โป๊ปย้ำเอกภาพคริสตชนคือการร่วมกันประกาศพระวรสาร
สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขพระศาสนจักรคาทอลิก ทรงย้ำ เราสามารถเอาชนะความแตกต่างทางนิกายของกลุ่มคริสตชน ด้วยการร่วมมือกันประกาศพระวรสาร ยืนยัน การประกาศพระวรสารเป็นหน้าที่ของทุกคน พร้อมกันนี้ ทรงร่วมรำลึกงานคริสตศาสนสัมพันธ์ที่สกอตแลนด์ ซึ่งมีมิชชันนารี่แองกลิกันและโปรเตสตันท์มาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง ด้วยจุดประสงค์เดียวกัน นั่นคือ ประกาศพระนามพระคริสต์ให้โลกรู้
ปีนี้ สัปดาห์ภาวนาเพื่อเอกภาพคริสตชน มีหัวข้อว่า "ท่านทั้งหลายเป็นพยานถึงเรื่องทั้งหมดนี้" (ลูกา 24:48) พระสันตะปาปาจึงตรัสแบ่งปันเรื่องดังกล่าว ด้วยการเชื่อมโยงเข้ากับงานคริสตศาสนสัมพันธ์ที่ประเทศสกอตแลนด์ เมื่อค.ศ.1910 ซึ่งมีผู้นำศาสนาคริสต์นิกายต่างๆ มาร่วมงานอย่างคับคั่งว่า "การเป็นประจักษ์พยานถึงพระคริสตเจ้าผู้ทรงกลับคืนชีพ จัดเป็นคำสั่งที่พระเยซูทรงบอกกับอัครสาวกทุกคน สิ่งนี้ได้ก่อให้เกิดการเฉลิมฉลองทางความเชื่อในงานประชุมมิชชันนารี่ ที่เมืองเอดินเบอระห์ ประเทศสกอตแลนด์ หลายคนเชื่อว่า งานนี้คือเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่ทำให้เกิดการเสวนาคริสตศาสนสัมพันธ์ในโลกยุคใหม่"
"ในฤดูร้อน ปี 1910 เมืองหลวงของสกอตแลนด์ (เอดินเบอระห์) มีมิชชันนารี่จำนวนมาก ทั้งจากนิกายโปรเตสตันท์และแองกลิกัน พวกเขาได้มาร่วมกันแบ่งปันความจำเป็นในการแสวงหาเอกภาพทางความเชื่อ ทั้งนี้ เพื่อให้การประกาศพระคำสั่งสอนของพระเยซูคริสต์ เปี่ยมด้วยความน่าเลื่อมใสศรัทธามากยิ่งขึ้น นอกจากจะมีชาวโปรเตสตันท์และแองกลิกันมาร่วมแล้ว ยังมีคริสตชนออโธด็อกซ์ ผู้มีความปรารถนาจะประกาศพระคริสตเจ้าให้โลกรู้ ก็มาร่วมงานด้วย ทุกคนต่างมีจุดประสงค์เดียวกัน นั่นคือ นำสารแห่งการคืนดีและให้อภัยไปบอกกับโลก งานดังกล่าวประสบผลสำเร็จ และยังได้รับความสนใจจากคริสตชนกลุ่มต่างๆที่แตกแยกกันด้วย"
จากนั้น ประมุขพระศาสนจักรคาทอลิก ทรงกล่าวถึงอุปสรรคที่แบ่งแยกคริสตชนออกเป็นนิกายต่างๆ กระนั้นก็ดี พระองค์ทรงมั่นใจว่า ความแตกแยกจะหมดไป ถ้าเราทำพันธกิจที่มีจุดประสงค์เดียวกัน นั่นคือ การประกาศพระวรสาร "มีปัญหาบางประการได้แยกเราออกจากกัน แต่ขอให้เรามีความหวังเสมอว่า เราจะชนะความยากลำบากนี้ได้ผ่านทางการสวดภาวนาและการเสวนาคริสตศาสนสัมพันธ์ ยิ่งไปกว่านั้น เรายังต้องปฏิบัติพันธกิจด้วยการมีเป้าหมายเหมือนกัน ซึ่งได้แก่ การประกาศพระนามของพระเยซูคริสต์, ประกาศให้โลกรู้ถึงพระบิดาเจ้าสวรรค์, ประกาศชัยชนะแห่งการกลับคืนชีพของพระคริสตเจ้าที่เหนือบาปและความตายบนไม้กางเขน และประกาศความเชื่อที่ได้รับการฤทธานุภาพจากพระจิตเจ้า"
"ตามที่เรากำลังก้าวไปสู่ความเป็นเอกภาพทั้งครบ เราได้ถูกเรียกให้มาเป็นประจักษ์พยาน ด้วยการเอาชนะความท้าทายในรูปแบบต่างๆ อาทิ ลัทธิวัตถุนิยม ลัทธิไม่เชื่อในพระเจ้า และลัทธิสุขนิยม (Hedonism) เราต้องเอาใจใส่ต่อจริยธรรมละเอียดอ่อนที่เกี่ยวกับการเกิดและตายตามธรรมชาติ (หมายถึงการทำแท้งและการุญฆาต) เราต้องสนใจการเสวนากับพี่น้องต่างนิกายและต่างศาสนา สิ่งต่างๆเหล่านี้ ได้เพิ่มความซับซ้อนขึ้นมากในยุคปัจจุบัน ดังนั้น เราต้องเป็นพยานถึงพระเจ้า ด้วยการปกปักรักษาและเสริมสร้างคุณงามความดี สันติภาพ และปกป้องความศักดิ์สิทธิ์ในตัวมนุษย์ เราดูอย่าทอดทิ้งผู้หิวโหย ผู้ยากไร้ และต้องกำจัดการกระจายรายได้ที่ไม่เสมอภาคให้หมดไป"
"เราแต่ละคน ถูกเรียกให้มาทำพันธกิจบนหนทางแห่งความเป็นหนึ่งเดียวกันในการเป็นศิษย์ติดตามพระคริสตเจ้า เราต้องไม่ลืมว่า ความเป็นหนึ่งเดียวกันคือของขวัญชิ้นแรกและชิ้นสำคัญสุดที่เราต้องภาวนาวอนขอจากพระเจ้า ในความเป็นจริงแล้ว แรงขับเคลื่อนที่จะสนับสนุนความเป็นหนึ่งเดียวกันในหมู่คริสตชนนั้น เราได้รับจากการพบกับพระคริสตเจ้าผู้ทรงกลับคืนชีพ เหมือนอย่างที่นักบุญเปาโลได้พบระหว่างทางไปเมืองดามัสกัส เช่นเดียวกัน บรรดาสาวกทั้ง 11 คนก็ได้พบกับพระคริสตเจ้าที่กรุงเยรูซาเล็ม"
"ดังนั้น ขอให้พระนางพรหมจารีย์มารีอา ผู้เป็นพระมารดาของพระศาสนจักร ได้โปรดช่วยให้เราตระหนักถึงความปรารถนาที่พระบุตรของพระนางต้องการให้เกิดขึ้นด้วยเถิด ความปรารถนานั้นก็คือ "ข้าแต่พระบิดา ข้าพเจ้าอธิษฐานภาวนา เพื่อให้ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกัน (จอห์น 17:21)" พระสันตะปาปา ตรัสในตอนท้าย
Comments
Post a Comment