พระสันตะปาปาขอร้องสื่อมวลชนคาทอลิกแสวงหาความจริง


สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขพระศาสนจักรคาทอลิก ทรงขอร้องสื่อมวลชนคาทอลิก แสวงหาความจริงให้กับโลกด้วยจิตใจที่ร้อนรนและสมเป็นมืออาชีพ พร้อมกันนี้ ทรงชี้ การนำเสนอข่าวสารยุคนี้ มุ่งเน้นแต่ความบันเทิงและกระตุ้นอารมณ์ให้คนคล้อยตาม จนลืมการไตร่ตรองเนื้อหาแท้จริงไปแล้ว ตอนท้าย ทรงกระตุ้นทุกคน ช่วยสร้างสังคมให้ตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระเจ้าในการดำเนินชีวิตประจำวัน




เมื่อช่วงเที่ยงวันพฤหัสบดีที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ได้เสด็จออกมาพบปะและให้โอวาทแก่ผู้เข้าร่วมการประชุมสื่อมวลชนคาทอลิกโลก การประชุมดังกล่าว สมณสภาสื่อสารสังคม เป็นผู้จัดขึ้น ระหว่างวันที่ 4-7 ตุลาคม โดยมีสื่อมวลชนกว่า 250 คน จาก 85 ประเทศเข้าร่วม ในส่วนใจความสำคัญของพระดำรัสที่ พระสันตะบิดรผู้ศักดิ์สิทธิ์ ตรัสกับผู้เข้าประชุม พระองค์ทรงย้ำว่า การแสวงหาความจริงและความถูกต้องเป็นหน้าที่สำคัญที่สุดของสื่อมวลชนคาทอลิก เพราะคนยุคนี้ มีปัญหาในการแยกแยะว่า สิ่งใดถูกและสิ่งใดผิดศีลธรรม นอกจากนี้ พระองค์ยังแบ่งปันว่า การนำเสนอข่าวสารยุคปัจจุบัน มักเมินเฉยต่อการไตร่ตรองความจริงที่เกิด โดยหันไปเน้นที่ความบันเทิงและการยั่วยุอารมณ์คนอ่านแทน

พระสันตะปาปา ตรัสว่า "การแสวงหาความจริงเป็นหน้าที่ที่นักข่าวคาทอลิกต้องทำให้สำเร็จลุล่วง การทำเช่นนี้ได้ ไม่ใช่อาศัยแค่ความคิดและจิตใจอันร้อนรนของการเป็นผู้ให้บริการข่าวสารที่เปี่ยมด้วยความสามารถและประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยความเป็นมืออาชีพอีกด้วย นี่คือสิ่งสำคัญยิ่งในสถานการณ์ตอนนี้ มันคือการเรียกร้องความเป็นนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ให้เป็นสื่อกลางของข้อมูลข่าวสาร และเพื่อเปลี่ยนแปลงให้เกิดสิ่งดีๆกับสังคม"

"ทุกวันนี้ โลกให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆมากขึ้น ในแง่หนึ่ง มันเป็นเรื่องดีอย่างไม่ต้องสงสัย แต่อีกแง่หนึ่ง เทคโนโลยีเหล่านี้จะพรากเราออกจากสัจธรรมความจริง บางครั้ง เทคโนโลยีใหม่ๆทำให้เราตกอยู่ในความเสี่ยงด้วยการมองสิ่งที่ผิดเป็นถูก มองสิ่งที่ถูกเป็นผิด มันพาให้เราสับสนกับความจริง เพราะเรื่องถูกหรือผิดมีความคล้ายกันมาก ยิ่งไปกว่านั้น การรายงานข่าวเหตุการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขหรือทุกข์ ล้วนเป็นไปในแนวบันเทิงเสียมากกว่า มันไม่มีการเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคข่าวสารได้ไตร่ตรองความจริงที่เกิดเอาเสียเลย การหาแนวทางนำเสนอข่าวด้วยความน่าเชื่อถือค่อยๆจางหายไป มันถูกแทนที่ด้วยการนำเสนอข่าวที่มุ่งยั่วยุอารมณ์ผู้บริโภคให้คล้อยตาม สิ่งเหล่านี้คือสัญญาณเตือนให้เราพิจารณาอย่างถี่ถ้วนว่า การแยกแยะเรื่องผิดถูกไม่เป็น ได้นำเราให้ถอยห่างจากความเป็นจริง นอกจากนี้ การแยกแยะเรื่องผิดถูกไม่เป็น ก็ไม่กระตุ้นมนุษย์ให้ค้นหาว่า อะไรคือความถูกต้องกันแน่"

"ด้วยเหตุนี้เอง สื่อมวลชนคาทอลิกจึงได้รับกระแสเรียกให้มาถ่ายทอดศักยภาพการรายงานข่าวของตนอย่างเต็มความสามารถ ... คริสตชนทุกคนไม่สามารถเมินเฉยต่อวิกฤติความเชื่อซึ่งกำลังแพร่ระบาดในสังคม แนวทางการดำเนินชีวิตที่ว่า โลกนี้ไม่มีพระเจ้า พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า มันสร้างความอันตรายใหญ่หลวงเพียงใด ดังนั้น เราต้องช่วยให้คนดำเนินชีวิตโดยตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระเจ้า มันอาจจะยากที่จะทำให้ทุกคนตระหนักได้แบบนี้ แต่ถ้าเราไม่ทำ ผลที่ตามมาก็คือมนุษยชาติจะอยู่อย่างไร้มนุษยธรรม"

"พี่น้องที่รัก พ่ออยากกล่าวย้ำกับท่านว่า หน้าที่ของสื่อมวลชนคาทอลิกคือการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ให้ก้าวไปหาพระคริสตเจ้าพระผู้ช่วยให้รอดแต่เพียงผู้เดียว จงปกปักรักษาเปลวไฟแห่งความหวังให้กับโลก จงดำเนินชีวิตอย่างมีคุณค่าและสร้างอนาคตที่ดีงามให้กับสังคม ... โดยอาศัยความมุ่งมั่นเหล่านี้ พ่อขอให้ความมั่นใจกับท่านว่า พ่อจะสวดภาวนาให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่ รวมไปถึงพี่น้องสื่อมวลชนคาทอลิกที่ทำงานอยู่ทั่วโลกด้วย" พระสันตะปาปา ตรัสปิดท้าย

หลังจากพระสันตะปาปาให้โอวาทแล้ว ไฆเม่ คอยโร่ ผู้อำนวยการสื่อมวลชนคาทอลิกแห่งประเทศชิลี ได้นำธงชาติชิลี พร้อมลายเซ็นต์ของคนงานเหมืองทอง 33 คน ซึ่งยังติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังตั้งแต่วันที่ 5 สิงหาคม มาถวายแด่พระสันตะปาปา โดยพระองค์ทรงรับมอบ และทรงย้ำว่า พระองค์ทรงสวดภาวนาให้พวกเขาทุกวัน และหวังว่า การช่วยเหลือซึ่งจะมีขึ้นในวันเสาร์นี้ จะประสบความสำเร็จไปด้วยดี

อนึ่ง การเข้าเฝ้าพระสันตะปาปาในครั้งนี้ มีผู้แทนสื่อมวลชนคาทอลิกแห่งประเทศไทย 3 คน เข้าร่วม ได้แก่ คุณพ่ออนุชา ไชยเดช, คุณพ่อภราดร อุ่นจตุรพร และ คุณวัชรี กิจสวัสดิ์ โดยวิดีโอคลิปที่ทาง วาติกัน อัพโหลดลงบนเว็บไซต์ "ยูทูบ" มีภาพของ คุณวัชรี กิจสวัสดิ์ กอง บ.ก.อุดมสาร ด้วย (วินาทีที่ 0.09 และ 0.31)
 









Comments