ฟาติมาสาร - THE RITE … ฅนไล่ผี (20 กุมภาพันธ์ 2011)

หลังมิสซาแห่แม่พระเมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้สนทนากับคุณพ่อสุชาติ อุดมสิทธิพัฒนา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสฯ และผู้อ่านบทอ่านในมิสซาแห่แม่พระอีก 2 ท่าน เกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่อง “THE RITE…ฅนไล่ผี” ณ ตอนที่สนทนา ผมยังไม่มีโอกาสได้ดูภาพยนตร์ แต่วันต่อมา ผมลองตีตั๋วเข้าไปดูว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอย่างไร


 


คุณพ่อแกรี่ โทมัส (ซ้าย) และ มัตเตโอ บาจโญ่

ภาพยนตร์เรื่องนี้ “บางส่วน” ถูกสร้างขึ้นจากหนังสือของ “มัตเตโอ บาจโญ่” นักข่าวผู้มีโอกาสติดตาม “คุณพ่อแกรี่ โทมัส” สงฆ์ชาวอเมริกันซึ่งถูกส่งตัวมาเรียนที่วาติกันในสาขาวิชาการไล่ปีศาจ หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า “THE RITE: THE MAKING OF A MODERN EXORCIST” ...  ที่ผมบอกว่า “บางส่วน” เพราะมีการดัดแปลงเนื้อหาจากหนังสือเยอะพอสมควร แต่ประเด็นสำคัญเรื่องพระสงฆ์คาทอลิกขับไล่ผีนั้น เป็นจริงและถูกต้องทุกประการ (ในภาพยนตร์ คนที่เล่นเป็น มัตเตโอ บาจโญ่ เป็นผู้หญิง แต่เรื่องจริงต้องเป็นผู้ชายที่ติดตาม คุณพ่อแกรี่ โทมัส)

เนื้อหาของภาพยนตร์แบบคร่าวๆ มีว่า ไมเคิ่ล โนวัค (ตัวจริงคือ คุณพ่อแกรี่ โทมัส) เณรชั้นปีสุดท้าย ผู้สับสนในความเชื่อและได้เขียนจดหมายลาออกจากบ้านเณรให้อธิการแล้ว ได้ถูกส่งตัวไปเรียนวิชาการไล่ปีศาจ (EXORCISM) ที่วาติกัน เมื่อมาถึงกรุงโรม เขาได้เข้าเรียนและถูกส่งตัวไปหา คุณพ่อลูคัส (ตัวจริงคือคุณพ่อคาร์มิเน่ เด ฟิลลิปส์ นักบวชคาปูชิน) สงฆ์ผู้เชี่ยวชาญการไล่ปีศาจ แรกๆ โนวัค ไม่เชื่อเรื่องการไล่ปีศาจ เขามองว่าคนที่บอกว่าโดนปีศาจเข้าสิงนั้น ป่วยทางจิตมากกว่า หลังจากนั้น เขาได้ตามคุณพ่อลูคัสไปร่วมพิธีไล่ปีศาจหลายครั้ง และในที่สุด ก็มีเหตุการณ์บางอย่างทำให้เขากลับมามีความเชื่อในพระเจ้าและต่อสู้กับความชั่วร้ายอย่างจริงจัง (ขอเล่าเท่านี้ละกัน เล่ามากเดี๋ยวเสียอรรถรสคนที่ยังไม่ได้ชม)

คาทอลิกมีพิธีไล่ปีศาจด้วยหรือ

เอาล่ะ มาถึงประเด็นสำคัญของภาพยนตร์เรื่องนี้กันดีกว่า หลายคนคงสงสัยว่า “คาทอลิกมีพิธีไล่ปีศาจแบบนี้ด้วยเหรอ” คำตอบก็คือ “มี ... การขับไล่ปีศาจที่มีบันทึกไว้อย่างชัดเจนสุดคือพระเยซูเจ้าทรงขับไล่ปีศาจให้ออกจากร่างชายคนหนึ่ง แล้วไปสิงในฝูงหมูจนวิ่งกระโจนตกหน้าผาตาย (มาร์โก 5:1-20) นอกจากนี้ เท่าที่ผมจำได้ พระเยซูเคยขับไล่ปีศาจที่ทำให้คนเป็นใบ้ (ลูกา 11:14-23)”

ขณะเดียวกัน ในพระศาสนจักรยุคแรกเริ่ม ฆราวาสสามารถทำหน้าที่ขับไล่ปีศาจได้ ตัวอย่างอยู่ในหนังสือกิจการอัครสาวก (19:13) แต่สมัยนี้ ผู้ประกอบพิธีขับไล่ปีศาจต้องเป็นพระสงฆ์ที่ผ่านหลักสูตรการขับไล่ปีศาจเท่านั้น นอกจากนี้ ก่อนทำพิธี พระสงฆ์ต้องได้รับการอนุญาตจากพระสังฆราชท้องถิ่นก่อน ถึงจะทำพิธีได้ ส่วนผู้ป่วยที่ถูกปีศาจเข้าสิง ต้องได้รับการตรวจอย่างละเอียดจากจิตแพทย์ก่อนว่า เขาคนนั้นไม่มีอาการผิดปกติทางจิตแต่อย่างใด ... ตัวอย่างการไล่ปีศาจที่ดังสุดในยุคของเรา ก็คือ สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 เคยประกอบพิธีขับไล่ปีศาจ 3 ครั้ง ได้แก่ปี 1982, 2000, 2001 โดยทั้งสามครั้งเกิดกับผู้หญิงทั้งหมด

กระแสตอบรับจากฝั่งคาทอลิกและความประณีตในการเลือกนักแสดง

ตามปกติ หนังฮอลลีวู้ด มักจะออกแนวเชิงลบกับพระศาสนจักรคาทอลิก แต่ “THE RITE…ฅนไล่ผี” ไม่ใช่อย่างนั้น หนังเรื่องนี้ได้รับการสรรเสริญสดุดีจากสภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างมาก เนื่องจากเนื้อหาการไล่ปีศาจคงสภาพจริงทุกอย่าง เช่นเดียวกับ การสะท้อนให้เห็นว่า พระเจ้าทรงมีชัยเหนือซาตานและความชั่ว นอกจากนี้ การคัดตัวนักแสดงนำ รวมไปถึงการเซ็นสัญญาที่ปรึกษาของเรื่อง ก็ทำแบบพิถีพิถัน โดยเป็นการเลือก “คนคาทอลิก” เข้ามาทำหน้าที่ควบคุมทุกรายละเอียด


แอนโธนี่ ฮ็อปกิ้นส์ (ซ้าย) และ โคลิน โอโดโนฮิว สองนักแสดงนำ

นักแสดงนำของเรื่องนี้ เป็นนักแสดงหน้าใหม่จากไอร์แลนด์ นามว่า “โคลิน โอโดโนฮิว” (เล่นเป็น ไมเคิ่ล โนวัค เณรผู้ถูกส่งตัวไปเรียนที่โรม) ผมมั่นใจว่า ไม่มีสื่อเจ้าไหนบอกเบื้องหลังของ โอโดโนฮิว ว่า นอกจากเป็นนักแสดงแล้ว เขามีหน้าที่พิเศษอะไรอีก คำตอบก็คือ โอโดโนฮิว เป็นคริสตังที่ศรัทธาและเคร่งครัด ทุกวันอาทิตย์ เขาจะทำหน้าที่เป็นคนอ่านบทอ่านในโบสถ์แห่งหนึ่งของอัครสังฆมณฑลดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ ส่วน “เซอร์ แอนโธนี่ ฮ็อปกิ้นส์” (รับบท คุณพ่อลูคัส สงฆ์ผู้ขับไล่ปีศาจ) ในอดีต เขาประกาศตนชัดเจนว่าไม่เชื่อพระเจ้า แต่ไม่กี่ปีมานี้ เขากลับใจและเชื่อว่าพระเจ้ามีจริง ฮ็อปกิ้นส์ บอกว่า ตนเป็นคริสตชนแล้ว แต่ไม่บอกว่าเป็นนิกายไหน

ขณะที่ “ที่ปรึกษา” ของภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้แก่ “คุณพ่อแกรี่ โทมัส” เจ้าของประสบการณ์จริงที่ถูกนำมาสร้างเป็นหนังนั่นเอง (ปัจจุบัน คุณพ่อโทมัส เป็นเจ้าอาวาสวัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า เมืองซาราโตก้า รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา)

คุณพ่อโทมัส แบ่งปันให้ฟังว่า “ตอนแรกที่วอร์เนอร์ บราเธอร์ส ติดต่อให้พ่อไปเป็นที่ปรึกษา พ่อปฏิเสธทันที พ่อบอกไปว่า พ่อไม่เชื่อใจว่า พวกคุณจะสร้างหนังให้ออกมาเป็นเชิงบวก เพราะอย่างที่รู้กัน สังคมฮอลลีวู้ดเกลียดพระศาสนจักรคาทอลิก แต่ทีมงานก็ให้สัญญาว่า หนังเรื่องนี้ไม่ใช่อย่างนั้น หนังเรื่องนี้จะนำเสนอแง่มุมที่เป็นตัวตนของคาทอลิก พ่อจึงนำสคริปท์มาอ่าน แล้วพบว่า มันเป็นแบบนั้นจริงๆ พ่อจึงเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาพระสังฆราช ท่านก็อนุมัติ พ่อจึงตัดสินใจเซ็นสัญญาเป็นที่ปรึกษา พร้อมทำหน้าที่ดูแลฉากขับไล่ปีศาจให้เหมือนเหตุการณ์จริงทุกอย่าง เช่นเดียวกับตรวจสอบเนื้อหาทุกตอนว่า ถูกต้องตามคำสอนของพระศาสนจักรคาทอลิกทุกประการ”

รายละเอียดของภาพยนตร์ มีผิดบ้าง

อย่างที่บอกไปก่อนแล้วว่า หนังเรื่องนี้ สร้างขึ้นจากหนังสือ “THE RITE: THE MAKING OF A MODERN EXORCIST” แค่ “บางส่วน” หมายความว่า ต้องมีเนื้อหาบางตอนถูกดัดแปลงไปให้ต่างจากของจริง เรื่องหลักๆที่ถูกดัดแปลงก็คือ “คุณพ่อแกรี่ โทมัส ถูกส่งตัวไปเรียนวิชาไล่ปีศาจที่วาติกัน ตอนอายุ 50 ปี ไม่ได้ถูกส่งไปเรียนตั้งแต่สมัยเป็นเณรชั้นปีสุดท้าย ไม่ได้ถูกส่งไปเรียนเพราะเกิดวิกฤติความเชื่อแบบในหนัง ที่สำคัญ ท่านไปเรียนตอนที่เป็นสงฆ์ผู้ขับไล่ปีศาจอยู่แล้ว”

นอกจากนี้ รายละเอียดเล็กๆที่ผมพอจะจับได้ว่า มันผิดเพี้ยนไปจากความจริงก็คือ

1) ในหนังบอกว่า ไมเคิ่ล โนวัค เป็นเณรสังกัดสังฆมณฑลปีสุดท้าย และใกล้จะได้รับการปฏิญาณตน (VOWS) ... แต่ในความเป็นจริง เณรสังกัดสังฆมณฑล (สงฆ์พื้นเมือง) จะไม่มีการปฏิญาณตนกับอธิการบ้านเณร พวกเณรพื้นเมืองจะได้รับการบวชเป็นสังฆานุกรและบวชเป็นพระสงฆ์ โดยจะเป็นลักษณะให้คำมั่นสัญญากับพระสังฆราชท้องถิ่น (การปฏิญาณตนกับอธิการเจ้าคณะ มีเฉพาะพวกนักบวช อาทิ สงฆ์คณะรอยแผลศักดิ์สิทธิ์, มหาไถ่, ซาเลเซียน และเยซูอิต)

2) ข้อนี้ ผมอาจจะคิดมากไปเอง เณรหรือสังฆานุกรที่กำลังมีปัญหาความเชื่อสั่นคลอนอย่างหนักถึงขั้นอยากลาออกจากบ้านเณร คงไม่มีพระสังฆราชหรืออธิการคนไหน “บ้าจี้” ส่งไปเรียนที่กรุงโรมแน่ๆ เพราะความเสี่ยงมันสูงมากว่าจะเป็นการลงทุนที่สูญเปล่า เนื่องจากไปถึงโรมแล้ว คนๆนั้นอาจใจแตก หลงกับความงดงามของกรุงโรมจนไม่สนใจเรียนก็เป็นได้

หนังเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า.....

สหรัฐอเมริกาจัดให้หนังเรื่องนี้อยู่ในประเภท “สยองขวัญ” ส่วนเมืองไทยจัดให้หนังเรื่องนี้อยู่ประเภท “ดราม่า” แต่สภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งสหรัฐอเมริกา บอกว่า ที่ถูก ควรจัดให้อยู่ในประเภท “ภาพยนตร์แนวความเชื่อศาสนา” มากกว่า เพราะแก่นแท้ของหนังเรื่องนี้คือการตั้งคำถามว่า “การที่คุณไม่เชื่อเรื่องปีศาจ(ความชั่ว) ไม่ได้หมายความว่า คุณจะรอดพ้นจากมัน” เนื้อหาในหนัง คุณพ่อลูคัส พยายามบอก ไมเคิ่ล โนวัก ว่า “ธรรมชาติของซาตานคือการพยายามทำให้เราเชื่อว่า มันไม่มีอยู่จริง เพื่อที่เราจะได้ทำชั่วตลอดเวลา เมื่อคนไม่เชื่อว่ามีปีศาจซาตาน คนก็จะไม่กลัวมัน และจะทำชั่วไม่จบสิ้น”

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่หนังพยายามสื่อก็คือ “การขับไล่ซาตานไม่สามารถทำได้ภายในวันเดียว บางกรณีใช้เวลาเป็นอาทิตย์ เป็นเดือน หรือหนักๆก็เป็นปี ดังนั้น เราต้องดำเนินชีวิตให้มีสติที่สุด เพื่อจะได้หลีกเลี่ยงการล่อลวงของปีศาจที่จะมาล่อลวงเราในการใช้ชีวิตประจำวัน” 

โฉมหน้า "คุณพ่อคาร์มิเน่ เด ฟิลลิปส์" หรือคุณพ่อลูัคัสในหนัง (ขอบคุณ: Alex Masi)


หน่วยงานขับไล่ปีศาจของพระศาสนจักรคาทอลิก

ปิดท้ายกันด้วยคำถาม ตอนนี้ พระศาสนจักรคาทอลิกมีหน่วยงานรับผิดชอบเรื่องการขับไล่ปีศาจหรือไม่ คำตอบคือ “มี” ...

ย้อนกลับไปเมื่อปี 1993 คุณพ่อกาบริเอเล่ อามอร์ธ, คุณพ่อจานคาร์โล กราโมลาซโซ่ และ คุณพ่อเจเรมีย์ เดวี่ส์ ได้ร่วมกันตั้ง “สมาคมผู้ขับไล่ปีศาจสากล” (ASSOCIAZIONE INTERNAZIONALE DEGLI ESORCISTI) โดยสมาคมนี้ได้รับการรับรองจากสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ด้วย

มาถึงปี 2007 สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงเรียกประชุมสมาชิกสมาคมดังกล่าว พร้อมรับสั่งให้เพิ่มการฝึกอบรมให้กับสงฆ์ที่สนใจจะเข้าร่วมหลักสูตรการอบรมไล่ปีศาจ

ล่าสุด เดือนพฤศจิกายน 2010 สังฆมณฑลบัลติมอร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้จัดการฝึกอบรมให้กับสงฆ์คาทอลิกที่สนใจและได้รับอนุญาตจากพระสังฆราชท้องถิ่นของตน ได้มาฝึกอบรมหลักสูตรการขับไล่ปีศาจ ปรากฏว่า งานประสบความสำเร็จงดงาม มีสงฆ์มาเข้าร่วมกว่า 100 คน (ฝึกอบรมเบื้องต้น แต่ยังไม่ได้รับการบรรจุเป็นสมาชิกสมาคมผู้ขับไล่ปีศาจสากล)

ปัจจุบัน สมาคมผู้ขับไล่ปีศาจ มีสมาชิกประมาณ 200 คนทั่วโลก ทั้งหมดเป็นสงฆ์คาทอลิกที่ผ่านหลักสูตรการขับไล่ปีศาจและผ่านการเห็นชอบจากพระสังฆราชท้องถิ่น ส่วนมากเป็นพระสงฆ์ในอิตาลี, สเปน, โปรตุเกส, ฝรั่งเศส, เยอรมนี และสหรัฐอเมริกา


AVE   MARIA






Comments

  1. น่าสนใจอยู่อย่างว่า
    มีกำไลชิ้นนึงเป็นรูป ดวงตา

    นั่นคือเครื่องหมาย หมายถึง พระญาณสอดส่อง(Divine Providence)

    ReplyDelete
  2. ใช่ๆ..หนังเรื่องนี้ ช่วยเรียกศรัทธาให้กับใครหลายๆคน

    ReplyDelete

Post a Comment