โป๊ปย้ำคริสตังต้องสวดภาวนาและปกป้องความศักดิ์สิทธิ์ในตัวมนุษย์


สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขพระศาสนจักรคาทอลิก ทรงย้ำ คริสตังทุกคน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ต่างมีหน้าที่เดียวกัน นั่นคือ สวดภาวนาและปกป้องความศักดิ์สิทธิ์ในตัวมนุษย์ ทรงยกย่อง "สมเด็จพระสันตะปาปา เลโอ ผู้ยิ่งใหญ่" เป็นแบบอย่างในเรื่องนี้อย่างแท้จริง ช่วงเทวทูตถือสาร ทรงขอร้องเยาวชน จงเชื่อและวางใจในพระเยซูอย่างแน่วแน่


                 


เมื่อช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ได้เสด็จอภิบาลคริสตัง เขต คาร์ปิเนโต้ โรมาโน่ แคว้นลาซิโอ ประเทศอิตาลี และเป็นประธานในพิธีมิสซาฉลอง "ปีเลโอ" (Leonine Year) ปีที่จัดเพื่อเฉลิมฉลอง 200 ปีแห่งการประสูติของ สมเด็จพระสันตะปาปา เลโอ ที่ 13 ผู้ทรงสมภพในย่านนี้ โดยมิสซาวันนี้ มีสัตบุรุษมาร่วมกว่า 5,000 คน นอกจากนี้ ยังมีความพิเศษอยู่ที่ พระสันตะปาปาทรงใช้ถ้วยกาลิซที่ พระสันตะปาปา เลโอ ที่ 13 เคยใช้ อีกด้วย

ในส่วนใจความสำคัญของบทเทศน์ประจำพิธี พระสันตะบิดรผู้ศักดิ์สิทธิ์ ทรงเน้นย้ำความสำคัญของการสวดภาวนา โดยชี้ว่า ถ้าปราศจากการภาวนา เราก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย นอกจากนี้ พระองค์ยังย้ำอย่างหนักแน่นว่า คริสตังทุกคน ไม่เว้นแม้แต่คนที่เป็นพระสันตะปาปา ต่างมีหน้าที่สำคัญคือช่วยปกป้องศักดิ์ศรีของความเป็นคน

พระสันตะปาปา เลโอ ที่ 13 ทรงปกครองพระศาสนจักร ระหว่าง ค.ศ.1878-1903 โดยพระองค์ทรงเป็นพระสันตะปาปาที่ครองราชย์ ยาวนานเป็นอันดับ 4 ในประวัติศาสตร์พระศาสนจักร (25 ปี 5 เดือน), เป็นพระสันตะปาปาที่อายุมากสุดในประวัติศาสตร์ นั่นคือ 93 ชันษา นอกจากนี้ พระองค์ยังเป็นพระสันตะปาปาที่รักการสวดภาวนามากแบบสุดๆ ก็ว่าได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ พระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 จึงแบ่งปันข้อคิดที่ได้จากการพระสันตะปาปาผู้ล่วงลับองค์นี้ว่า "เมื่อพูดถึง สมเด็จพระสันตะปาปา เลโอ ที่ 13 สิ่งแรกที่พ่อนึกถึงก็คือ การเป็นพระสันตะปาปาแห่งความเชื่อและการอุทิศตนอย่างร้อนรน สิ่งนี้ ย้ำเตือนคริสตชนทุกคน รวมไปถึงพระสันตะปาปาทุกพระองค์เกี่ยวกับการสวดภาวนา ถ้าปราศจากการภาวนา ชีวิตฝ่ายจิตของเรา ก็ไม่เป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า และเมื่อนั้น เราก็จะทำอะไรไม่ได้เลย"'

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ค.ศ.1891 พระสันตะปาปาเลโอ ทรงออกสมณสาส์น "การทำงาน" (Rerum Novarum) เนื้อหาภายใน ย้ำว่า พระศาสนจักรมีหน้าที่เรียกร้องทุกคน ให้คำนึงถึงศักดิ์ศรี และสิทธิของคนทำงาน นอกจากนี้ พระศาสนจักรยังประณามการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ด้วย

พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ จึงนำเรื่องนี้ มาสอนว่า "บรรดาผู้อภิบาลทุกคน ไม่ว่าจะเป็นพระสงฆ์หรือนักบวช เฉพาะอย่างยิ่ง คนที่เป็นพระสันตะปาปา ต่างมีหน้าที่ประกาศและถ่ายทอดปรีชาญาณของพระเจ้าให้กับประชากรของพระองค์ได้รับรู้ เราได้รับกระแสเรียกให้รับใช้สังคม ผ่านทางการปกป้องความศักดิ์สิทธิ์ในตัวมนุษย์ แน่นอนว่า พระสันตะปาปาเลโอ ที่ 13 ทรงดำเนินชีวิตเป็นแบบอย่างที่ชัดเจนในเรื่องนี้"


             


หลังจากพิธีมิสซาที่ คาร์ปิเนโต้ โรมาโน่ จบลง พระสันตะปาปาได้เสด็จกลับไปยังพระราชวังฤดูร้อน เขต คาสเตล กันดอลโฟ เพื่อนำสัตบุรุษสวดเทวทูตถือสาร ก่อนภาวนา พระองค์ได้ตรัสถึงงานชุมนุมเยาวชนโลก 2011 ซึ่งจะจัดที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน โดยใจความสำคัญนั้น พระสันตะปาปาทรงขอร้องเยาวชนให้เชื่อและวางใจในพระเยซูตลอดเวลา

พระสันตะปาปา ตรัสว่า "พ่อได้เลือกหัวข้อสำหรับงานเยาวชนโลก 2011 ว่า 'จงหยั่งรากลึกลงในพระองค์ และเสริมสร้างความเชื่อขึ้นในพระองค์' (โคโลสี 2:7) ความหมายของข้อความนี้ ก็คือ การเติบโตเป็นมนุษย์ทั้งครบและความมั่นคงภายในจิตใจ มีรากฐานมาจากความสัมพันธ์กับพระเจ้า ความสัมพันธ์นี้ คือสิ่งสำคัญที่จะช่วยเยาวชนในการเผชิญหน้ากับโลก ช่วยพวกเขาให้รู้จักมองโลกในแง่ดี มีจิตใจที่เปิดกว้าง และพร้อมเป็นผู้รับใช้ความดี ความยุติธรรม และความจริง"

"พ่อขอวิงวอนแม่พระ โปรดเป็นเพื่อนร่วมการเดินทางไปกับลูกๆเยาวชน ขอแม่พระคุ้มครองลูกๆให้ปลอดภัย ตลอดการเดินทางที่เราจะไปพบกับที่กรุงมาดริด ในปี 2011" พระสันตะปาปา ตรัสปิดท้าย






             Pastoral Visit to Carpineto Romano








































ภาพ : Getty Images, Reuters, Daylife, Pope Report








Comments