โป๊ปเรียกร้องเยาวชนอังกฤษตอบรับกระแสเรียกเป็นสงฆ์ผู้ศักดิ์สิทธิ์


สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขพระศาสนจักรคาทอลิก ทรงเรียกร้องเยาวชนเกาะอังกฤษ กล้าตอบรับกระแสเรียกเป็นสงฆ์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ ทรงย้ำ ความเชื่อคริสตชนจะไม่สมบูรณ์แบบ ถ้าเราไม่นำไปใช้ดำเนินชีวิตในสังคม ตอนท้าน ทรงประกาศชัด พระศาสนจักรไม่เคยหยุดประกาศพระวรสาร ซึ่งเป็นบ่อเกิดความสุขของชีวิต




เมื่อช่วงค่ำวันเสาร์ที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงประธานในการสวดทำวัตรเย็น เตรียมจิตใจก่อนพิธีสถาปนาบุญราศี จอห์น นิวแมน ซึ่งจัดขึ้นที่สาธารณะไฮด์ พาร์ค กรุงลอนดอน ในส่วนบทเทศน์ประจำพิธี พระสันตะบิดรผู้ศักดิ์สิทธิ์ ทรงเรียกร้องสัตบุรุษกว่า 200,000 คน ให้เปิดใจรับฟังเสียงของพระเจ้า เฉพาะอย่างยิ่ง เยาวชนต้องกล้าตอบรับกระแสเรียกสงฆ์ เช่นเดียวกับ ทรงยืนยันว่า ความเชื่อคริสตชนต้องบังเกิดผลในการดำเนินชีวิตประจำวัน

พระสันตะปาปา เริ่มต้นตรัส ด้วยการกล่าวถึง "พระคาร์ดินัล จอห์น นิวแมน" ซึ่งกำลังจะได้รับการสถาปนาเป็นบุญราศีในวันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน พระองค์ตรัสว่า "นับเป็นความชื่นชมยินดียิ่งที่ นักเทวศาสตร์ชื่อดังประจำศตวรรษที่ 19 อย่าง พระคาร์ดินัล จอห์น นิวแมน ผู้กลับใจจากนิกายแองกลิกันมาเป็นคาทอลิก และเป็นบุตรผู้ยิ่งใหญ่ของอังกฤษ กำลังจะได้รับการสถาปนาเป็นบุญราศีในวันพรุ่งนี้ จะมีสักกี่คนในอังกฤษและทั่วโลก ที่ได้มีส่วนร่วมในเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่นี้"

"โดยส่วนตัวแล้ว พ่อมีความชื่นชมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาประกอบพิธีสถาปนา พระคาร์ดินัลนิวแมน เป็นบุญราศี พระคาร์ดินัลนิวแมนคือแบบฉบับล้ำค่า ซึ่งพ่อยึดมั่นในการดำเนินชีวิตและเจริญชีวิตคริสตชน ท่านนิวแมนกล้าตอบรับพระประสงค์ของพระเจ้า ซึ่งเรียกท่านออกจากนิกายแองกลิกัน เพื่อร่วมเป็นหนึ่งเดียกับพระสังฆราชแห่งกรุงโรม (พระสันตะปาปา) การกลับใจของท่านนิวแมน เปี่ยมด้วยปรีชาญาณอย่างแท้จริง ท่านรำพึงพระวาจาของพระเจ้า และค้นพบความจริงว่า วัตถุประสงค์แท้จริงของการเป็นคริสตชน ก็คือ การรวมเป็นหนึ่งเดียวกันในพระศาสนจักร ดังนั้น พ่ออยากชี้ให้เห็นว่า ชีวิตของเราแต่ละคน ก็ต้องกล้าตอบรับพระประสงค์ของพระเจ้า และร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันในพระศาสนจักร เหมือนที่ พระคาร์ดินัลนิวแมน แสดงให้เห็นเป็นแบบอย่าง"

จอห์น นิวแมน ได้รับศีลล้างบาปเข้าเป็นสมาชิกพระศาสนจักรคาทอลิก เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม ค.ศ. 1845 จากนั้น ก็เข้ารับการอบรมในสามเณราลัย จนได้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์ใน ค.ศ. 1847 ที่กรุงโรม และใน ค.ศ.1879 สมเด็จพระสันตะปาปา เลโอ ที่ 13 จะสถาปนาท่านเป็นพระคาร์ดินัล หนึ่งในบทสอนที่ พระคาร์ดินัลนิวแมน มักจะเทศน์เตือนใจสัตบุรุษก็คือ "ความเชื่อต้องบังเกิดผล โดยการนำไปใช้ในการดำเนินชีวิตในสังคม"

พระสันตะปาปา จึงตรัสแบ่งปันเรื่องนี้ว่า "ยุคนี้ คงไม่มีใครคาดคิดว่า คริสตชนจะปฏิบัติตามบทสอนข้อนี้ได้ กระนั้นก็ตาม เราต้องกล้าเป็นประจักษ์พยานถึงความเชื่อที่มี และนำไปถ่ายทอดสู่สังคม เพื่อที่ว่า มันจะก่อให้เกิดแรงบันดาลและวาดฝันอันสดใสให้กับสังคม"

การสวดทำวัตรเย็นในวันนี้ หน่วยงานที่รับผิดชอบการจัดงานก็คือ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อเยาวชน หน่วยงานในสภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งอังกฤษและเวลส์ เมื่อเป็นเช่นนี้ สัตบุรษที่มาร่วมพิธีจึงประกอบด้วยกลุ่มเยาวชนมากเป็นพิเศษ

พระสันตะปาปาทรงใช้โอกาสนี้ ตรัสกับพวกเขาว่า "พระเจ้าทรงเรียกเราให้เป็นนักบุญในยุคที่เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย ฉะนั้น เราแต่ละคนจึงมีพันธกิจในการเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้น เราได้รับกระแสเรียกให้ปกป้องวัฒนธรรมแห่งความรักและความศักดิ์สิทธิ์ในตัวมนุษย์ หลายคนคงสงสัยว่า เราจะทำพันธกิจอะไรได้ เรื่องนี้ มีเพียงพระเยซูเท่านั้นที่ทรงทราบดีว่า เราแต่ละคนเหมาะกับงานตรงส่วนไหน พ่อจึงขอให้ทุกคน เปิดใจรับฟังเสียงเรียกของพระเจ้า เพื่อจะได้รู้ว่า พันธกิจที่พระเจ้ามอบให้เราคืองานอะไร พระเยซูทรงใช้หัวใจของพระองค์คุยกับเราแล้ว เราก็ควรใช้หัวใจของเราคุยกับพระองค์ด้วย" (Hearts speaks upto hearts - (ใจสื่อใจ เป็นคติพจน์ของพระคาร์ดินัล จอห์น นิวแมน)

จากนั้น พระสันตะปาปา ทรงกล่าวขอร้องพ่อแม่ผู้ปกครอง ให้ช่วยกันสั่งสอนบุตรหลานให้เติบโตเป็นคนดีมีศีลธรรม นอกจากนี้ พระองค์ยังขอร้องเยาวชนชาย ให้กล้าตอบรับกระแสเรียกการเป็นสงฆ์ และกล้าอุทิศตนทั้งครบให้พระเยซูคริสต์

พระสันตะปาปา ตรัสว่า "พระคริสตเจ้าทรงประสงค์ให้ครอบครัวทุกครอบครัว อบรมสั่งสอนลูกๆของตนอย่างสุดความสามารถ พระคริสตเจ้าทรงประสงค์ให้บุตรหลานของครอบครัวเหล่านี้ ดำเนินชีวิตด้วยความศักดิ์สิทธิ์ เพื่อติดตามพระองค์ด้วยใจสุภาพ, ยึดมั่นความยากจน และนบนอบต่อพระประสงค์ของพระองค์"

"ที่สำคัญ พระคริสตเจ้าทรงต้องการพระสงฆ์ พระองค์ต้องการสงฆ์ที่เป็นคนดีและเปี่ยมด้วยความศักดิ์สิทธิ์ พระคริสตเจ้าทรงต้องการเห็นเยาวชนชาย กล้าอุทิศชีวิตทั้งชีวิตให้กับฝูงแกะของพระองค์ ดังนั้น พ่อขอให้เยาวชนชาย สวดภาวนามากๆ เพื่อจะได้ทราบคำตอบที่แน่ชัดว่า พระเจ้าทรงจะประทานกระแสเรียกให้ลูกหรือไม่ ถ้าพระองค์ประทานให้ ก็ขอให้ลูกกล้าตอบรับด้วยความชื่นชมยินดี จงอย่ากลัวที่จะอุทิศตนทั้งครบให้พระเยซู พระองค์จะคอยดูแลและประทานพระหรรษทานมาให้แก่ลูก เพื่อเติมเต็มกระแสเรียกที่ลูกได้ตอบรับพระองค์"

ตอนท้ายของบทเทศน์ พระสันตะปาปา ทรงประกาศย้ำว่า พระศาสนจักร จะเดินหน้าประกาศพระนามของพระเยซูคริสต์อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย เพราะนี่คือบ่อเกิดของความสุขนิรันดร "แม้ว่า ยุคนี้ จะเป็นยุคที่พระวาจาของพระเจ้าไม่ได้รับการเหลียวแล แต่อย่างไรก็ตาม พระศาสนจักรจะไม่หยุดประกาศพระนามพระคริสตเจ้าและพระวาจาของพระองค์ให้โลกรับรู้ ทั้งนี้ เพื่อดำรงรักษาไว้ซึ่งบ่อเกิดแห่งความสุขแท้จริง อันเป็นรากฐานของความยุติธรรมและมนุษยธรรมในสังคม"

หลังจากการเทศน์สอนจบลง พระสันตะปาปา ได้เสด็จกลับไปเปลี่ยนอาภรณ์ เพื่อนำทุกคนเฝ้าศีลมหาสนิท เป็นการปิดท้ายพิธี



             




Comments