ฟาติมาสาร - ในที่สุด ศาลก็สั่งให้ยุโรปแขวนไม้กางเขนได้!! (27 มีนาคม 2011)

ใจจริงแล้ว ผมอยากตั้งชื่อบทความวันนี้ว่า “ประตูนรกไม่มีวันชนะพระศาสนจักรได้” แต่กลัวว่า แฟนขาจรที่อ่านชื่อบทความก่อน (ถ้าชื่อน่าสนใจ ค่อยอ่านเนื้อหา) อาจจะไม่เข้าใจเนื้อหาที่ผมต้องการจะสื่อในวันนี้




หากยังจำได้ ผมเคยเล่าไปหลายครั้งว่า ตอนนี้ ทวีปยุโรปกำลังมีประเด็นคาราคาซังเกี่ยวกับ “ไม้กางเขน” เรื่องมันมีอยูว่า ค.ศ.2009 “ซอยเล่ ลาอุตซี่” คุณแม่ชาวฟินแลนด์ (แต่แต่งงานกับหนุ่มอิตาเลี่ยน) ได้ส่งลูกน้อย 2 คนเข้าเรียนในโรงเรียนแห่งหนึ่งใกล้ๆกับเมืองเวเนเซีย (เวนิส) ประเทศอิตาลี ผมไม่แน่ใจว่า โรงเรียนดังกล่าว บริหารงานโดยบุคลากรของพระศาสนจักรหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ โรงเรียนแห่งนี้แขวนไม้กางเขนไว้ทุกห้องเรียน ซึ่งมันสร้างความไม่พอใจและเดือดดาลแบบสุดๆให้กับคุณแม่ลูกสองคนนี้เป็นอย่างมาก

เหตุผลที่ทำให้คุณแม่คนนี้ไม่พอใจและไปต่อว่าผู้อำนวยการโรงเรียนก็คือ “ฉันและลูกๆ ไม่เชื่อพระเจ้า พวกเราไม่นับถือศาสนาใดๆ การที่โรงเรียนแขวนไม้กางเขนตามห้องเรียนซึ่งลูกของฉันต้องเข้าไปนั่งในนั้นทุกวัน มันไม่ต่างไปจากการยัดเยียดและละเมิดสิทธิของคนที่ไม่นับถือศาสนา รู้ไว้ด้วยว่า ไม้กางเขนกำลังทำลายเสรีภาพส่วนบุคคลของผู้ที่ไม่นับถือศาสนาชัดๆ” 

แม้จะเจอคำต่อว่าเข้าไป ผู้อำนวยการโรงเรียนก็ตั้งสติและปฏิเสธไปว่า “เป็นไปไม่ได้ที่เราจะนำไม้กางเขนออกจากฝาผนังห้องเรียน จริงอยู่ การแขวนไม้กางเขนบนฝาผนังไม่ใช่ข้อบังคับในอิตาลี แต่มันเป็นจารีตประเพณีที่พวกเราทำกันด้วยความเต็มใจและทำมาช้านาน”

อย่างไรก็ตาม คุณแม่ลูกสองคนนี้ก็ไม่ท้อ เธอเดินหน้าฟ้องศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปที่เมืองสตราส์บูร์ก ประเทศฝรั่งเศส หลังจากเธอยื่นคำร้องแล้ว มีรายงานข่าวว่า ศาลค่อนข้างอึ้งกับกรณีแบบนี้ มันเป็นคดีที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในยุโรป เนื่องจากยุโรปเป็นทวีปที่เติบโตมาจากประวัติศาสตร์คริสตศาสนา คนยุโรป 99 เปอร์เซ็นต์ “ภูมิใจสุดๆ” กับประวัติศาสตร์ของตน พวกเขาจะเย้ยคนอเมริกันว่า เป็นพวกไม่มีประวัติศาสตร์และไม่มีรากเหง้าวัฒนธรรม (ดูง่ายๆ เราไม่ค่อยเห็นคนยุโรปโอนสัญชาติ เพราะเขาภูมิใจกับชาติของตน) อีกประเด็นหนึ่งที่ทำให้ศาลงงก็คือ ไม้กางเขนไม่ได้ทำอะไรผิด ตรงกันข้าม ไม้กางเขนสอนให้มนุษย์รู้จักรักและให้อภัย (การต่อสู้ในชั้นศาลครั้งนี้ “ซอยเล่ ลาอุตซี่” เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ส่วนคนที่เป็นจำเลยคือรัฐบาลอิตาลี) 

ปี 2010 ศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปได้ทำการตัดสินคดีดังกล่าว ปรากฏว่า “ซอยเล่ ลาอุตซี่” เป็นฝ่ายชนะ เท่ากับว่า จากนี้ไป ไม้กางเขนจะเป็นสิ่งต้องห้ามในสถานที่สาธารณะทุกแห่งของอิตาลี อาทิ โรงเรียน, โรงพยาบาล และสถานที่ราชการทุกแห่ง ผลจากการตัดสินครั้งนั้น ได้สร้างความผิดหวังครั้งใหญ่ให้กับวาติกันและพระสันตะปาปาเป็นอย่างมาก ผมจำได้เลยว่า พระสันตะปาปาเคยออกมาประณามเรื่องนี้ โดยพระองค์ย้อนถามไปว่า “พระเยซูผู้ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน ทำผิดอะไร ทำไมสังคมต้องจ้องทำลายพระองค์ถึงเพียงนี้”  

วันเวลาผ่านไปเกือบ 1 ปี ล่าสุด เมื่อวันศุกร์ที่ 18 มีนาคม 2011 รัฐบาลอิตาลีได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปอีกครั้ง ปรากฏว่า คราวนี้ ทุกอย่างพลิก! ศาลพิพากษาให้ไม้กางเขนเป็นสิ่งถูกกฏหมายในที่สาธารณะของอิตาลี (มติ 15 ต่อ 2)

ครั้งนี้ ศาลให้เหตุผลว่า “หลังจากไตร่ตรองอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ศาลไม่พบว่า ไม้กางเขนที่ถูกแขวนไว้บนผนังห้องเรียน จะชี้นำนักเรียนให้มาเป็นคาทอลิก ศาลไม่พบว่า ไม้กางเขนจะไปทำร้ายสิทธิเสรีภาพของผู้ไม่นับถือศาสนาใดๆ” 

เมื่อการพิพากษาออกมาแบบนี้ ครอบครัวลาอุตซี่ได้ให้สัมภาษณ์นักข่าวว่า “พวกเราผิดหวังที่ศาลไม่เคารพสิทธิเสรีภาพและหลักการของสังคมอิตาเลี่ยน” (แต่ผมว่า สังคมอิตาเลี่ยน ได้รับการหล่อหลอมด้วยวัฒนธรรมคาทอลิกมาหลายศตวรรษไม่ใช่หรือ)

ทางด้าน “ฟรังโก้ ฟรัตตินี่” รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศอิตาลี ซึ่งขึ้นศาลเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้ไม้กางเขน ก็ให้สัมภาษณ์ด้วยความยินดีว่า “นี่คือการตัดสินที่ตั้งอยู่บนสิทธิของพลเมืองอิตาเลี่ยนที่จะปกป้องค่านิยมและเอกลักษณ์ของชาติตัวเอง”

ขณะที่ “คุณพ่อเฟเดริโก้ ลอมบาร์ดี้” ผู้อำนวยการสื่อมวลชนวาติกัน ก็กล่าวเรื่องนี้ด้วยยินดีว่า “นี่คือผลการตัดสินที่สำคัญและมีความหมายมากๆต่อประวัติศาสตร์ยุโรป นี่เป็นคดีที่ยาก แต่ศาลได้ช่วยปกป้องประวัติศาสตร์ยุโรปซึ่งก่อร่างสร้างตัวจากคริสตศาสนาให้ดำรงสืบไป เมื่อใดก็ตามที่ยุโรปถูกสั่งห้ามแขวนไม้กางเขน เมื่อนั้นยุโรปก็สูญเสียเอกลักษณ์แท้จริงของตัวเองไปแล้ว”

เป็นอันว่า ไม้กางเขนไม่ใช่ “ของต้องห้าม” ในสังคมอิตาเลี่ยนอีกต่อไป กรณีที่เกิดขึ้น สะท้อนให้เห็นว่า มนุษย์พยายามแสวงหาเสรีภาพแบบเกินเหตุ บางที ข้ออ้างที่บอกว่า ไม้กางเขนทำลายเสรีภาพของคนไม่นับถือศาสนา จัดเป็นข้ออ้างที่ไร้น้ำหนักและไร้เหตุผลมากๆ ไม้กางเขนเป็นเครื่องเตือนใจให้คนทำดีและให้อภัย ไม่ใช่เครื่องปลุกปั่นให้คนต้องมาสู้รบกัน ดังนั้น มองไม่เห็นเหตุผลเลยว่า ทำไมเราต้องพยายามกำจัดไม้กางเขนกันขนาดนี้

การพยายามกำจัดไม้กางเขนออกจากสังคม (หรือทำให้กลายเป็นส่วนเกินของสังคม) กำลังเป็นประเด็นร้อนในทวีปยุโรป นอกจากอิตาลี ก็มี สเปน ที่รัฐบาลท้องถิ่นในบางแคว้นสั่งห้ามไม่ให้แขวนไม้กางเขนไว้ในห้องเรียน เพราะละเมิดสิทธิเสรีภาพของคนที่ไม่ใช่คริสตชน เรื่องแบบนี้จัดเป็นกรณีที่น่าสนใจ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า มันจะไม่เกิดกับเมืองไทยของเราก็แล้วกัน (แต่ถ้าเกิด ก็ลองใช้เรื่องที่เกิดขึ้น เป็นกรณีศึกษาก็ได้)



AVE   MARIA


Comments