ฟาติมาสาร - ศาสนจักรคาทอลิกออสเตรียกับการเตือนภัยขั้นสูงสุด (9 ตุลาคม 2011)

ยังจำบทความ “สงฆ์แข็งข้อต่อสังฆราช” กันได้ไหม บทความที่ผมเล่าเรื่องสงฆ์คาทอลิกออสเตรีย 300 ท่าน (ไม่อยากเรียก “องค์” ขอลดระดับการให้เกียรติเป็นคำว่า “ท่าน” แทน) รวมหัวลงชื่อเข้ากลุ่มไม่นบนอบต่อพระสังฆราช เพื่อเรียกร้องให้เกิดการปฏิรูปในพระศาสนจักร


พระคาร์ดินัล คริสโตฟ โชนบอร์น (ขวา) กลุ้มใจกับปัญหาสงฆ์ไม่นบนอบพระสังฆราช

รายละเอียดบทความดังกล่าว บรรดาสงฆ์แข็งข้อได้เรียกกลุ่มตัวเองว่า “ไม่นบนอบพระสังฆราช” (AUFRUF ZUM UNGEHORSAM) วัตถุประสงค์เพื่อเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสิ่งที่พระศาสนจักรปฏิเสธมาตลอดหลายทศวรรษ อาทิ ยกเลิกคำปฏิญาณ “สงฆ์ต้องนบนอบต่อพระสังฆราช”, สนับสนุนให้สตรีบวชเป็นสงฆ์ได้ และสงฆ์สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ ทั้งนี้ เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนพระสงฆ์, ส่งเสริมให้สงฆ์ส่งศีลมหาสนิทให้กับ “ทุกคนที่มีจิตใจดีงาม” อาทิ คนต่างศาสนา (คนต่างศาสนาสามารถเดินออกมารับศีลมหาสนิทได้) เช่นเดียวกับ คริสตังที่แต่งงานแล้วหย่าร้าง ก็สามารถรับศีลมหาสนิทได้, เมื่อถึงช่วงบทเทศน์ในมิสซา ผู้เทศน์ไม่จำเป็นต้องเป็นพระสงฆ์ แต่เป็นฆราวาสชายหญิงก็ได้ เนื่องจากฆราวาสบางคนแบ่งปันดีกว่าสงฆ์ด้วยซ้ำ ... ทั้งหมดเป็นข้อเรียกร้องหลักๆของกลุ่มไม่นบนอบพระสังฆราช ซึ่งมีสงฆ์แข็งข้อร่วมลงชื่อถึง 300 คน (คิดเป็น 7.15 เปอร์เซ็นต์ ... พระศาสนจักรคาทอลิกออสเตรีย มีสงฆ์คาทอลิกประมาณ 4,200 องค์)

ตอนนั้น พระคาร์ดินัล คริสโตฟ โชนบอร์น ประธานสภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งออสเตรีย ถึงกับอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมเตือนพวกสงฆ์แข็งข้อว่า “สิ่งที่พวกท่านทำอยู่นั้น เสี่ยงต่อการถูกขับไล่ออกจากพระศาสนจักรคาทอลิกอย่างมาก” อย่างไรก็ตาม มีการเผยว่า คำเตือนไม่สามารถทำอะไรคนกลุ่มนี้ เพราะแนวร่วมแท้จริงของกลุ่มไม่นบนอบพระสังฆราช ไม่ได้อยู่ที่สงฆ์ที่ร่วมลงชื่อ แต่มันอยู่ที่คริสตังออสเตรียกว่า 2.5 ล้านคนที่ร่วมลงชื่อเป็นแบ็กอัพต่างหาก!!  

ทำไมคริสตังออสเตรีย 2.5 ล้านคน ถึงเต็มใจลงนามสนับสนุนกลุ่มไม่นบนอบพระสังฆราช นี่เป็นคำถามที่น่าคิด เพราะออสเตรียเป็นประเทศที่มั่งคั่งไปด้วยความเป็นคาทอลิก (หากใครเคยไปออสเตรีย จะทราบเรื่องนี้ดี) ทุกหัวมุมถนน จะมีรูปปั้นแม่พระตั้งอยู่เต็มไปหมด ออสเตรียเป็นหนึ่งในประเทศของยุโรปที่ศรัทธาแม่พระมากๆ แต่แล้ววันนี้ ทุกอย่างกลับตาลปัตร คริสตังต้องการให้เกิดการปฏิรูปพระศาสนจักรคาทอลิกอย่างจริงจัง เพราะอะไรถึงเป็นเช่นนี้

คำตอบก็คือ “ปัญหาสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศ” นั่นเอง สัปดาห์ที่ผ่านมา “วาติกัน อินไซเดอร์” เว็บไซต์ชื่อดังสายข่าววาติกัน ตีพิมพ์บทวิเคราะห์ความตกต่ำของพระศาสนจักรคาทอลิกออสเตรีย มีการวิเคราะห์กันว่า จุดเริ่มต้นของปัญหาเกิดใน ค.ศ.1995 (16 ปีที่แล้ว) เมื่อ สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ทรงเขียนจดหมายไปขอร้อง “พระคาร์ดินัล ฮันส์ โกรเออร์” (เสียชีวิตแล้ว) ประมุขอัครสังฆมณฑลเวียนนา ให้ลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากมีการร้องเรียนว่า พระคาร์ดินัลองค์นี้ได้กระทำชำเราทางเพศเด็กๆหลายคน 


พระคาร์ดินัล ฮันส์ โกรเออร์ หนึ่งในตัวต้นเหตุของปัญหา

แน่นอนว่า พระคาร์ดินัลโกรเออร์ ยอมลาออกตามคำขอของพระสันตะปาปา โดยผู้ยื่นเรื่องให้พระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ถอดถอนพระคาร์ดินัลองค์นี้ ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น “สุนัขรับใช้ของพระเจ้า” พระคาร์ดินัล โยเซฟ รัตซิงเกอร์ (สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16) ซึ่งตอนนั้นดำรงตำแหน่งประธานสมณกระทรวงหลักความเชื่อ นั่นเอง ... สมัยเป็นพระคาร์ดินัล สมญานามของพระคาร์ดินัลรัตซิงเกอร์คือ “GOD’S ROTTWEILER” สุนัขพันธุ์เยอรมันร็อตไวเลอร์ ซึ่งมีนิสัยซื่อสัตย์ต่อเจ้าของมากๆ (พระคาร์ดินัลรัตซิงเกอร์เป็นชาวเยอรมัน สื่อมวลชนจึงเปรียบนิสัยซื่อสัตย์ของท่านเข้ากับสุนัขพันธุ์นี้ ... หากใครถูกชาวตะวันตก “ชม” ว่าเป็นสุนัข อย่าไปโกรธ เพราะนั่นคือการให้เกียรติว่าคุณเป็นคนซื่อสัตย์สุดๆ)

กลับมาต่อที่คดีของ พระคาร์ดินัลโกรเออร์ กันต่อ หลังจากพระคาร์ดินัลองค์นี้ยื่นจดหมายลาออกแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจออสเตรียได้ทำการสืบสวนคดีความและมีการขุดคุ้ยประวัติฉาวโฉ่ออกมามากมาย ในตอนปิดคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจสรุปว่า พระคาร์ดินัล ฮันส์ โกรเออร์ ก่อคดีล่วงละเมิดทางเพศกว่า 2,000 ครั้ง!! โดยเหยื่อของพระคาร์ดินัลองค์นี้ ส่วนมากเป็นพวกเณรและเยาวชน

สิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความโกรธและผิดหวังให้กับคริสตังออสเตรียอย่างมาก ผลจากคดีดังกล่าว ส่งผลให้คริสตังออสเตรียหลายคน ไปยื่นลงทะเบียนขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพระศาสนจักร และประกาศตนไม่มีศาสนาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ขณะที่อีกหลายคน แม้จะไม่ลาออกและหันหลังให้พระเจ้า แต่พวกเขาก็รวมกลุ่มกัน เพื่อหวังเห็นพระศาสนจักรคาทอลิกเกิดการชำระล้างและปฏิรูปอย่างจริงจัง คริสตังกลุ่มนี้เป็นพวกหัวเสรีนิยมสุดขั้ว (ULTRA NEO-LIBERAL) ซึ่งต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงแบบหน้ามือเป็นหลังมือ การรวมตัวของคนกลุ่มนี้ เริ่มจากสังฆมณฑลต่างๆทั่วออสเตรีย แรกๆพวกเขาไม่กล้าประกาศตัวชัดเจน เพราะกลัวว่า พวกพระสังฆราชจะตราหน้าว่าเป็น “กบฏแข็งข้อ” แต่วันเวลาผ่านไป 16 ปี แนวร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับบรรดาพระสงฆ์ทำตัวแย่และอ่อนแอ ที่สุดแล้ว พวกสัตบุรุษเหล่านี้จึงรวมกลุ่มสำเร็จอย่างเป็นทางการ โดยมีสมาชิกในปัจจุบัน 2.5 ล้านคน และเป็นผู้สนับสนุนสำคัญให้กับกลุ่มสงฆ์ไม่นบนอบพระสังฆราชด้วย

ในบทวิเคราะห์ของวาติกันอินไซเดอร์ บอกว่า ออสเตรียเป็นประเทศที่ “สุดขั้ว” พอสมควร พูดง่ายๆ คริสตังออสเตรียจะไม่มีสายกลาง จะมีพวก “อนุรักษ์นิยมสุดขั้ว” หรือไม่ก็ “เสรีนิยมสุดขั้ว” ไปเลย งานนี้ พวกอนุรักษ์นิยมสุดขั้วคือพวกพระคาร์ดินัล คริสโตฟ โชนบอร์น ประธานสภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งออสเตรีย ที่ต้องการปกป้องพระศาสนจักรให้อยู่ในแนวทางปฏิบัติดั้งเดิม ส่วนพวกเสรีนิยมสุดขั้ว ได้แก่ กลุ่มสงฆ์ไม่นบนอบพระสังฆราช และพลังมวลชนคริสตัง 2.5 ล้านคนที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง    

นอกจากนี้ วาติกันอินไซเดอร์ ยังเผยด้วยว่า ตอนนี้ พระคาร์ดินัล คริสโตฟ โชนบอร์น ได้ไปเขียนคำร้อง ณ สำนักงานสมณกระทรวงเพื่อพระสงฆ์ ซึ่งอยู่ในวาติกัน คำร้องดังกล่าว พระคาร์ดินัลโชนบอร์น แปะป้ายติดว่า “อยากให้ประธานและคณะผู้บริหารของสมณกระทรวง อ่านคำร้องอย่างละเอียดทุกตัวอักษร และตอนนี้ ถึงเวลาแล้วที่พระศาสนจักรต้องจริงจังกับการแก้ปัญหาสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศ เช่นเดียวกับ ยกระดับคุณภาพของสงฆ์คาทอลิกให้ได้มาตรฐานสูงสุด”   

น่าติดตามมากว่า เรื่องนี้จะจบลงอย่างไร จะว่าไป มันเป็นเรื่องน่าตกใจอย่างมากที่พระศาสนจักรคาทอลิกในออสเตรียต้องเผชิญปัญหาแบบนี้ สัญญาณเตือนภัยเรื่องสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศดังขึ้นเมื่อ 16 ปีที่แล้ว แต่ไม่มีใครลงมือแก้ปัญหาแบบจริงๆจังๆ (สงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศ เป็นระเบิดเวลา หลายปีก่อน พระศาสนจักรท้องถิ่นทุกประเทศพยายามปิดเรื่องนี้ แต่พอวันเวลาผ่านไป ทุกอย่างถูกเผยออกมา เหมือนคำพูดที่ว่า “ไม่มีความลับในโลก” ตอนนี้ เตรียมตัวรับมือกันให้ดีก็แล้วกัน เพราะระเบิดเวลาทำงานแล้ว)

ในมุมมองของผม พระศาสนจักรคาทอลิกออสเตรียอยู่ในความเสี่ยงขั้นสูงสุดที่จะเกิดการแตกหักและมีการแยกตัวออกไป เนื่องจากกลุ่มผู้เรียกร้องรวบรวมรายชื่อได้ถึง 2.5 ล้านคน และถ้ามันทำได้สำเร็จ “ออสเตรีย โมเดล” คงจะลามไปอีกหลายประเทศในยุโรปที่กำลังเผชิญปัญหาสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศอย่างแน่นอน 


AVE   MARIA







Comments