ฟาติมาสาร - “ที่ใดมีพระเจ้า ที่นั่นมีอนาคต” (18 ก.ย. 2011)

วันพฤหัสบดีที่ 22 – วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายนที่จะถึงนี้ สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 จะเสด็จเยือนเยอรมนี บ้านเกิดของพระองค์ การไปครั้งนี้ พระองค์จะเยือน 3 เมือง ได้แก่ เบอร์ลิน เมืองหลวงของเยอรมนี (22-23 ก.ย.), แอร์เฟือร์ต (23-24 ก.ย.) และ ไฟร์บวร์ก (24-25 ก.ย.)





นี่เป็นการเสด็จกลับบ้านครั้งที่ 3 ของพระสันตะปาปา ครั้งแรก พระองค์มาเยอรมนีในปี 2005 เพื่อร่วมงานเยาวชนโลกที่เมืองโคโลญจน์ (เป็นการเยือนต่างประเทศครั้งแรกในฐานะพระสันตะปาปาของพระองค์ด้วย) ครั้งนั้น พระสันตะปาปาได้รับการต้อนรับดุจฮีโร่ เพราะอย่างที่รู้กันว่า พระสันตะปาปาจะเป็นซูเปอร์สตาร์ประจำงานเยาวชนโลก ส่วนครั้งที่สอง พระองค์กลับมาเยือนปี 2006 ครั้งนี้เป็นการเยือนแคว้นบาวาเรีย (มิวนิคและไฟร์ซิ่ง) พระสันตะปาปาได้รับการต้อนรับดุจฮีโร่เช่นกัน เพราะมันคือการกลับมาเยือน “บ้านเกิดของจริง” ของพระองค์ พระสันตะปาปากลับไปรำลึกความหลังทุกอย่าง อาทิ บ้านที่พระองค์ประสูติ, โบสถ์ที่รับศีลล้างบาป ศีลมหาสนิท และศีลกำลัง, อาสนวิหารที่ได้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์และพระสังฆราช รวมทั้งบ้านพระอัครสังฆมณฑลประจำอัครสังฆมณฑลที่พระองค์เคยใช้ชีวิตอยู่ด้วย

แต่สำหรับครั้งนี้ ความรู้สึกในการกลับมาเยือนประเทศบ้านเกิดมันจะต่างออกไป มันจะเป็นการผสมผสานระหว่างการต่อต้านและการให้กำลังใจ

การต่อต้านที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอนจะอยู่ที่ “เบอร์ลิน” เมืองหลวงของประเทศ ... ในอดีต เบอร์ลินคือเมืองหลวงของเยอรมันตะวันออก หนึ่งในดินแดนคอมมิวนิสต์อันรุ่งเรืองของยุโรป ก่อนจะลงลึกถึงรายละเอียด ขออธิบายให้หลายคนเข้าใจความแตกต่างทางศาสนาระหว่าง “เยอรมันตะวันออก” กับ “เยอรมันตะวันตก” สักเล็กน้อย

เยอรมันตะวันออก เป็นอดีตคอมมิวนิสต์ ขึ้นชื่อว่าคอมมิวนิสต์ ย่อมเบียดเบียนและมองว่าศาสนาเป็นอุปสรรคของระบอบการปกครองแบบนี้ เยอรมันตะวันออกก็เจอปัญหานี้เช่นกัน การเบียดเบียนคริสตังในยุคเยอรมนีถูกแบ่งแยกออกเป็น 2 ฝั่ง ส่งผลร้ายต่อคริสตังเบอร์ลินเป็นอย่างมาก สงฆ์นักบวชถูกฆ่าตาย โบสถ์คาทอลิกถูกทำลายหรือไม่ก็ถูกยึดไปเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน ผลของการเบียดเบียนเหล่านี้ถูกสะท้อนผ่านทางผลสำรวจล่าสุดที่ระบุว่า เบอร์ลินติด 1 ใน 5 เมืองใหญ่ของยุโรปที่พลเมืองตนเองเป็นคนไม่มีศาสนา (อันดับ 1 เมืองใหญ่ในยุโรปที่คนไม่มีศาสนาคือ “ปราก” เมืองหลวงของสาธารณรัฐเช็ก ... เช็กก็ถูกระบอบคอมมิวนิสต์เล่นงานจนพังไปเหมือนกัน)    

ส่วนเยอรมันตะวันตก เป็นดินแดนประชาธิปไตย จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมความเจริญทั้งทางวัตถุและจิตใจถึงรุ่งเรืองทางฟากตะวันตกเหลือเกิน (หากใครเคยไปเยอรมนี ทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตก น่าจะเห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน ฝั่งตะวันออก อาทิ เบอร์ลิน สถาปัตยกรรมจะเป็นแบบทื่อๆ ไร้ชีวิต ส่วนฝั่งตะวันตก จะดูสดใสมีชีวิตชีวา ตัวอย่างชัดเจนคือ เมืองมิวนิค และ เมืองโคโลญจน์)

กลับมาที่ผู้ประท้วงกันต่อ ... กลุ่มที่ประกาศว่า “มาประท้วงแน่ๆ” คือกลุ่มคนที่ไม่พอใจพระศาสนจักรคาทอลิกที่พยายามปกปิดคดีสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศและช่วยเหลือสงฆ์ที่ก่อคดี เรื่องนี้ พระสันตะปาปาทรงทราบดี และพระองค์พร้อมเชิญเหยื่อที่ถูกสงฆ์เหล่านั้นกระทำชำเรา มาพบ และกล่าวคำขอโทษพวกเขาแบบทีละคน (คดีสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศในเยอรมนี มีมาตั้งแต่ ค.ศ.1950 เราจะเห็นว่า พระสันตะปาปาองค์ปัจจุบันไม่ได้ทำผิด แต่ก็พร้อมจะเป็นตัวแทนพระศาสนจักรคาทอลิกกล่าวขอโทษพวกเขาแบบทีละคน สิ่งนี้จัดว่าเป็นแบบอย่างและน่าชื่นชมเป็นอย่างมาก) 

ส่วนกลุ่มผู้ประท้วงอื่นๆที่อาจมาผสมโรง ได้แก่กลุ่มคนรักร่วมเพศและกลุ่มผู้ว่างงาน พวกเขามองว่า การเชิญพระสันตะปาปามาเยือนประเทศ เป็นการใช้เงินที่สูญเปล่า ฉะนั้น น่าจะเอาเงินเหล่านี้ไปช่วยเหลือพวกเขาให้ได้งานทำโดยเร็วมากกว่า เรื่องนี้ คริสเตียน วูล์ฟฟ์ ประธานาธิบดีเยอรมนี ผู้ทูลเชิญพระสันตะปาปาให้มาเยือนประเทศ ออกมาชี้แจงว่า “เป็นสิทธิ์ของทุกคนที่จะวิจารณ์และประท้วง แต่ขออย่างเดียว ขอให้วิจารณ์และประท้วงอย่างอยู่กฏกติกาก็พอ” ขณะที่ คุณพ่อเฟเดริโก้ ลอมบาร์ดี้ ผู้อำนวยการสื่อมวลชนวาติกัน ก็กล่าวถึงการประท้วงว่า “เราเจอจนชินแล้ว สังคมประชาธิปไตยก็แบบนี้แหละ ทุกคนมีสิทธิ์แสดงความเห็นอย่างเท่าเทียมกัน แต่ขอให้อยู่ขอบเขตก็แล้วกัน”

ในส่วนของเมืองแอร์เฟือร์ตและเมืองไฟร์บวร์ก สองเมืองนี้อยู่ค่อนไปทางเยอรมันตะวันตก ดังนั้น การต่อต้านพระสันตะปาปาจึงไม่มีแน่ ที่หนักๆคงมีแค่เบอร์ลินเท่านั้น

การเสด็จเยือนเยอรมนีครั้งนี้ สภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งเยอรมนีตั้งชื่องานอย่างเป็นทางการว่า “WO GOTT IST, DA IST ZUKUNFT” (ภาษาเยอรมัน แปลว่า “ที่ใดมีพระเจ้า ที่นั่นมีอนาคต) เรียกได้ว่า เข้าใจตั้งตามสถานการณ์ในเบอร์ลินแน่ๆ เพราะตอนนี้ ชาวเยอรมันให้ความสนใจกับพระเจ้าน้อยจริงๆ เนื่องจาก 2-3 เดือนที่แล้ว มีการเปิดเผยเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศเยาวชนในสถานศึกษาคาทอลิก คริสตังหลายคนเลยตัดสินใจหันหลังให้กับพระศาสนจักร ยิ่งไปกว่านั้น ในแคว้นบาวาเรีย บ้านเกิดของพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ ก็มีการเปิดเผยว่า จำนวนคริสตังลดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

ฉะนั้น การเสด็จเยือนเยอรมนีครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งความท้าทายของพระสันตะปาปาองค์ปัจจุบัน ภารกิจการกอบกู้ความศรัทธาจะประสบผลสำเร็จหรือไม่ อีก 2 สัปดาห์ ผมจะนำมาเล่าให้ฟังครับ



AVE   MARIA
   

Comments