกัตต้าแน่ๆ ส่วนฟิลิปปินส์ มันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติอยู่แล้วว่า พระสันตะปาปาจะเสด็จเยือนประเทศที่มีคริสตังมากที่สุดในทวีปนั้นๆ ซึ่งฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่มีคริสตังมากสุดในเอเชียนั่นเอง
    
POPE REPORT: ขอคุยเรื่องหนักๆบ้างเป็นเรื่องส่งท้าย ตอนนี้ ปัญหาสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศกำลังเป็นประเด็นร้อนในพระศาสนจักรคาทอลิก คุณมีมุมมองกับปัญหาพวกนี้อย่างไรบ้าง

อเลสซานโดร: ผมคิดว่า พระสงฆ์คาทอลิกที่บวชหลังยุคอินเตอร์เน็ทบูม (หลังปี 1998) ไม่น่าจะมีปัญหากับคดีเหล่านี้ เพราะเมื่ออินเตอร์เน็ทได้รับความนิยม คนก็กล้าเปิดตัวเองมากขึ้น ความลับมากมายถูกเปิดเผยออกมาอย่างไม่เคยมีมาก่อน สงฆ์ยุคอินเตอร์เน็ทจึงมีปัญหากับเรื่องพวกนี้น้อยมาก เพราะพวกเขาถูกเย้ายวนจากอินเตอร์เน็ทมามากแล้ว ผิดกับสงฆ์ยุคโบราณยุคก่อนอินเตอร์เน็ท พวกนี้จะมีปัญหาเหล่านี้เยอะมาก คุณลองคิดดูซิว่า ยุคก่อนอินเตอร์เน็ทจะได้รับความนิยม โลกยังเป็นโลกปิดตาย ทุกคนไม่รู้ข่าวสารอะไรเลย การทำอะไรจึงเป็นความลับแบบหลบๆซ่อนๆง่ายมาก ผมว่าคุณทำข่าวเรื่องนี้มาเยอะ คุณก็น่าจะเห็นว่า สงฆ์ที่ติดคดีล่วงละเมิดทางเพศ ส่วนมากอายุ 40 ปีขึ้นไปทั้งนั้น เพราะพวกเขาอยู่ในยุคมืดของโลกข่าวสาร มันเป็นยุคที่ทุกคนคิดว่าเก็บความลับกันได้ กระนั้น สิ่งน่ากลัวของสงฆ์ยุคหลังอินเตอร์เน็ทบูมก็คือพวกเขาตกเป็นทาสของวัตถุนิยมและความสุขสบายฝ่ายโลก ทุกอย่างต้องดูหรูดูเท่ห์ไว้ก่อน นี่คือสิ่งน่ากลัวของสงฆ์ยุคนี้ พระสันตะปาปาพยายามหาทางแก้ปัญหานี้อยู่ แต่ไม่รู้จะแก้ได้หรือไม่

POPE REPORT: คุณรู้ใช่ไหมว่า สัปดาห์ที่แล้ว (7-12 พฤศจิกายน 2011) มีการประชุมของสหพันธ์พระสังฆราชคาทอลิกแห่งเอเชีย ในหัวข้อ “ผลกระทบจากคดีสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศต่อวิกฤติของพระศาสนจักรคาทอลิกในเอเชีย”  (จัดที่เอแบค บางนา) คุณไม่ไปทำข่าวการประชุมนี้เหรอ เพราะเท่าที่ผมทราบ มองซินญอร์ ชาร์ลส์ สคิคลูน่า มือปราบสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศจากวาติกัน ก็เดินทางมาร่วมงานด้วย

อเลสซานโดร: (ปรบมือและหัวเราะ ก่อนพูดว่า) คุณเยี่ยมมาก! ข่าวนี้ไม่ค่อยได้รับการโปรโมทเท่าไหร่ในวงการสื่อมวลชนคาทอลิก เพราะมันเป็นการประชุมที่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนมาทำข่าว นี่จึงเป็นเหตุผลว่า นักข่าววาติกันหลายคนไม่ได้มาทำข่าวนี้ที่เมืองไทย แต่ผมได้ยินมาว่า สหพันธ์พระสังฆราชคาทอลิกแห่งเอเชีย จะออกแถลงการณ์เกี่ยวกับการประชุมเพื่อรายงานให้วาติกันทราบ ผมคิดว่า แถลงการณ์นี้น่าจะถูกตีพิมพ์ผ่านเว็บไซต์ของสหพันธ์ฯ ถ้าคุณรู้ข่าววงในเกี่ยวกับเนื้อหาการประชุม ก็ส่งอีเมลมาบอกผมด้วยนะ  

... ทั้งหมดก็เป็นบทสัมภาษณ์ที่ผมคัดคำถามมาแบบเน้นๆ เพื่อยิงใส่นักข่าวสายวาติกันระดับโลกทั้งสองคน ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ ดูเหมือนว่า สเตฟาโน่ เว็คเคีย ซึ่งเป็นนักข่าววาติกันที่อาศัยอยู่ในเมืองไทย จะปล่อยให้ อเลสซานโดร สเปชิอาเล่ เป็นคนพูดมากกว่า เพราะเขาทราบดีว่า ผมมาเพื่อสัมภาษณ์อเลสซานโดรเป็นหลัก การสัมภาษณ์ในวันนี้จบลงด้วยดี และผมก็หวังว่า ผู้อ่านจะได้อะไรไม่มากก็น้อยเกี่ยวกับบทสัมภาษณ์นี้นะครับ



AVE   MARIA



Comments