วาติกันเผยแพร่บทสัมภาษณ์โป๊ปฟรานซิสที่ไม่เคยออกอากาศ
- วาติกันเผยแพร่บทสัมภาษณ์โป๊ปฟรานซิสที่ไม่เคยออกอากาศ พระองค์ย้ำ พระเยซูเรียกสงฆ์จากประชาชนของพระองค์ ถ้าสงฆ์ลืมรากเหง้าของตน เขาจะทรยศต่อแผนการพระเยซู และสร้างกลุ่มชนชั้นนำขึ้นมา
- ทรงสอน ลองนึกถึงบิช็อปหรือสงฆ์ที่พูดว่า “เราสบายดีเพราะมีเงิน ศาสนจักรของเรามั่นคงเพราะฆราวาสบริจาคเงินให้เรา” ถ้าคิดแบบนี้ ศาสนจักรจะล่มสลาย อย่าไปฝากความหวังไว้แบบนั้น
- ทรงแบ่งปัน ชายหญิงที่ทำงานทุกวันเพื่ออบรมลูกในชีวิตคริสตชนและเป็นพยานถึงพระเจ้าให้ลูกเห็น พวกเขาก็เป็นมรณสักขีเช่นกัน หลายคนอาจไม่เห็นด้วย แต่พระสันตะปาปาบอกว่า มรณสักขีคือพยาน นี่คือความหมายในภาษากรีก ทุกคนที่เป็นพยานถึงพระเยซูคือมรณสักขี และสิ่งนี้เองที่ทำให้ศาสนจักรก้าวไปข้างหน้า
วาติกัน ตีพิมพ์บทสัมภาษณ์พระสันตะปาปา ฟรานซิส ซึ่งยังไม่เคยเผยแพร่ที่ไหนโดยสถานีโทรทัศน์ ESNE การสัมภาษณ์นี้เกิดในปี 2021 โดยพระองค์ให้สัมภาษณ์กับ โนเอล ดิอาซ ในหอพักซานตา มาร์ธา
Pope Report สรุปประเด็นสำคัญของการสัมภาษณ์มาให้ รายละเอียดมีดังนี้
1. “ท่านคือผู้สืบทอดของชายที่ชื่อซีโมน” ประโยคนี้เตือนใจพระองค์อย่างไร
พระสันตะปาปา ฟรานซิส ตอบว่า เตือนใจหลายอย่าง พระเยซูเรียกซีโมนท่ามกลางประชาชนที่อยากฟังพระวาจาของพระเจ้า พระองค์ไม่ได้แยกเขาออกจากผู้คน พระเยซูเรียกสงฆ์ของพระองค์จากท่ามกลางประชาชน ถ้าเปโตรลืมรากเหง้าของตนเอง เขาจะทรยศต่อแผนการของพระเยซู เขาจะสร้างกลุ่มชนชั้นนำขึ้นมา ผู้เลี้ยงต้องอยู่กับฝูงแกะ
พระเยซูทำอัศจรรย์เพื่อให้ทุกคนเชื่อมั่นในพระองค์ และเปโตรเองก็ได้เรียนรู้ว่า พระเจ้าทรงเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งได้ ผลที่ตามมาคือเปโตรยอมรับความอ่อนแอและความเป็นคนบาปของตนเอง เมื่อเขายอมรับสิ่งนี้ พระเยซูจึงเลือกเขาให้เป็นผู้นำและผู้เลี้ยงของศาสนจักร เพราะหัวใจของผู้เลี้ยงต้องถ่อมตนและพร้อมรับใช้
2. พระสันตะปาปารู้สึกอย่างไรกับ “บทบาทผู้สืบทอดตำแหน่งจากนักบุญเปโตร”
พระสันตะปาปา ตอบว่า พ่อรู้สึกว่าพระเจ้าอยู่เคียงข้างพ่อ พระองค์เป็นผู้เลือก พระเจ้าเชื้อเชิญพ่อ อยู่กับพ่อ และแม้พ่อจะไม่ซื่อสัตย์ แม้พ่อจะเป็นคนบาปเหมือนเปโตร พระองค์ก็ไม่เคยทอดทิ้งพ่อ พ่อจึงรู้สึกว่าพระองค์ดูแลพ่อ
3. พระองค์อยากแบ่งปันความรู้สึกอะไรไหม เมื่อเปโตรประกาศความเชื่อ (พระเยซูคือบุตรพระเจ้า)
พระสันตะปาปา บอกว่า พระเยซูทรงถามบรรดาศิษย์ว่า ‘พวกท่านคิดว่าเราเป็นใคร’ เปโตรตอบด้วยความเชื่อมั่นว่า ‘พระองค์คือพระคริสต์ บุตรของพระเจ้า’ พระเยซูจึงแต่งตั้งเปโตรให้เป็นศิลาหลักของศาสนจักร … ลองนึกภาพ เราพูดกับใครสักคนว่า ‘ท่านคือพระเจ้า บุตรของพระเจ้า’ ถ้าพูดอย่างนี้ เราคงถูกหาว่าบ้า แต่เปโตรเดิมพันทั้งชีวิต และพระเยซูอธิบายว่าทำไมเขากล้าทำเช่นนั้น ‘สิ่งที่เจ้าพูด พระบิดาทรงเปิดเผยผ่านพระจิต’
อย่างไรก็ตาม เมื่อเปโตรพยายามห้ามไม่ให้พระเยซูเดินทางสู่ไม้กางเขน พระเยซูกลับตำหนิเปโตรอย่างหนัก ‘ซาตาน จงถอยไปข้างหลังเรา’ นี่เป็นคำตำหนิที่รุนแรงที่สุด เพราะเปโตรอยากให้พระองค์หลีกเลี่ยงเส้นทางแห่งไม้กางเขน นี่คือการเตือนของพระเยซูต่อพระสันตะปาปาองค์แรก พระองค์เตือนว่าผู้นำศาสนจักรต้องเดินตามหนทางของพระเจ้า ไม่ใช่เดินตามความคิดของตนเอง
สรุปคือเปโตรเป็นผู้นำที่กล้าหาญและซื่อสัตย์ แต่ก็มีข้อผิดพลาด พระเยซูเลือกเขาเพราะความเชื่อในพระเจ้า ไม่ใช่เพราะความสมบูรณ์แบบ และศาสนจักรจะมั่นคงได้ด้วยการยึดมั่นในพระวาจาและหนทางของพระเยซูเท่านั้น
4. พระเยซูบอกว่า พลังอำนาจของความชั่วร้ายจะไม่มีวันชนะศาสนจักร ณ ตอนนี้ ความหวังของศาสนจักรตั้งอยู่บนอะไร
พระสันตะปาปาตรัสว่า เมื่อความหวังไม่ได้ตั้งอยู่บนการเผยแสดงของพระบิดาหรือการเลือกของพระเยซู แต่ตั้งอยู่บนสิ่งอื่น เช่น เงิน คำพูดที่ว่า ‘เราสบายดีเพราะมีเงิน’ ลองนึกถึงสงฆ์หรือบิช็อปที่พูดว่า ‘ศาสนจักรของเรามั่นคงเพราะฆราวาสบริจาคเงินให้เรา’ พ่ออยากบอกว่า อย่าฝากความหวังไว้ที่นั่น เพราะศาสนจักรจะล่มสลาย นั่นคือพลังของนรก
ความหวังของศาสนจักรต้องตั้งอยู่บนพระเจ้า ไม่ใช่สิ่งของหรือเงินทอง แม้พระเยซูเองจะถูกดูหมิ่นและตรึงกางเขน ศิษย์ของพระองค์ รวมถึงพระสันตะปาปาก็ต้องเผชิญความยากลำบากเช่นกัน แต่มรณสักขีและผู้ศรัทธาเป็นเครื่องยืนยันว่าศาสนจักรจะยืนหยัดต่อไป
5. อยากให้พระองค์แบ่งปันพระคัมภีร์ที่พระเยซูตรัสกับเปโตรว่า “จงเลี้ยงดูแกะของเรา เราบอกความจริงกับท่านว่า เมื่อท่านยังหนุ่ม ท่านแต่งตัวเองและเดินไปที่ที่ท่านต้องการ แต่เมื่อท่านแก่ ท่านจะเหยียดมือออก และคนอื่นจะสวมเสื้อผ้าให้ท่าน และพาท่านไปในที่ที่ท่านไม่ต้องการไป’...”
พระสันตะปาปา ตอบว่า เราก็เป็นเช่นนั้น แต่พระเจ้าดูแลเราด้วยฤทธิ์อำนาจของพระองค์ แม้เมื่อเราต้องเป็นมรณสักขี พระองค์ก็ทรงอยู่เคียงข้างเรา พูดถึงมรณสักขี พ่ออยากปิดท้ายด้วยการพูดถึงมรณสักขีในยุคปัจจุบัน ทุกวันนี้มีมรณสักขีมากกว่ายุคแรกของศาสนจักร
นี่คือศาสนจักรของมรณสักขี นี่คือศาสนจักรที่มีชัย ไม่ใช่ศาสนจักรที่มีเงินในธนาคาร ศาสนจักรของพยาน เพราะ “มรณสักขี” แปลว่า “พยาน” พ่อพูดถึงผู้ที่สละชีวิต แต่ชายหญิงที่ทำงานทุกวันเพื่ออบรมลูกในชีวิตคริสตชนและเป็นพยานให้กับลูก ก็เป็นมรณสักขีเช่นกัน
บางคนอาจแย้งว่า “ไม่ใช่แบบนั้นนะพระสันตะปาปา ถ้าเขาไม่ถูกฆ่า เขาก็ไม่ใช่มรณสักขี” ไม่ใช่เลย มรณสักขีแปลว่าพยาน มรณสักขีคือพยาน นั่นคือความหมายในภาษากรีก ทุกคนที่เป็นพยานถึงพระเยซูคือมรณสักขี และสิ่งนี้เองที่ทำให้ศาสนจักรก้าวไปข้างหน้า
Source:
- https://www.vaticannews.va/en/pope/news/2025-05/pope-francis-on-the-role-of-the-apostle-peter.html
Comments
Post a Comment