โป๊ปชี้สงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศคือเรื่องอัปยศของพระศาสนจักร


สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขพระศาสนจักรคาทอลิก ทรงชี้ชัด คดีสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศ จัดเป็นความอัปยศต่อพระศาสนจักรและยังทำลายคุณค่าของคริสตังทุกคน พร้อมกันนี้ ทรงร่วมเป็นทุกข์ไปกับคริสตชนทั่วโลก ซึ่งต้องทนทุกข์จากการเบียดเบียนศาสนา ทรงกระตุ้นคริสตังเป็นประจักษ์พยานถึงพระเยซู ตอนท้าย ทรงสอนเยาวชน จงรักเพื่อนมนุษย์ แบบ "บุญราศีเทเรซา แห่ง กัลกัตต้า"




เมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 18 กันยายน ที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงเป็นประธานในพิธีมิสซา ซึ่งจัดขึ้นที่อาสนวิหารพระโลหิตศักดิ์สิทธิ์ยิ่งของพระเยซูคริสต์ (Cathedral of the Most Precious Blood of Our Lord Jesus Christ) เขตเวสต์มินสเตอร์ กรุงลอนดอน โดยอาสนวิหารนี้ เป็นวิหารแม่ของพระศาสนจักรคาทอลิกอังกฤษและเวลส์ มิสซานี้ อาร์คบิช็อป โรแวน วิลเลียมส์ ผู้นำนิกายแองกลิกัน ก็มาร่วมพิธีด้วย ในส่วนใจความสำคัญของบทเทศน์ พระสันตะบิดรผู้ศักดิ์สิทธิ์ ทรงร่วมเชิญชวนทุกคน ภาวนาเพื่อคริสตชนที่ถูกกดขี่ข่มเหง จากนั้น พระองค์ได้ตรัสถึงเรื่องสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศ และการสอนเยาวชนให้รักผู้อื่น แบบไม่หวังผลตอบแทน

ภายในอาสนวิหารเวสต์มินสเตอร์ มีไม้กางเขนขนาดใหญ่แขวนอยู่บนเพดาน พระสันตะปาปาจึงเริ่มต้นบทเทศน์ ด้วยการเชื่อมโยงเรื่องนี้ เข้ากับชื่อของอาสนวิหาร (พระโลหิตศักดิ์สิทธิ์ยิ่งฯ) ว่า "ไม้กางเขนขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่เหนือพวกเรา คือเครื่องย้ำเตือนถึงพระคริสตเจ้ามหาสมณะผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ทรงร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับเราผ่านทางการเสียสละ, การทนทุกข์, การมีความหวัง และการเป็นแรงบันดาลใจ อาศัยพระคริสตเจ้า พร้อมกับพระคริสตเจ้า และในพระคริสตเจ้า เราได้ยกถวายร่างกายของเราให้เป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิต ที่ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า (โรม 12:1) ด้วยเหตุนี้ เราจึงร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับการถวายบูชาของพระคริสตเจ้า เหมือนที่ นักบุญเปาโล กล่าวไว้ว่า 'ความทรมานของพระคริสตเจ้ายังขาดสิ่งใด ข้าพเจ้าก็เสริมให้สมบูรณ์ ด้วยการทรมานในกายของข้าพเจ้า เพื่อพระกายของพระองค์คือพระศาสนจักร' (โคโลสี 1:24) ในการดำเนินชีวิตของพระศาสนจักร ไม่ว่าจะเป็นเวลาถูกทดลองและเผชิญความยากลำบาก พระคริสตเจ้าก็ทรงดำรงอยู่กับเราจนสิ้นพิภพ"

"เราได้เห็นธรรมล้ำลึกแห่งพระโลหิตศักดิ์สิทธิ์ในบรรดามรณสักขีทุกยุคสมัย พวกท่านเหล่านั้นได้ร่วมดื่มถ้วย(กาลิซ)เดียวกับพระคริสตเจ้า พวกท่านได้หลั่งเลือดสละตนเอง เพื่อมอบชีวิตใหม่ให้กับพระศาสนจักร สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงบรรดาพี่น้องคริสตชนชายหญิงทั่วโลก ซึ่งกำลังทนทุกข์ทรมานจากการถูกแบ่งแยกและถูกเบียดเบียนความเชื่อ ธรรมล้ำลึกแห่งพระโลหิตศักดิ์สิทธิ์ ยังหมายถึง ความทุกข์ทรมานภายในจิตใจที่คริสตชนแต่ละคนต้องประสบในการดำเนินชีวิตประจำวัน และยังหมายถึงความทุกข์ทรมานฝ่ายร่างกายที่บรรดาผู้ป่วย ผู้สูงอายุ และผู้พิการ ต้องประสบอีกด้วย ดังนั้น พ่อขอเชิญชวนเราทุกคน ระลึกถึงพวกเขาเหล่านี้ โดยผ่านทางพิธีมิสซานี้" พระสันตะปาปา ผู้ทรงพระชนมายุ 83 ชันษา ตรัสแบ่งปัน

จากนั้น พระสันตะปาปา ได้ตรัสเรื่องที่คนทั่วไป รวมไปถึงสื่อมวลชนที่คอยประโคมข่าวแง่ลบเกี่ยวกับพระศาสนจักรคาทอลิก รอฟัง ก็คือปัญหาล่วงละเมิดทางเพศในพระศาสนจักร พระสันตะปาปาทรงย้ำว่า เรื่องดังกล่าวสร้างความอัปยศให้กับพระศาสนจักรอย่างแท้จริง

พระสันตะปาปา ตรัสอย่างตรงไปตรงมาว่า "ธรรมล้ำลึกแห่งพระโลหิตศักดิ์สิทธิ์ ยังทำให้พ่อคิดถึงความเจ็บปวดแบบแสนสาหัส ซึ่งเกิดจากคดีล่วงละเมิดทางเพศเด็กและเยาวชน เฉพาะอย่างยิ่ง การล่วงละเมิดที่เกิดในพระศาสนจักรและเกิดจากตัวผู้อภิบาล ก่อนอื่นเลย พ่อขอร่วมเป็นทุกข์เสียใจอย่างสุดซึ้งต่อบรรดาผู้บริสุทธิ์ ซึ่งตกเป็นเหยื่อการล่วงละเมิดทางเพศในพระศาสนจักร พ่อหวังเป็นอย่างยิ่งว่า อาศัยฤทธานุภาพแห่งพระหรรษทานของพระคริสตเจ้า จะช่วยนำการเยียวยาและนำสันติมาสู่ชีวิตของผู้เคราะห์ร้ายทุกคน"

"พ่อขอยอมรับกับพวกท่าน (ผู้เคราะห์ร้าย) ว่า การล่วงละเมิดทางเพศที่เกิดในพระศาสนจักร ถือเป็นความอัปยศและทำลายคุณค่าสมาชิกพระศาสนจักรทุกคน ความทุกข์ระทมที่พระศาสนจักรกำลังประสบ ล้วนเป็นผลจากบาปผิดของเรา ดังนั้น พ่อขอเชิญชวนทุกคน ร่วมกันวอนขอพระเจ้า โปรดประทานการเยียวยาและบรรเทามายังเหยื่อผู้บริสุทธิ์ ขอพระเจ้าโปรดชำระพระศาสนจักรให้บริสุทธิ์ และขอพระองค์ฟื้นฟูพันธกิจการรับใช้งานด้านการศึกษาและการดูแลเยาวชน ให้กลับมาดีงามอีกครั้ง นอกจากนี้ พ่อขอขอบคุณทุกฝ่ายที่เอาใจใส่และช่วยกันแก้ปัญหานี้ด้วย"

ช่วงท้ายของบทเทศน์ พระสันตะปาปา ทรงขอร้องคริสตังอังกฤษ เป็นประจักษ์พยานถึงพระคริสตเจ้าในสังคมที่พยายามกำจัดศาสนาออกจากการดำเนินชีวิต พระองค์ตรัสว่า "ทุกคนคงทราบดีอยู่แล้วว่า สังคมทุกวันนี้ เรียกร้องการเป็นประจักษ์พยานถึงพระเจ้ามากขนาดไหน เราต้องเป็นประจักษ์พยานถึงความศักดิ์สิทธิ์, ความจริง, ความชื่นชมยินดี และอิสรภาพที่เกิดจากพระคริสตเจ้า"

"หนึ่งในความท้าทายอันยิ่งใหญ่ในยุคปัจจุบัน ก็คือ เราจะประกาศปรีชาญาณและฤทธานุภาพของพระเจ้าให้โลกรู้ได้อย่างไร โลกที่มองว่าพระวรสารคือสิ่งกีดกันเสรีภาพของพวกเขา" พระสันตะปาปา ตรัสในตอนท้าย

หลังพิธีมิสซาจบลง พระสันตะปาปา ได้เสด็จออกมาที่ลานหน้าอาสนวิหาร เพื่อทักทายบรรดาเยาวชนหลายพันคน พร้อมกันนี้ พระองค์ทรงกล่าวกับพวกเขาว่า "ลูกๆเยาวชนที่รัก พ่ออยากให้ลูกดู บุญราศีเทเรซาแห่งกัลกัตต้า เป็นตัวอย่างในการมอบความรักแก่ผู้อื่น คุณแม่เทเรซามอบความรักอันบริสุทธิ์ให้กับทุกคน ดังนั้น ในการดำเนินชีวิตประจำวัน เราต้องเลือกที่จะรักแบบไม่หวังผลตอบแทน การที่เราจะทำแบบนี้ได้ ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากพระคริสตเจ้า โดยผ่านทางการสวดภาวนาและรับปรีชาญาณจากพระวาจาของพระองค์"

ตอนท้าย พระสันตะปาปา ทรงเสกรูปแม่พระ ซึ่งจะส่งมอบให้กับคริสตังชาวเวลส์ เพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งการเสด็จเยือนของพระองค์ พระองค์ได้ตรัสก่อนเสกรูปแม่พระว่า "มันเป็นเรื่องน่าเศร้ามากที่การมาเยือนสหราชอาณาจักรในครั้งนี้ พ่อไม่มีโอกาสไปเยือนประเทศเวลส์ กระนั้น พ่อขอให้รูปแม่พระรูปนี้ ซึ่งจะได้รับการอัญเชิญไปไว้ที่สักการะสถานแม่พระแห่งแคร์ดิกัน (แม่พระประจักษ์ที่เวลส์) เป็นเครื่องหมายระลึกถึงความรักที่พระสันตะปาปาทรงมีต่อประชาชนชาวเวลส์ และเป็นเครื่องหมายย้ำว่า พระสันตะปาปาทรงร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพวกเขา ทั้งในคำภาวนาและการเป็นหนึ่งเดียวกันในพระศาสนจักร"



              



              



Comments