โป๊ปประกาศปี 2012-2013 เป็น "ปีแห่งความเชื่อ" เพื่อการแพร่ธรรมใหม่และงานธรรมทูต



สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขพระศาสนจักรคาทอลิก ทรงประกาศให้ปี 2012-2013 เป็น "ปีแห่งความเชื่อ" (The Year of Faith) โดยจะเริ่มวันที่ 11 ตุลาคม 2012 โอกาสครบรอบ 50 ปีของสังคยานาวาติกัน ครั้งที่ 2 และไปจบลงในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2013 โอกาสสมโภชพระเยซูเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักรวาล โดยพระสันตะบิดรผู้ศักดิ์สิทธิ์ทรงประกาศเรื่องนี้ ระหว่างมิสซาปิดการสัมมนาสมณสภาเพื่อส่งเสริมการประกาศพระวรสารใหม่ เมื่อช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา

ในมิสซาดังกล่าว พระสันตะปาปาทรงเสด็จเข้าสู่มหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ด้วยการประทับบนพาหนะล้อเลื่อน อันเป็นพาหนะเดียวกับที่ สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 เคยใช้ในช่วงปลายสมณสมัยของพระองค์ อย่างไรก็ตาม คุณพ่อเฟเดริโก้ ลอมบาร์ดี้ ผู้อำนวยการสื่อมวลชนวาติกัน ได้ออกมาชี้แจงว่า วาติกันตัดสินใจให้พระสันตะปาปาประทับบนพาหนะนี้ มิใช่เพราะสุขภาพของพระสันตะปาปาย่ำแย่ แต่เพื่อไม่ให้พระองค์เหนื่อยเกินไประหว่างการร่วมเดินไปกับขบวนแห่เข้ามหาวิหารซึ่งมีระยะทางไกลพอสมควร

ในส่วนของมิสซานี้ พระศาสนจักรจัดขึ้นเพื่อโมทนาคุณพระเจ้า โอกาสปิดการสัมมนาของสมณสภาเพื่อส่งเสริมการประกาศพระวรสารใหม่ หน่วยงานป้ายแดงของวาติกันซึ่งรับผิดชอบการแพร่ธรรมให้กับหลายๆชาติในยุโรปและอเมริกา ซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีคริสตังมากมาย แต่ทุกวันนี้เหลือแต่ความหลัง ให้กลับมาหาพระเจ้าอีกครั้ง

สำหรับบทเทศน์ประจำมิสซา พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ ทรงประกาศให้ ค.ศ.2012-2013 เป็นปีแห่งความเชื่อ เพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้กับพันธกิจการแพร่ธรรมของพระศาสนจักรคาทอลิกสากล ในการนำมนุษย์เดินออกจากทะเลทรายแห่งความสิ้นหวังได้มารู้จักและมอบความวางใจในพระเจ้า

พระสันตะปาปา ตรัสว่า "พ่อขอประกาศให้ปี 2012-2013 เป็นปีแห่งความเชื่อ โดยปีแห่งความชื่นชมยินดีนี้ จะเริ่มขึ้นในวันที่ 11 ตุลาคม 2012 โอกาสครบรอบ 50 ปีของสังคยานาวาติกัน ครั้งที่ 2 และไปจบลงในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2013 โอกาสสมโภชพระเยซูเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักรวาล นอกจากนี้ พ่อจะออกสมณสาส์นเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกครั้ง เพื่อย้ำเตือนเราถึงช่วงเวลาแห่งพระหรรษทานและการอุทิศตนอย่างจริงจังให้กับการนำคนกลับใจมาหาพระเจ้า, การเสริมสร้างความเชื่อในพระองค์ และการประกาศพระนามพระเจ้าด้วยความชื่นชมยินดีให้กับมนุษย์ทุกยุคสมัย"

"วันนี้ พ่อมีความชื่นชมยินดีมากที่ได้ถวายมิสซาปิดการสัมมนาของสมณสภาเพื่อส่งเสริมการประกาศพระวรสารใหม่ มันไม่มีสิ่งใดจะมาขวางกั้นพันธกิจการแพร่ธรรมและการประกาศพระวรสารใหม่ สิ่งเหล่านี้ (แพร่ธรรมและการประกาศพระวรสารใหม่) เป็นเรื่องเร่งด่วนที่เราต้องกระทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่เปี่ยมด้วยวัฒนธรรมของคริสตศาสนา แต่บัดนี้ พวกเขากลับมองว่า คริสตศาสนาเป็นของแปลกและเป็นปฏิปักษ์กับการดำเนินชีวิตของพวกเขา"

ในส่วนพระวรสารประจำวันอาทิตย์นี้ พระเยซูทรงย้ำกับบรรดาสาวกว่า "สิ่งของที่เป็นของซีซ่าร์ ก็ควรคืนให้ซีซ่าร์ ส่วนสิ่งของที่เป็นของพระเจ้า ก็ควรคืนให้พระเจ้า" (มธ.22:15-21) พระสันตะปาปาทรงแบ่งปันพระวรสารตอนนี้ว่า "บรรดาผู้แพร่ธรรมใหม่ที่รัก พระวาจาของพระเยซูตอนนี้ สอนเราว่า พระศาสนจักรต้องไม่จำกัดตัวเองแค่การสอนมนุษยชาติ ถึงความแตกต่างของอำนาจทางการเมืองกับอำนาจของพระเจ้า แต่เราต้องนำพันธกิจของพระศาสนจักรไปสัมผัสจิตใจพวกเขาด้วย เราต้องบอกกล่าวให้พวกเขารู้ว่า ผู้มีอำนาจสูงสุดในชีวิตเราคือพระเจ้า ไม่ใช่ผู้ปกครองที่เปี่ยมด้วยอำนาจแบบมนุษย์"

หลังจากพิธีมิสซาจบลง พระสันตะปาปาจะเสด็จไปนำสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ต่อไป



Comments