พระสันตะปาปาขอร้องเด็กๆ "จงกล้าดำเนินชีวิตดุจนักบุญ"


สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขพระศาสนจักรคาทอลิก ทรงขอร้องเด็กและเยาวชนเกาะอังกฤษ ให้กล้าดำเนินชีวิตดุจนักบุญผู้ศักดิ์สิทธิ์ พร้อมกันนี้ ทรงเน้นย้ำ วิทยาศาสตร์และศาสนา ต้องก้าวไปด้วยกัน เพราะถ้าขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ความพอดีก็จะหายไป ทรงเตือนใจ หน้าที่แท้จริงของครู ก็คือ การสอนให้ลูกศิษย์รู้จักดำเนินชีวิตให้เป็น ไม่ใช่สอนแต่เนื้อหาในตำราเพียงอย่างเดียว ตอนท้าย ทรงหวังเห็นสถานศึกษาคาทอลิก เป็นสถานที่ปราศจากการล่วงละเมิดทางเพศ





เมื่อช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ได้เสด็จไปยังวัดน้อยประจำมหาวิทยาลัยเซนต์ แมรี่ กรุงลอนดอน เพื่อพบปะและให้โอวาทกับผู้แทนคณะกรรมการการศึกษาคาทอลิกนานาชาติกว่า 300 คน มหาวิทยาลัยแห่งนี้ ได้รับการก่อตั้งเมื่อ ค.ศ.1850 ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยเซนต์ แมรี่ ได้รับการบริหารจัดการโดยนักบวชคณะวินเซนต์เชี่ยน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การศึกษาแก่เด็กๆในครอบครัวคริสตังผู้ยากไร้ ความพิเศษของพิธีนี้ อยู่ที่มีการถ่ายทอดสดไปยังสถาบันการศึกษาคาทอลิกทุกแห่งในสหราชอาณาจักรได้รับชมด้วย ในส่วนใจความสำคัญของสิ่งที่ พระสันตะบิดรผู้ศักดิ์สิทธิ์ ตรัสกับพวกเขา พระองค์ทรงหวังเห็นเด็กและเยาวชนประพฤติตนเป็นนักบุญผู้ศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนี้ ทรงเตือนสติให้นักวิทยาศาสตร์ ให้เปิดใจรับศาสนาเข้ามาในการดำเนินชีวิต ส่วนศาสนาก็ต้องเปิดใจศึกษาวิทยาศาสตร์ด้วย

ผู้นำชาวคาทอลิกทั่วโลก ทรงเริ่มต้นโอวาท ด้วยการทักทายว่า "นักเรียนนักศึกษาที่รัก วันนี้ พ่อมีโอกาสดีมากๆ ที่ได้มาอบรมพวกเธอ มีพระสันตะปาปาไม่กี่พระองค์ ที่จะมีโอกาสได้มานั่งเทศน์สอนเด็กนักเรียนกว่า 400,000 คนทั่วเกาะอังกฤษ ดังนั้น พ่อจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ในกลุ่มพวกเธอซึ่งกำลังนั่งฟังพ่อพูดอยู่นี้ จะมีบางคนได้เป็นนักบุญประจำศตวรรษที่ 21 เพราะสิ่งที่พระเจ้าต้องการจากพวกเธอแต่ละคน ก็คือ การดำเนินชีวิตเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ พระเจ้าทรงรักพวกเธอมากเกินกว่าที่เธอจะจินตนาการได้ ฉะนั้น สิ่งที่ดีที่สุดที่เธอจะตอบแทนความรักนี้ ก็คือ การประพฤติเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ นั่นเอง"

"พระเจ้าทรงต้องการมิตรภาพจากพวกเธอ และเมื่อใดที่เธอสร้างสัมพันธ์กับพระเจ้า ทุกสิ่งในชีวิตของพวกเธอก็จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น กล่าวคือ เธอจะเริ่มละทิ้งความเห็นแก่ตัวและความโลภ กลับกัน เธอจะเริ่มรู้สึกอยากแบ่งปันความรัก, ความเมตตา, ความเอื้ออาทรให้กับผู้อื่น สิ่งเหล่านี้แหละที่เป็นแนวทางสู่การเป็นนักบุญ"

จากนั้น พระสันตะปาปาได้ตรัสสอนนักเรียนนักศึกษา ใจความสำคัญว่า อย่าเป็นกบในกะลา เราต้องรู้จักศึกษาหาความรู้ให้มากๆ เพื่อจะได้เปิดโลกให้กว้างขึ้น พระองค์ตรัสว่า "พวกเธอต้องจำไว้เสมอว่า เวลาเรียนหนังสือ เราต้องรู้จักมองโลกให้กว้างๆ อย่ากักขังตัวเองไว้กับการมองโลกแบบแคบๆ เราต้องเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆที่เข้ามาในชีวิต"

ขณะเดียวกัน พระสันตะปาปา ยังตรัสกับนักเรียนนักศึกษาที่ไม่ได้เป็นคาทอลิก โดยทรงกล่าวว่า "สำหรับนักเรียนนักศึกษาที่ไม่ได้เป็นคาทอลิก พ่อก็ขอส่งความปรารถนาดีไปยังพวกเธอทุกคน พ่อหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เมื่อใดก็ตามที่เธอสำเร็จการศึกษาจากสถาบันการศึกษาคาทอลิก เธอจะเกิดความรู้สึกอยากแบ่งปันให้คนทั่วไปได้รับรู้ถึงคุณค่าและมุมมองความเชื่อ ซึ่งเธอได้รับผ่านทางการศึกษาตามแบบฉบับคาทอลิก"

หลังจากตรัสกับนักเรียนนักศึกษาแล้ว ก็เป็นคิวของบรรดาคณะกรรมการการศึกษาคาทอลิกนานาชาติ คนกลุ่มนี้ ประกอบไปด้วยอาจารย์หลายสาขา อาทิ แพทยศาสตร์, วิศวกรรมศาสตร์, วิทยาศาสตร์, ปรัชญา และเทวศาสตร์ พระสันตะปาปา ทรงให้ข้อคิดกับพวกเขาว่า วิทยาศาสตร์และศาสนา ต้องก้าวไปพร้อมๆกัน เพราะถ้าขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ความพอดีก็จะหายไป

พระสันตะปาปา ผู้ทรงพระชนมายุ 83 ชันษา ตรัสว่า "โลกต้องการนักวิทยาศาสตร์ที่ดีมีศีลธรรม แต่มุมมองวิทยาศาสตร์จะกลายเป็นมุมมองแคบๆอันน่าสะพรึงกลัว ถ้าหากมันมองข้ามมิติทางศาสนาและจริยธรรม ทำนองเดียวกัน ศาสนาก็จะกลายเป็นเรื่องแคบๆ ถ้ามันปฏิเสธจะทำความเข้าใจกับสิ่งดีๆที่วิทยาศาสตร์มอบให้กับโลก"

"พวกท่านก็ทราบดีว่า หน้าที่ของครู ไม่ได้หยุดอยู่แค่การสอนทักษะความรู้ให้กับลูกศิษย์ ถ้าทำได้แค่นั้น การอบรมสั่งสอนก็ถือว่าไร้ค่ามาก การให้การศึกษาที่แท้จริงนั้น อยู่ที่การสร้างคน เราต้องสร้างนักเรียนทั้งหญิงและชายให้รู้จักการดำเนินชีวิตทั้งครบ กล่าวโดยสรุปก็คือ เราต้องนำปรีชาญาณใส่ลงไปในการสอนด้วย ปรีชาญาณเที่ยงแท้คือสิ่งที่ไม่สามารถแยกออกได้จากการมีความรู้ในองค์พระเจ้า พระผู้สร้างสรรพสิ่ง" ผู้นำชาวคาทอลิกทั่วโลก ตรัสอย่างจริงจัง

ตอนท้าย พระสันตะปาปาชาวเยอรมัน ทรงกล่าวขอบคุณคณะนักบวชคาทอลิก ที่ทำงานด้านการศึกษาแก่เยาวชน พระองค์ตรัสว่า "วันนี้ พ่อได้มาอยู่ท่ามกลางบรรดาผู้ได้รับพระพรพิเศษในการให้การอบรมสั่งสอนเยาวชน พันธกิจการศึกษา ถือเป็นการนำแสงสว่างแห่งพระวรสารไปแพร่ธรรมในงานที่ท่านทำ ตอนเด็กๆ ตัวพ่อเองก็เคยได้รับการอบรมสั่งสอนจากซิสเตอร์ชาวอังกฤษ ถึงตอนนี้ พ่อยังรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณพวกท่านมากๆ ดังนั้น พ่อจึงขอขอบคุณพวกท่าน ที่ทำงานนี้อย่างสุดความสามารถ ขอให้ทุกคนช่วยกันสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยในสถานศึกษา เพื่อที่ว่า เด็กและเยาวชน จะได้ตั้งใจเรียนหนังสือ โดยไม่ต้องหวาดกลัวภัยอันตราย (จากการล่วงละเมิดทางเพศ) อีกต่อไป"


           


           




Comments