ก่อนจะมาเป็นโป๊ป เลโอ ที่ 14 (ตอน 9): โป๊ปฟรานซิส ยุบกลุ่ม SCV ก่อนสิ้นพระชนม์ 7 วัน โดยคาร์ดินัลเพรโวสท์ เป็นคนเดินเรื่องทั้งหมด
➡️ จุดเริ่มต้นเริ่มจาก “หนังสือที่สั่นสะเทือนศาสนจักรคาทอลิกเปรู”
➡️ ทริปโป๊ปฟรานซิสเยือนชิลี “ล้มเหลวไม่เป็นท่า” แต่ทำให้พระองค์รู้ตัวว่ามีบางอย่างซุกใต้พรม
➡️ จุดเปลี่ยนในเปรูเกิดขึ้น เมื่อ “บิช็อป โรเบิร์ต เพรโวสท์” ยื่นมือเข้าช่วย
➡️ การต่อสู้ทางกฎหมายและการเดินทางสู่โรม
➡️ ตัวช่วยเร่งให้ปิดเกมคือ บิช็อปเพรโวสท์อำลาเปรู ไปทำงานในวาติกันในฐานะคาร์ดินัล
➡️ บทสรุป พระสันตะปาปา ฟรานซิส ลงนามยุบกลุ่ม SCV ก่อนสิ้นพระชนม์ 7 วัน
➡️ จุดเริ่มต้นเริ่มจาก “หนังสือที่สั่นสะเทือนศาสนจักรคาทอลิกเปรู”
กลุ่ม “โซดาลิติอุม คริสตีอาเน วิเต” (Sodalitium Christianae Vitae จากนี้จะใช้ตัวย่อว่า SCV) ก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1971 โดยฆราวาสชาวเปรูชื่อ หลุยส์ เฟร์นันโด ฟิการี่ เพื่อต่อต้านกระแสของเทววิทยาแห่งการปลดปล่อย และได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากพระสันตะปาปา จอห์น พอล ที่ 2 ในค.ศ. 1997 กลุ่มนี้เติบโตจนมีอิทธิพลอย่างมากทั้งทางเศรษฐกิจและการเมืองในเปรู
จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นในค.ศ. 2015 เมื่อ “เปาล่า อูกาซ” นักข่าวคาทอลิกอิสระชาวเปรู และ “เปโดร ซาลินาส” ผู้รอดชีวิตจากการล่วงละเมิดของ SCV ได้ตีพิมพ์หนังสือ “Mitad monjes, mitad soldados” (ครึ่งนักพรต ครึ่งทหาร) ซึ่งรวบรวมคำให้การของอดีตสมาชิกที่ตกเป็นเหยื่อของการล่วงละเมิดทางร่างกาย เพศ และจิตใจนำโดยฟิการี่และผู้นำคนอื่นๆ
หนังสือเล่มนี้ได้บอกเล่าเรื่องอื้อฉาวครั้งใหญ่ แต่บรรดาเหยื่อกลับต้องเผชิญกับการเพิกเฉยอย่างเย็นชาจากศาสนจักรคาทอลิกในเปรู
➡️ ทริปโป๊ปฟรานซิสเยือนชิลี “ล้มเหลวไม่เป็นท่า” แต่ทำให้พระองค์รู้ตัวว่ามีบางอย่างซุกใต้พรม
ปกติ พระสันตะปาปา ฟรานซิส เสด็จเยือนประเทศไหนก็ตาม จะได้การต้อนรับอย่างอบอุ่นล้นหลามมากๆ แต่ปี 2018 พระองค์เสด็จเยือนชิลีและเปรู ปรากฏว่า การเยือนชิลี ล้มเหลวและหดหู่แบบไม่เป็นท่า เพราะตอนนั้น กระแสสังคมในชิลีผิดหวังกับบิช็อปและสงฆ์คาทอลิกอย่างมากที่ร่วมกันปกปิดและไม่ลงโทษ “เฟร์นานโด คาราดิม่า” สงฆ์จอมล่วงละเมิดที่มีอิทธิพลและบารมี ผลที่ตามมาคือ การเสด็จเยือนของพระสันตะปาปาเจอกระแสลงโทษจากสังคมชิลี ด้วยการไม่ต้อนรับพระองค์
หากใครอยากรู้ว่าทริปนี้ล้มเหลวอย่างไร ลอง search ว่า “Papa Francisco Chile 2018” ก็จะพบภาพข่าวคนโหรงเหรงมากในพื้นที่กว้างใหญ่ที่เตรียมไว้ให้มิสซาพระสันตะปาปา
หลังจบทริปนี้ พระสันตะปาปา ฟรานซิส รู้ตัวว่า มีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น พระองค์สงสัยว่า คนข้างล่าง (บิช็อปในชิลี) ปกปิดและบิดเบือนข้อมูลพระองค์แน่ๆ จากนั้น พระองค์ได้ตระหนักถึงวิกฤติการจัดการคดีล่วงละเมิดในชิลีอย่างจริงจัง ผลลัพธ์คือ พระสันตะปาปาออกมาขอโทษคาทอลิกชิลีอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ บิช็อปคาทอลิกชาวชิลี 34 คนยื่นจดหมายลาออกต่อพระสันตะปาปา หลังล้มเหลวแก้ปัญหาสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศ
➡️ จุดเปลี่ยนในเปรูเกิดขึ้น เมื่อ “บิช็อป โรเบิร์ต เพรโวสท์” ยื่นมือเข้าช่วย
เหตุการณ์ในชิลีส่งแรงกระเพื่อมทรงพลังมาที่เปรู จากที่ตอนแรกนิ่งๆไม่กล้าจัดการพวกสงฆ์หรือกลุ่มคาทอลิกทุจริตและล่วงละเมิดทางเพศ เจอเคสชิลีเข้าไป ทุกอย่างเริ่มสั่นสะเทือน
ค.ศ. 2019 ได้มีการจัดประชุมระหว่างเหยื่อของ SCV และบิช็อป 5 คน หนึ่งในนั้นคือ บิช็อปโรเบิร์ต เพรโวสท์ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งรองประธานสภาบิช็อปคาทอลิกแห่งเปรู
แต่การประชุมจัดได้ไม่กี่ครั้งก็หยุดชะงักลง เนื่องจากอาร์คบิช็อป มิเกล กาเบรโฆส ประธานในขณะนั้นได้ถอนตัวไป เนื่องจากทนรับความกดดันไม่ไหว เพราะอย่างที่เขียนไปข้างต้นว่า กลุ่ม SCV มีอิทธิพลอย่างมากทั้งทางเศรษฐกิจและการเมืองในเปรู
แต่ว่า บิช็อปเพรโวสท์ กลับไม่หยุดและไม่กลัวความกดดันจากสังคมที่จับจ้องอย่างหนัก
“บิช็อปโรเบร์โต้ (โรเบิร์ต ในภาษาสแปนิช) ไม่ใช่คนที่จะหยิบไม้ขีดไฟมาแล้วจุดเผาตึก ท่านจะมองหาหนทาง และท่านก็พบหนทางอื่นที่จะช่วยเหลือ” อูกาซ รำลึกเหตุการณ์ในตอนนั้น
บิช็อปโรเบิร์ต เพรโวสท์ ได้กลายเป็น "สะพานเชื่อม" ที่ทำงานอย่างเงียบๆ ท่านเข้าเจรจากับกลุ่มโซดาลิติอุมเพื่อหาข้อตกลงทางการเงิน จัดหายารักษาโรค และติดต่อนักจิตวิทยาเพื่อช่วยเหลือเหยื่อที่บอบช้ำที่สุด โดยเฉพาะกลุ่มที่ถูกเรียกว่า "ทาสของฟิการี" ซึ่งมีสภาพจิตใจที่เปราะบางและมีความเสี่ยงที่จะคิดสั้น
“เพรโวสท์ทำทั้งหมดนี้เป็นการส่วนตัว ท่านช่วยเหลือไปเรื่อยๆเป็นรายบุคคล” อูกาซ กล่าว
➡️ การต่อสู้ทางกฎหมายและการเดินทางสู่โรม
สถานการณ์เลวร้ายขึ้นไปอีกในปี 2020 เมื่อกลุ่ม SCV เดินหน้าฟ้องศาลว่า อูกาซและซาลินาส กล่าวหาและใส่ร้ายกลุ่มของตน เช่น การฟอกเงินและการหมิ่นประมาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ "เครื่องจักรแห่งการสาดโคลน" ที่ SCV สร้างขึ้นมา
บิช็อปเพรโวสท์ ที่เข้ามารับฟังเหยื่อและรู้ความจริงหลายอย่าง ทราบเรื่องการสาดโคลนนี้แล้ว จึงไปปรึกษา อาร์คบิช็อป นิโคล่า จิราโซลี่ สมณทูตวาติกันประจำเปรู และได้ข้อสรุปว่า “วิธีเดียวที่จะช่วย เปาล่า อูกาซ ให้ปลอดภัยได้ก็คือ เธอต้องเดินทางไปเข้าเฝ้าพระสันตะปาปา ฟรานซิส และกราบเรียนพระองค์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น”
การเดินทางเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2022 บิช็อปเพรโวสท์ ได้ทำเรื่องขอให้ อูกาซเข้าเฝ้าพระสันตะปาปา ฟรานซิส
เมื่อได้เข้าเฝ้า อูกาซ ได้กราบทูลพระสันตะปาปา ฟรานซิส ถึงเรื่องราวทั้งหมด ไม่ใช่แค่การล่วงละเมิด แต่ยังรวมถึงการข่มเหงรังแกชาวบ้าน การยึดที่ดิน และธุรกิจมืดที่เกี่ยวข้องกับที่ดินของสุสาน
“ฉันบอกพระสันตะปาปาว่า มีความกลัวอย่างมาก และพระองค์ต้องทำอะไรสักอย่าง ที่เปรู ไม่มีใครกล้าหยุดพวก SCV เลย” อูกาซเล่าถึงสิ่งที่เธอกราบทูลพระสันตะปาปา
ผลจากการเข้าเฝ้าครั้งนั้น พระสันตะปาปา ฟรานซิส ตัดสินใจส่งทีมสอบสวนที่เก่งที่สุดของวาติกัน นั่นคือ อาร์คบิช็อป ชาร์ลส์ สคลิคลูน่า ผู้ได้รับสมญานามว่า “มือปราบสงฆ์ล่วงละเมิด” ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความเก่งกาจมาตั้งแต่สมัยพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 และ มงซินญอร์ ฆอร์ดี้ เบร์โตเมว ไปยังเปรูในเดือนกรกฎาคม 2023
"เมื่องสองท่านนี้มาถึงเปรูและเริ่มดำเนินการลงพื้นที่สอบสวน พวกเขาบอกกับฉันว่า ‘คุณ(อูกาซ) เปิดโปงน้อยเกินไปด้วยซ้ำ จริงๆ มันมีอะไรที่ยังไม่ถูกกระชากออกมาอีกเยอะมากๆ” อูกาซ เล่าความหลัง
➡️ ตัวช่วยเร่งให้ปิดเกมคือ บิช็อปเพรโวสท์อำลาเปรู ไปทำงานในวาติกันในฐานะคาร์ดินัล
“เครื่องหมายแห่งกาลเวลา” จัดเป็นสิ่งสำคัญมากๆ เพราะในปี ค.ศ. 2023 พระสันตะปาปา ฟรานซิส เรียกตัว บิช็อปเพรโวสท์ ไปทำงานที่วาติกันในฐานะประธานสมณกระทรวงเพื่อบรรดาบิช็อป และเลื่อนขั้นเขาขึ้นเป็นคาร์ดินัล
เมื่อคาร์ดินัลเพรโวสท์ เป็นประธานสมณกระทรวงเพื่อบรรดาบิช็อป การสอบสวนกลุ่ม SCV ทวีความเข้มข้นขึ้นและส่งแรงกดดันขึ้นไปอีกจน อาร์คบิช็อป โฆเซ่ อันโตนิโอ เอกูเรน หนึ่งในผู้ก่อตั้ง SCV ต้องยื่นใบลาออกต่อพระสันตะปาปาในวันที่ 2 เมษายน 2024 ซึ่งเป็นสัญญาณว่าวาติกันเอาจริงเอาจัง
อย่างไรก็ตาม อิทธิพลของ SCV ยังแข็งแกร่งในเปรู เพราะสมาชิกของกลุ่มมีชื่อของ อเลฆานโดร เบร์มิวเดซ นักข่าวสายวาติกันหัวขวาจัด ได้ใช้เครือข่ายของตนปล่อยข่าวกล่าวหาว่า “คาร์ดินัลเพรโวสท์ปกปิดคดีสงฆ์ล่วงละเมิดทางเพศในเขตศาสนปกครองชิกลาโย่ ประเทศเปรู” นี่เป็นข้อหาเก่าๆ ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาจอมปลอมที่ถูกสร้างขึ้นโดยกลุ่ม SCV นอกจากนี้ SCV ยังเดินหน้าฟ้องอูกาซและซาลินาส อีกหลายคดี
ตุลาคม 2024 อูกาซและซาลินาส เริ่มท้อใจและเจอกลั่นแกล้งหลายคดี พวกเขาเดินทางมากรุงโรมเพื่อขอความช่วยเหลือจากพระสันตะปาปา ฟรานซิส และ คาร์ดินัล โรเบิร์ต เพรโวสท์ ผู้ที่รู้เรื่องทุกอย่าง
อย่างไรก็ดี หากจำกันได้ ตุลาคม 2024 คือโค้งสุดท้ายของการประชุมสมัชชาบิช็อปคาทอลิก (ซีน็อต) ว่าด้วยการเป็นศาสนจักรที่เดินไปด้วยกัน
อูกาซและซาลินาส จำได้แม่นว่า “คาร์ดินัลเพรโวสท์ แนะนำไม่ให้เราเข้าเฝ้าพระสันตะปาปา ฟรานซิส เพราะท่านกำลังยุ่งอยู่กับการประชุมสมัชชาบิช็อปคาทอลิก (Synod of Synodality) ท่านบอกพวกเราว่า ‘ให้เวลาผม(คาร์ดินัลเพรโวสท์)หน่อย แต่ผมต้องการรายงานจากพวกคุณ ช่วยเขียนเรื่องต่างๆ มาให้ผม และผมจะนำไปให้พระสันตะปาปา’”
ในที่สุด อูกาซ, ซาลินาส และเอลลิส อัลเลน นักข่าววาติกันอีกคน ซึ่งก็เป็นเหยื่อของโซดาลิติอุมเช่นกัน ก็สามารถเข้าเฝ้าพระสันตะปาปา ฟรานซิส ได้สำเร็จในวันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม 2024 เรื่องนี้ต้องขอบคุณคาร์ดินัลเพรโวสท์ ที่ประสานทุกอย่างให้
“ในตอนนั้น พระสันตะปาปา ฟรานซิส มีรอยฟกช้ำบนใบหน้าจากการหกล้ม แต่พระองค์ยังคงเฉียบแหลมมาก พระองค์ยืนยันว่าจะสนับสนุนพวกเรา รวมถึงภารกิจของอาร์คบิช็อปสคลิลูน่าและมงซินญอร์เบร์โตเมว พระสันตะปาปา ฟรานซิส ยังให้คำมั่นว่า ‘พ่อจะปิดเรื่องอย่างสุดความสามารถ พ่อจะทำให้มันถูกต้อง’” ซาลินาส ร่ายยาว
➡️ บทสรุป พระสันตะปาปา ฟรานซิส ลงนามยุบกลุ่ม SCV ก่อนสิ้นพระชนม์ 7 วัน
14 เมษายน 2025 หรือวันจันทร์ในสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ วาติกันประกาศว่า พระสันตะปาปา ฟรานซิส ลงนามสั่งยุบกลุ่มโซดาลิติอุมอย่างเป็นทางการ
พระสันตะปาปาให้เหตุผลว่า “ผู้ก่อตั้ง (หลุยส์ เฟร์นันโด ฟิการี่) ขาดพระพรพิเศษ (คาริสมา) อันมาจากพระเจ้า รวมถึงมีการล่วงละเมิดและพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและทารุณกรรมของฟิการีและผู้ร่วมงานของเขาจำนวนมาก”
จากนั้น 7 วันต่อมา หรือวันที่ 21 เมษายน 2025 พระสันตะปาปา ฟรานซิส สิ้นพระชนม์
หนึ่งในงานชิ้นสุดท้ายแต่สำคัญมากๆที่พระสันตะปาปา ฟรานซิส ได้ทำไว้ มันสำเร็จลงแล้ว โดยหนึ่งในทีมงานคนสำคัญของพระองค์คือ พระสันตะปาปา เลโอ ที่ 14 (โรเบิร์ต เพรโวสท์) ซึ่งเป็นคนดำเนินเรื่องทุกอย่างให้เบื้องหลังนั่นเอง
มงซินญอร์เบร์โตเมว หนึ่งในทีมสอบสวนของวาติกัน ยืนยันว่า “บทบาทของพระสันตะปาปา เลโอ ที่ 14 ในการยุบกลุ่มโซดาลิติอุมนั้น เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย เพราะเป็นท่านเองในฐานะประธานสมณกระทรวงเพื่อบิช็อป ที่ได้ศึกษาผลการสอบสวนและเรียกร้องให้มีการดำเนินการอย่างเด็ดขาดในนามของพระสันตะปาปา ฟรานซิส”
เปาล่า อูกาซ อีกคนสำคัญก็บอกว่า เธอจำเป็นต้องเล่าเรื่องนี้เพื่อปกป้องพระสันตะปาปา เลโอ ที่ 14 จากข้อกล่าวหาจอมปลอม และเพื่อแสดงความขอบคุณบทบาทของท่านสำคัญอย่างยิ่งจนถึงที่สุด
“พระสันตะปาปา เลโอ ที่ 14 ช่วยเหลือเหยื่อทุกคนแบบเงียบๆ ท่านไม่ได้ทำเพื่อให้เป็นข่าว เพราะนี่ไม่ใช่นิสัยของท่าน แต่ท่านทำเพื่อให้เหยื่อสามารถมีชีวิตรอดได้ ซึ่งคล้ายคลึงกับการที่คาร์ดินัลแบร์โกโญ่เคยช่วยเหลือผู้คนอย่างเงียบๆ ในยุคเผด็จการทหารของอาร์เจนตินา”
"พระสันตะปาปา เลโอ ที่ 14 เป็นนักคณิตศาสตร์ ท่านเป็นนักวางกลยุทธ์ตัวยง พูดภาษาสแปนิชได้อย่างสมบูรณ์แบบ และเข้าใจดีว่าลาตินอเมริกาและการทุจริตเคลื่อนไหวอย่างไร"
“ถ้าไม่ใช่เพราะพระสันตะปาปา ฟรานซิส และ พระสันตะปาปา เลโอ ที่ 14 วันนี้พวกเราคงอยู่ในคุกอย่างแน่นอน” เปาล่า อูกาซ นักข่าวคาทอลิกอิสระชาวเปรู กล่าวอย่างซาบซึ้ง
Sources:
3. https://www.nytimes.com/2024/09/26/world/europe/pope-peru-sodalitium.html
4. https://english.elpais.com/international/2025-05-09/leo-xiv-from-peru-with-love.html
9. https://www.newsweek.com/pope-francis-expel-peru-sodalitium-abuses-1959514
10. https://thecatholicherald.com/pope-meets-whistleblower-in-peruvian-church-group-abuse-scandal/
15. https://www.popereport.com/2018/04/blog-post.html
16. https://www.popereport.com/2018/05/34.html
Comments
Post a Comment