ฟาติมาสาร - บทสรุปพระสันตะปาปาเยือนโครเอเชีย (12 มิ.ย. 2011)

สัปดาห์ที่ผ่านมา หากใครตามข่าวสมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 จะพบว่า พระองค์เสด็จเยือนโครเอเชีย ประเทศในยุโรปตอนกลาง การเยือนครั้งนี้ พระสันตะปาปามีจุดประสงค์เพื่อร่วมงาน “วันครอบครัวคริสตังโครเอเชีย” รายละเอียดตรงนี้เป็นเช่นไร และรายละเอียดปลีกย่อยมีอะไรบ้าง ไปติดตามกันได้เลย    .... 




ในอดีต โครเอเชียเป็นส่วนหนึ่งของ “ยูโกสลาเวีย” กระทั่ง ค.ศ.1991 โครเอเชียได้แยกตัวอย่างเป็นทางการจากยูโกสลาเวีย (ปัจจุบัน ไม่มีประเทศยูโกสลาเวียแล้ว โดยประเทศแห่งนี้ ได้แยกตัวออกเป็น 6 ชาติ ได้แก่ โครเอเชีย, เซอร์เบีย, มอนเตเนโกร, มาเซโดเนีย, บอสเนียและเฮอร์เซโกวีน่า และสโลเวเนีย) 6 ประเทศที่กล่าวมา โครเอเชีย เป็นชาติเดียวที่ประชากรเป็นคาทอลิกมากที่สุด กล่าวคือ 90 เปอร์เซ็นต์ของชาวโครแอต นับถือศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก (โครเอเชีย มีประชากร 4.4 ล้านคน) ส่วนเซอร์เบีย, มอนเตเนโกร และมาเซโดเนีย นับถือศาสนาคริสต์ นิกายออโธด็อกซ์ ขณะที่บอสเนียและเฮอร์เซโกวีน่า เป็นชาวมุสลิม ส่วนสโลเวเนีย จริงๆแล้ว เป็นประเทศคาทอลิก แต่จำนวนคนไม่มีศาสนาเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว ทำให้อัตราส่วนเริ่มสูสีกันมาก จนยากจะระบุว่า เป็นประเทศที่คนส่วนใหญ่เป็นคาทอลิก

โครเอเชียเป็นประเทศคาทอลิกก็จริง แต่กระแสสังคมสมัยใหม่เข้ามาทำลายความเป็นคาทอลิกจนบอบช้ำพอสมควร ตัวอย่างชัดเจนคือคริสตังโครแอตประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ มองว่า การอยู่ร่วมกันฉันท์สามีภรรยา โดยไม่รับศีลสมรสให้ถูกต้องตามคำสอนพระศาสนจักร เป็นเรื่อง “โอเค” (ผมไม่ได้บอกว่า “ถูกต้อง”) ขณะที่ 20 เปอร์เซ็นต์ของคริสตังโครแอตที่รับศีลสมรสตามคำสอนพระศาสนจักร ชีวิตคู่ต้องจบลงด้วยการหย่าร้าง นอกจากนี้ แม้เป็นประเทศคริสตัง แต่กฏหมายโครเอเชีย กลับอนุญาตให้ “ทำแท้ง” ได้ถูกต้องตามกฏหมาย การทำแท้งในสังคมโครแอต เป็นสิ่งที่ได้รับจากยุคคอมมิวนิสต์ปกครองประเทศ แม้ว่า สภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศโครเอเชีย จะขอร้องรัฐบาลให้ยกเลิกกฏหมายดังกล่าว แต่ก็ยังไม่เป็นผล

อย่างที่เกริ่นไป พระสันตะปาปามาโครเอเชียเพื่อร่วมงาน “วันครอบครัวคริสตังโครเอเชีย” งานนี้ จัดเพื่อกระตุ้นให้คริสตังโครแอตเห็นความสำคัญของคำสอนพระศาสนจักรที่ว่าด้วยการแต่งงานอย่างถูกต้อง พระสันตะปาปาได้ตรัสให้โอวาทเพื่อเป็นแนวทางกับคริสตังกว่า 400,000 คนที่มาร่วมมิสซาวันดังกล่าว ใจความว่า “ครอบครัวคริสตังคือเครื่องหมายการประทับอยู่ของพระเจ้าและไม่มีสิ่งใดมาทดแทนได้ บุญราศี จอห์น ปอล ที่ 2 ตรัสเสมอว่า ครอบครัวคริสตังคือถนนสายแรกที่ถ่ายทอดความเชื่อและการประกาศพระวรสารให้สังคม จงหมั่นสอนลูกๆให้สวดภาวนา และท่านต้องร่วมสวดไปกับเขา จงพาเด็กๆไปรู้จักศีลศักดิ์สิทธิ์ เฉพาะอย่างยิ่ง ศีลมหาสนิทและพิธีมิสซา จงสอนเขาให้อ่านพระคัมภีร์พระวาจาของพระเจ้า จงระลึกเสมอว่า พระศาสนจักรคาทอลิกเริ่มต้นที่ครอบครัวคริสตังแต่ละครอบครัว นี่เป็นพระศาสนจักรเล็กๆ ก่อนที่แต่ละครอบครัวจะมารวมตัวกันในมิสซาและแผ่ขยายเป็นพระศาสนจักรสากล”

“บุญราศี จอห์น ปอล ที่ 2 สอนเราเสมอว่า ครอบครัวที่ถูกต้อง ถูกสร้างขึ้นระหว่างการแต่งงานของชายกับหญิง ในสังคมปัจจุบัน เราต้องสร้างครอบครัวที่ถูกต้องเหมือนที่พระเจ้าทรงสร้างเช่นกัน ยุคนี้ เราทราบดีว่า การกำจัดศาสนาออกจากชีวิต เพิ่มความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เราต้องช่วยปกปักรักษาพระเจ้าให้คงความสำคัญในสังคม อย่าปล่อยให้การกำจัดพระเจ้า เข้ามารุกรานครอบครัวของเรา จงพร้อมเสมอที่จะเป็นประจักษ์พยานถึงพระวรสารในครอบครัวและในสังคม” ... นี่เป็นส่วนหนึ่งในบทเทศน์ของพระสันตะปาปา

อีกหนึ่งสิ่งสำคัญของการเยือนโครเอเชีย อยู่ที่การกล่าวสุนทรพจน์กับคณะรัฐบาลและข้าราชการ พระสันตะปาปาทรงกล่าวถึงเรื่อง “การมีสติสัมปชัญญะในการแยกแยะความดีความชั่ว” ใจความว่า “คุณภาพสังคม คุณภาพชีวิต และคุณภาพของประชาธิปไตย ขึ้นกับหลายองค์ประกอบ แต่องค์ประกอบสำคัญอยู่ที่การมีสติสัมปชัญญะ แยกแยะผิดชอบชั่วดี สังคมไหนแยกแยะไม่เป็น สังคมนั้นต้องระวังอันตรายที่จะมาเยือน โลกตะวันตกพยายามนำวัฒนธรรมสมัยใหม่มาแทนที่พระเจ้า สิ่งนี้อันตรายมาก ข้าพเจ้าอยากขอร้องพวกท่าน ให้หยุดคิดอย่างรอบคอบและคิดอย่างมีสติว่า ศาสนาไม่ได้ตีกรอบให้สังคม แต่ศาสนาพยายามสอนให้คนมีศีลธรรม สอนคนแยกแยะความดีความชั่วให้เป็น”

เรื่องการแยกแยะความดีความชั่ว เป็นอีกคำสอนสำคัญในยุคของพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 จากการติดตามพระสันตะปาปาองค์นี้มาตั้งแต่วันแรกที่ได้รับเลือก ผมเข้าใจแนวคิดของพระสันตะปาปาเบเนดิกต์เป็นอย่างดีว่า เมื่อใดที่เรากำจัดศาสนาออกจากการดำเนินชีวิต เมื่อนั้น จิตใจของเราจะมีปัญหาในการแยกแยะความดีความชั่ว บางครั้ง เราทำผิดเล็กๆน้อยๆ แต่เรามองไม่ออกว่ามันเป็นความผิด เรากลับหยวนๆไปว่า ไม่เป็นไร แค่นี้เอง ... นี่คือสิ่งที่พระสันตะปาปาพยายามจะสื่อว่า ถ้าพระเจ้าไม่สัมผัสจิตใจเราอย่างแท้จริง เราจะมีปัญหาในการแยกแยะความดีความชั่วนั่นเอง



AVE   MARIA



Comments