โป๊ปประณามการนำศาสนาบังหน้าการก่อการร้ายและการทำให้ศาสนาเป็นส่วนเกินของสังคม



สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขพระศาสนจักรคาทอลิก ทรงประณามการนำศาสนามาเป็นเครื่องบังหน้าในการก่อการร้าย เฉพาะอย่างยิ่งในอิรัก, อียิปต์, ไนจีเรีย และอินเดีย นอกจากนี้ ทรงตำหนิสังคมโลกตะวันตกที่พยายามกำจัดพระเจ้าและศาสนาให้เป็นส่วนเกินในการดำเนินชีวิต

เมื่อช่วงสายวันจันทร์ที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ได้เสด็จออกมาพบปะคณะทูตประเทศต่างๆที่ประจำสันตะสำนัก ซึ่งได้เดินทางมาเข้าเฝ้าถวายพระพรปีใหม่แด่พระสันตะปาปา การเข้าเฝ้าถวายพระพรนี้ เป็นประเพณีที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยพระสันตะปาปาจะทรงกล่าวสุนทรพจน์สะท้อนมุมมองของพระองค์ที่มีต่อสถานการณ์ในทวีปต่างๆ เป็นการแบ่งปันด้วย สำหรับใจความสุนทรพจน์ประจำปีนี้ พระสันตะบิดรผู้ศักดิ์สิทธิ์ ทรงเน้นหนักไปที่เรื่องการนำศาสนามาเป็นเครื่องบังหน้าเวลาก่อการร้าย และการเรียกร้องให้ปกป้องเสรีภาพในการนับถือศาสนา มิใช่กำจัดศาสนาออกจากการดำเนินชีวิต

ในช่วงต้นของสุนทรพจน์ พระสันตะปาปาทรงประณามการฆ่าคริสตชน เฉพาะอย่างยิ่งการฆ่าระหว่างคริสตชนร่วมพิธีในโบสถ์ เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดที่อิรัก, อียิปต์ และไนจีเรีย พร้อมกันนี้ ผู้นำชาวคาทอลิกทั่วโลกยังร่วมไว้อาลัยต่อการเสียชีวิตของ "ซัลมาน ทาเซียร์" ผู้ว่าการแคว้นปัญจาบ ประเทศปากีสถาน ซึ่งถูกลอบสังหารเนื่องจากมีท่าทีไม่เห็นด้วยกับกฏหมายต่อต้านศาสนาอิสลาม โดย ทาเซียร์ เป็นนักการเมืองที่มีจุดยืนชัดเจนในการคัดค้านกลุ่มเคร่งศาสนาแบบหัวรุนแรง รวมไปถึงต่อต้านการใช้ความรุนแรงโดยนำศาสนามาเป็นข้ออ้าง  พร้อมกันนี้ พระองค์ยังทรงแสดงความวิตกต่อสถานการณ์การนับถือศาสนาในประเทศจีน ซึ่งคริสตังที่ยอมร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระสันตะปาปา ต้องถูกจำกัดสิทธิและถูกเบียดเบียนอย่างหนักด้วย

พระสันตะปาปา ตรัสว่า "มิติทางศาสนาเป็นสิ่งที่ไม่สามารถถูกปฏิเสธและถูกแทนที่ เมื่อใดที่คนๆหนึ่ง รวมไปถึงคนรอบข้าง ปฏิเสธหรือเมินเฉยต่อมิติขั้นพื้นฐานนี้ ผลที่ตามมาก็คือภาวะไม่สมดุลและความขัดแย้งก็จะเกิดขึ้นกับทุกระดับของสังคมทันที มันจะเกิดกับคนๆนั้นเองและเกิดกับผู้คนในสังคม"

พระสันตะปาปา ยังทรงกล่าวชื่นชมบทบาทของ สหภาพยุโรป ที่เข้าไปช่วยเหลือและปกป้องชาวคริสต์ในตะวันออกกลางให้รอดพ้นจากการเบียดเบียน กระนั้นก็ตาม พระองค์ทรงแสดงความกังวลต่อสิทธิเสรีภาพของชาวยุโรปในการปฏิบัติศาสนกิจในที่สาธารณะ เนื่องจากรัฐบาลบางแคว้นในบางประเทศ ได้ออกกฏหมายห้ามติดสัญลักษณ์ทางศาสนาในสถานที่สาธารณะ เนื่องจากเป็นการละเมิดเสรีภาพของคนไม่นับถือศาสนา พระสันตะปาปาทรงแสดงความวิตกว่า การออกกฏหมายแบบนี้ เป็นการคุกคามสิทธิขั้นพื้นฐานในการนับถือศาสนาของคนในสังคม ทั้งยังเป็นการตอกย้ำว่า ศาสนากำลังจะกลายเป็นส่วนเกินของสังคมอีกด้วย

จากนั้น พระสันตะปาปายังได้กล่าวถึงสถานการณ์คริสตชนในคาบสมุทรอาระเบีย ซึ่งมีคริสตชนจำนวนมากเข้าไปทำงานในประเทศเศรษฐีน้ำมันทั้งหลาย พระสันตะปาปาทรงคาดหวังว่า โบสถ์คาทอลิกแห่งแรกจะได้รับการสร้างเพื่อเป็นที่สรรเสริญพระเจ้าสำหรับคริสตังในคาบสมุทรดังกล่าว ต่อจากนั้น พระองค์ทรง

ตอนท้าย พระสันตะปาปาทรงกล่าวกับคณะทูตจาก 178 ประเทศ เป็นการปิดท้ายว่า "ศาสนาไม่ใช่ตัวปัญหาของสังคม ศาสนาไม่ใช่ต้นเหตุของความขัดแย้ง ที่สำคัญ พระศาสนจักรคาทอลิกไม่ได้แสวงหาผลประโยชน์และสิทธิพิเศษจากพันธกิจที่ตนเองปฏิบัติ พระศาสนจักรคาทอลิกไม่หวังเข้าไปแทรกแซงกิจการในประเทศใดๆ"

หลังการกล่าวสุนทรพจน์จบลง พระสันตะปาปาทรงเปิดโอกาสให้คณะทูตได้เข้าถวายพระพรแบบทีละบุคคล จากนั้น พระองค์ทรงถ่ายรูปหมู่กับพวกเขาเป็นการปิดท้าย








Comments