ฟาติมาสาร: ไอร์แลนด์-วาติกัน ... ไม่เลิกก็เหมือนเลิก (13 พ.ย. 2011)

สัปดาห์ที่ผ่านมา ข่าวคาทอลิกต่างประเทศที่ดังกระหึ่มระดับโลก น่าจะหนีไม่พ้น “รัฐบาลไอร์แลนด์สั่งปิดสถานทูตตนเองใน 3 ประเทศ ได้แก่ วาติกัน, อิหร่าน และ ติมอร์ตะวันออก” สาเหตุของการปิดสถานทูตใน 3 ประเทศที่กล่าวมาคือ “เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการบริหารประเทศ” 

การตัดสินใจปิดสถานทูตประจำสันตะสำนัก ส่งผลให้ไอร์แลนด์สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ด้วยการเป็น “ชาติคาทอลิกชาติแรกในยุโรป” ที่ไม่มีสำนักงานสถานทูตอยู่ในเขตวาติกันและอิตาลี ... อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ไอร์แลนด์ยังมีทูตประจำวาติกันเหมือนเดิม ความสัมพันธ์การทูตเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือจะไม่มีตัวสำนักงานสถานทูตประจำวาติกัน กรณีนี้จะคล้ายกับ “สถานทูตไทยประจำวาติกัน” ทูตไทยประจำวาติกันเป็นทูตคนเดียวกับที่ประจำสวิตเซอร์แลนด์ (ทูตไทยประจำสวิตเซอร์แลนด์ จะดูแลคนไทยในสวิตเซอร์แลนด์, วาติกัน และลิกเตนสไตน์) ถ้าพระสันตะปาปาเรียก “คุณอาภรณ์ มนัสวานิช” เอกอัคราชทูตไทยประจำวาติกัน มาพบ หมายความว่า คุณอาภรณ์ จะต้องนั่งเครื่องบินจากกรุงเบิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มาเข้าเฝ้าพระสันตะปาปานั่นเอง  

การที่รัฐบาลไอร์แลนด์สั่งปิดสถานทูตใน 3 ประเทศ จะไม่เป็นข่าวดัง ถ้าหนึ่งในนั้นไม่ใช่สถานทูตไอร์แลนด์ประจำวาติกัน สื่อต่างประเทศวิเคราะห์ว่า การปิดสถานทูตในอิหร่านและติมอร์ตะวันออก เป็นเรื่องเข้าใจได้ เพราะสถานการณ์ในประเทศดังกล่าวไม่สงบเรียบร้อยด้วย ประกอบกับติมอร์ตะวันออกเพิ่งประกาศเอกราชไม่นาน ความสัมพันธ์ทางการทูตอาจไม่แน่นแฟ้นมากนัก แต่กับวาติกัน ไอร์แลนด์สถาปนาความสัมพันธ์กับวาติกันมาตั้งแต่ ค.ศ.1929 (82 ปีมาแล้ว) การปิดสถานทูตเพราะลดค่าใช้จ่าย จึงดูไม่มีน้ำหนักเท่าไหร่ ยิ่งไอร์แลนด์เป็นประเทศคาทอลิก มี “นักบุญแพทริค” (SAINT PATRICK) เป็นองค์อุปถัมภ์ของประเทศ, ไอร์แลนด์เป็นบ้านเกิดของ “คณะพลมารี” (LEGIO MARIAE) หน่วยงานฆราวาสแพร่ธรรมที่ใหญ่สุดในพระศาสนจักรคาทอลิก (ปัจจุบันมีสมาชิก 10 ล้านคนทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย) สิ่งเหล่านี้ ยิ่งมองไม่ออกเลยว่า ทำไมรัฐบาลไอร์แลนด์ต้องปิดสถานทูตประจำวาติกันด้วย

อย่างไรก็ตาม หากติดตามฟาติมาสารสม่ำเสมอ ผู้อ่านน่าจะทราบดีว่า เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างไอร์แลนด์กับวาติกันย่ำแย่มาตลอด หลังรัฐบาลไอร์แลนด์กล่าวหาวาติกันว่า ช่วงค.ศ.1960-2003 วาติกันปกปิดคดีสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศกว่า 300 คดี วาติกันปกปิดด้วยการสั่งย้ายสงฆ์ไอริชที่ก่อคดีให้ไปหลบไกลหูไกลตาคน พอเรื่องซาลง ค่อยอนุญาตให้สงฆ์ที่กระทำผิดกลับมาประจำการที่สังฆมณฑลของตัวเอง ในประเทศที่พัฒนาแล้ว การปกปิดแบบนี้ถือว่าเลวร้ายมาก 

นอกจากนี้ พอเกิดเรื่องขึ้น วาติกันตัดสินใจเรียกตัว “พระอัครสังฆราช จูเซ็ปเป้ เลอันซ่า” สมณทูตวาติกันประจำไอร์แลนด์ กลับทันที โดยวาติกันให้เหตุผลการเรียกตัวกลับว่า “เพื่อหารือด่วนเกี่ยวกับการตอบโต้ข้อกล่าวหาของรัฐบาลไอร์แลนด์” กระนั้น ไม่รู้ว่าหารือกันแบบไหนไม่ทราบ ไม่กี่วันต่อมา วาติกันตัดสินใจย้ายสมณทูตองค์นี้ไปประจำกรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก แบบสายฟ้าแลบ สิ่งนี้ สร้างความกังขาเรื่องความโปร่งใสในการแก้ปัญหาให้กับรัฐบาลไอร์แลนด์ยิ่งขึ้นไปอีก

ขณะเดียวกัน มีการเปิดเผยผลสำรวจของสื่อต่างๆของไอร์แลนด์ในหัวข้อว่า “ชาวไอริชยังศรัทธาพระศาสนจักรคาทอลิกและผู้นำพระศาสนจักรหรือไม่” ปรากฏว่า 67 เปอร์เซ็นต์ระบุว่า “ศรัทธาพระเจ้า แต่ไม่ศรัทธาผู้บริหารพระศาสนจักรท้องถิ่นและระดับสากล” ผลสำรวจนี้ ได้รับความสนใจอย่างมาก เพราะมันสะท้อนว่า พระศาสนจักรคาทอลิกสูญเสียความน่าเชื่อถือและสูญเสียบทบาทของตัวเองในสังคมไอริชไปแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากผลสำรวจถูกเปิดเผยไม่กี่วัน คริสตังชาวไอริชในกรุงดับลิน เมืองหลวงของไอร์แลนด์ ได้รวมตัวกันกว่า 20,000 คน เดินขบวนประท้วงบรรดาพระสังฆราชคาทอลิกในไอร์แลนด์ โทษฐานที่จงใจปกปิดคดีสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศและช่วยเหลือสงฆ์แตกแถวให้ลอยนวลจากการถูกลงโทษตามกฏหมาย การกระทำแบบนี้ ยิ่งตอกย้ำผลสำรวจให้เด่นชัดขึ้นไปอีกว่ามันเป็นความจริงเพียงใด (มีการเปิดเผยอีกว่า ปี 2012 อัครสังฆมณฑลดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ จะเป็นเจ้าภาพจัดงานชุมนุมเคารพศีลมหาสนิทนานาชาติ ... ปกติ การชุมนุมเคารพศีลมหาสนิท รัฐบาลประเทศเจ้าภาพจะทำจดหมายทูลเชิญพระสันตะปาปาให้เสด็จเยือน แต่ครั้งนี้ ข่าววงในบอกว่า รัฐบาลไอร์แลนด์ “ไม่เชิญ” และ “ไม่คิดจะเชิญ” พระสันตะปาปา แถมขู่ด้วยว่า “ไม่รับประกันความปลอดภัยให้พระคาร์ดินัล พระสังฆราช พระสงฆ์ที่จะมาร่วมงาน เพราะฝูงชนยังคงโกรธแค้นพวกสงฆ์คาทอลิกแบบสุดๆ”)

ดังนั้น เมื่อนำความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลไอร์แลนด์กับวาติกัน มาพิจารณา สื่อมวลชนหลายสำนักฟันธงว่า นี่คือเหตุผลซ่อนเร้นทำให้รัฐบาลไอร์แลนด์ตัดสินใจถอยห่างจากวาติกัน ด้วยการสั่งปิดสำนักงานสถานทูตเป็นอันดับแรก การทำแบบนี้คือการส่งสัญญาณให้รู้ว่า ถึงไอร์แลนด์จะบอกรักวาติกันเหมือนเดิม บอกว่าไม่มีอะไรขัดแย้ง แต่การกระทำมันไม่ใช่ รัฐบาลไอร์แลนด์ยังคงโกรธพระศาสนจักรคาทอลิกแบบฝังใจที่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ในประเทศ แต่ไม่กล้าออกมายอมรับ ตรงกันข้าม กลับหลบๆซ่อนๆผู้ต้องหาอยู่นั่นแหละ

... งานนี้ ถึงรัฐบาลไอร์แลนด์จะบอกว่า ยังไม่เลิกคบวาติกัน ความสัมพันธ์ยังดีเหมือนเดิม แต่เชื่อเลยว่า ไม่มีใครบ้าจี้เชื่อแบบไม่ลืมหูลืมตาแน่นอน ...


AVE   MARIA

Comments