ฟาติมาสาร - เมื่อ “จอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช” ปฏิเสธ “โป๊ป จอห์น ปอล ที่ 2” (16 ต.ค. 2011)

ย้อนกลับไปในปี 2003 ก่อนที่ “ตำรวจโลก” สหรัฐอเมริกาจะจัดการเปิดฉากบุกเข้าไปในอิรัก รู้หรือไม่ว่า สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 เคยส่งผู้แทนพระองค์เข้าไปอ้อนวอนอเมริกา โปรดยับยั้งความคิดที่จะทำสงคราม ทว่า คำขอร้องของพระสันตะปาปาถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยสิ้นดี




“วาติกัน อินไซเดอร์” เว็บไซต์ที่รวมนักข่าวสายวาติกันระดับท็อปๆของโลกเข้าไว้ด้วยกัน ได้ตีแผ่เหตุการณ์ในวันที่ 4-6 มีนาคม 2003 วันที่ สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ทรงสั่งให้ พระคาร์ดินัล ปีโอ ลากี้ นั่งเครื่องบินด่วนจากโรมไปวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อพบ จอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และยื่นจดหมายคัดค้านการบุกอิรักและโค่นล้ม “ซัดดัม ฮุสเซ็น” ประธานาธิบดีของอิรัก

รายละเอียดเหตุการณ์ดังกล่าว เริ่มต้นในวันที่ 4 มีนาคม 2003 เมื่อพระคาร์ดินัลลากี้เดินทางมาถึงอเมริกา ตามกำหนดการ ท่านจะเข้าพบบุช ในวันรุ่งขึ้น (5 มี.ค.) แต่ว่า “คอนโดลีซซ่า ไรซ์” ซึ่งตอนนั้น ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ (สมัย 2001-2005 ... ก่อนที่ปี 2005-2009 จะได้เลื่อนตำแหน่งเป็น รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ) ได้เรียกพระคาร์ดินัลลากี้ไปพบ เพื่อขอทราบรายละเอียดสิ่งที่พระคาร์ดินัลจะพบกับประธานาธิบดีว่ามีประเด็นอะไรบ้าง (เรียกว่า ตรวจสอบขั้นแรก เพื่อขอดูรายละเอียดที่อาจทำให้ บุช เกิดความไม่พอใจ)


พระคาร์ดินัล ปีโอ ลากี้ (ซ้าย) ในวันเข้าพบ จอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช

วันถัดมา วันที่ 5 มีนาคม พระคาร์ดินัล ปีโอ ลากี้ ได้เดินทางมาพบ จอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ก่อนจะยื่นจดหมายจาก สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ให้กับประธานาธิบดีอเมริกา ตอนนั้น บุช ทราบแล้วว่า พระคาร์ดินัลลากี้ มาพบเพื่อขอร้องให้ล้มเลิกการทำสงครามในอิรัก (เพราะ คอนโดลีซซ่า ไรซ์ ส่งรายละเอียดให้ทราบแล้ว) พอพระคาร์ดินัลลากี้จับมือทักทายกับบุช ท่านกล่าวว่า “ท่านประธานาธิบดี พ่อมาที่นี่เพื่อพูดกับท่าน และมาเพื่อนำสารของพระสันตะปาปามาแจ้งให้ท่านทราบ พ่อจึงอยากให้ท่านฟังพ่อสักครู่จะได้ไหม”

จากนั้น พระคาร์ดินัล กล่าวต่อไปว่า “ถ้าอเมริกาบุกไปทำสงครามในอิรัก มันจะมี 3 สิ่งที่ตามมา หนึ่ง จะมีผู้คนทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก สอง มันจะกลายเป็นสงครามกลางเมือง สาม อเมริกาคงรู้อยู่แล้วว่า การเข้าสู่สงครามนั้นง่าย แต่การหาทางออกจากสงครามนั้น ยากถึงยากที่สุด นอกจากนี้ ท่านกำลังจะไปจุดไฟสงครามให้เกิดกับโลกอาหรับ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหาทางดับไฟดังกล่าวในโลกของพวกเขา”

พอพระคาร์ดินัลกล่าวจบ ท่านได้มอบจดหมายจากสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ให้ประธานาธิบดีอเมริกา นำไปพิจารณา (มีการเปิดเผยว่า 3 สิ่งที่พระคาร์ดินัลพูดกับบุช เป็นสิ่งที่พระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ทรงระบุไว้ในจดหมายดังกล่าวแล้ว โดยพระสันตะปาปาทรงประสบกับสงครามมาแล้ว ในยุคสงครามโลก ครั้งที่ 2 พระองค์จึงรู้ดีว่า มันโหดร้ายและยากจะควบคุมเพียงใด)

อย่างไรก็ตาม หลังจาก บุช รับมอบจดหมายของพระสันตะปาปาแล้ว เขาตอบว่า “ในฐานะประธานธิบดีของสหรัฐอเมริกา ผมไม่เห็นด้วยกับคำขอร้องของพระศาสนจักรคาทอลิกในประเด็นการทำสงครามในอิรัก ผมมั่นใจว่า สิ่งที่ผมกำลังจะทำ เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า การบุกไปทำลายระบอบเผด็จการซัดดัมเป็นการช่วยเหลือชาวอิรัก และมันเป็นสิ่งถูกต้องที่เราต้องรีบดำเนินการ” ... และหลังจากพูดจบ บุชก็วางจดหมายของพระสันตะปาปาลงบนโต๊ะทำงานโดยไม่เปิดออกมาดูแม้แต่น้อย ก่อนจะพูดต่อไปว่า “สหรัฐอเมริกาเห็นด้วยกับพระศาสนจักรคาทอลิกในประเด็นการปกป้องสิทธิมนุษยชน ดังนั้น การทำสงครามนี้คือการช่วยให้ชาวอิรัก หลุดพ้นการกดขี่จากระบอบเผด็จการ ผมจึงมองไม่เห็นว่า ทำไมเราต้องล้มเลิกปฏิบัติการนี้”

แม้จะเจอปฏิเสธจากผู้นำตำรวจโลก แต่พระคาร์ดินัลลากี้ ยังพยายามโน้มน้าวว่า “ใช่ การปกป้องสิทธิมนุษยชนเป็นสิ่งถูกต้อง ท่านประธานาธิบดี โปรดฟังก่อน วันนี้ พ่อมาที่นี่เพื่อขอร้องท่านว่าอย่าทำสงคราม เพราะการทำสงครามก็เป็นการทำลายชีวิตซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นสิทธิมนุษยชนเช่นกัน”

อย่างไรก็ตาม พระคาร์ดินัลลากี้ ทราบว่า บุชมีคำตอบในใจแล้วว่า ยังไงก็ต้องเปิดฉากทำสงคราม การสนทนาในวันนี้ จึงจบลงด้วยเวลาเพียงแค่ 30 นาทีเท่านั้น เท่ากับว่า การที่พระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ทรงส่งทูตมือหนึ่งของพระองค์ไปเจรจากับประธานาธิบดีของอเมริกา ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง (สาเหตุที่พระสันตะปาปาส่ง พระคาร์ดินัลลากี้ ไปหาบุช เพราะว่า พระคาร์ดินัลลากี้ เคยเป็นผู้แทนพระสันตะปาปาประจำอเมริกามาก่อน และท่านก็เป็นเพื่อนสนิทกับ “บาร์บาร่า บุช” ภรรยาของประธานาธิบดีด้วย พระสันตะปาปาจึงคิดว่า บุชน่าจะฟังบ้าง แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นเช่นนั้น) 


คอนโดลีซซ่า ไรซ์ ผู้บงการห้าม พระคาร์ดินัลลากี้ สัมภาษณ์สื่อ

หลังจากเข้าพบประธานธิบดีจบลง กองทัพนักข่าวหลายสิบคนได้มารอพบ พระคาร์ดินัลลากี้ เพื่อขอสัมภาษณ์ถึงผลลัพธ์การเจรจา แต่ทว่า “คอนโดลีซซ่า ไรซ์” สั่งพระคาร์ดินัลลากี้ ห้ามให้สัมภาษณ์สื่อทุกแขนง เพราะมันจะส่งผลต่อการเตรียมกองทัพไปทำสงคราม วันต่อมา สื่อมวลชนรายงานข่าวว่า “สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ส่ง พระคาร์ดินัล ปีโอ ลากี้ มาพบ จอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ประธานาธิบดีอเมริกา แต่พระคาร์ดินัลลากี้ ถูกสั่งห้ามให้สัมภาษณ์นักข่าว” ด้วยเหตุนี้ คอนโดลีซซ่า ไรซ์ ได้เชิญ พระคาร์ดินัลลากี้ มาพบอีกครั้ง เพื่อขอให้ช่วยแก้ข่าวว่า ท่านไม่ได้ถูกสั่งห้ามให้สัมภาษณ์ แต่งานนี้ พระคาร์ดินัลลากี้ ตอบกลับไปว่า “มันเป็นหน้าที่ของพวกท่านที่ต้องชี้แจงนักข่าว เพราะเมื่อวานนี้ ท่านได้ตัดสินใจไม่ให้พ่อทำแบบนั้นไม่ใช่หรือ”

ทั้งหมดเป็นเรื่องราวในวันที่ 4-6 มีนาคม 2003 จากนั้น ประมาณ 2 สัปดาห์ วันที่ 19 มีนาคม 2003 จอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ได้สั่งการให้กองทัพสหรัฐฯบุกเข้าไปในอิรัก เพื่อทำสงครามโค่นล้มระบอบ ซํดดัม ฮุสเซ็น จนถึงทุกวันนี้ ความรุนแรงจากเหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่มีทีท่าจะจบลง มีแต่จะแย่ลงเรื่อยๆ แม้วันเวลาจะล่วงเลยไปกว่า 8 ปีแล้วก็ตาม ....



AVE   MARIA


Comments